ขอวิธีคิดในการใช้เงินซื้อ สกิลแคร์ แพงๆหน่อยครับ

รู้นะครับว่า สกิลแคร์ที่ราคาแพง จะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละครับ ตามหัวข้อกระทู้เลย เพื่อนๆมีวิธีคิดยังไงในการตัดสินใจซื้อสกิลแคร์ที่มีราคาสูง 

Discussion (21)

เอมผิวแพ้ง่าย แต่ก็ชอบลอง ตื่นเต้นเวลาเห็นกสินแคร์ออกใหม่ๆ สุดท้ายต้องมาซ่อมหน้า บางทีค่ารักษาแพงกว่าค่าครีมอีก ถถถถถถ หลังๆ เปลี่ยนมาใช้วิธี หาซื้อเทสเตอร์ หรือ ไซส์มินิก่อนค่ะ เอามาเทสต์ก่อน ถ้าดีจริง ชอบจริง เข้ากับผิวเราจริง ค่อยซื้ออันใหญ่ ซึ่งช่วยประหยัดเงินได้มากเพราะบางทีสกินแคร์ที่ออกใหม่เราก็แค่อยากลอง บางทีซื้อไซส์เล็กยังใช้ไม่หมดเลย ทำให้ประหยัดส่วนต่างจากที่จะไปซื้อไซส์ใหญ่ได้เป็นพันๆ เลยค่ะ เซฟเงินไปเยอะมากกก (ถึงแม้การซื้อไซส์ใหญ่จะคุ้มกว่าเมื่อวัดปริมาณที่ได้ แต่เอมมองว่า ถ้าใช้ไม่หมดแล้วเหลือทิ้ง ก็เหมือนทิ้งเงินอยู่ดีค่ะ)
คือเราผิวแพ้ง่ายมากๆ มักจะขอ Tester ก่อน ถ้าไม่แพ้และเห็นผลและราคารับไหวก็ซื้อเลยค่ะ
ส่วนตัวจะดูตามกำลังซื้อของตัวเองก่อนค่ะ ว่าเราไหวแค่ไหน แล้วก็เลือกสกินแคร์ในระดับราคาที่รับได้
ดูของที่ต้องการใช้ค่ะ เปรียบเทียบราคาในแต่ละแบรนด์ดูความคุ้มค่า ที่สำคัญต้องเหมาะกับเรา แต่แอบให้ความสำคัญกับการถูกป้ายยาด้วย อิออ
เป็นคนนึงที่เคยคิดว่าเสียดายกับการลงทุนซื้อสกินแคร์แพงๆ แต่.... พอได้ลองเปิดใจซื้อครั้งนึง ก็เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมเราถึงควรลงทุนกับมัน การซื้อครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่า แพงจังวะ แต่ครีม Counter Brand ต่างๆ เท่าที่เคยใช้มา อย่างต่ำๆ เลย ใช้ได้ประมาณ 3 เดือน แต่ถ้านานๆ หน่อยใช้ได้เกือบปีกว่าจะหมด เพราะมันใช้นิดเดียวก็เกลี่ยได้ทั่วหน้าแล้ว แถมเห็นผล เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนด้วย เราเคยลองมาหารเฉลี่ยต่อเดือนเล่นๆ บางอย่างถูก และคุ้มกว่าครีมแบรนด์ทั่วไป ส่วนตัวครีมของแบรนด์ทั่วไปกระปุกใหญ่สุดเราใช้ได้อยู่ที่ประมาณ 1- 1.5 เดือนค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เคยใช้จริง Hada Labo Lotion ขวดขาว  170 มล. ราคา 520 บาท คิดที่ 3 เดือน (ตามที่เคยใช้จะอยู่ประมาณนี้ +- นิดหน่อย) ตกเดือนละ 173 กว่า น้ำตบเห็ด Origins 200 มล ราคา 1800 (ราคาซื้อจริงเราซื้อได้ถูกกว่านี้ แต่ขอใช้ราคาเต็มแล้วกัน) อันนี้เราใช้ได้ประมาณ 11 เดือน ตกเดือนละ 164 บาทโดยประมาณ แล้วถ้าคิดตามราคาจริงๆ ที่เราซื้อได้ก็จะถูกลงไปอีก 30 - 40%  นี่คือเหตุผลที่บอกว่ามันคุ้มกว่า และถูกกว่า ยังไงก็ลองดูค่ะ มันขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ และมุมมองของแต่ละคนด้วย