**หมาอัจฉริยะ
maewnoi9> >เจ้าของร้านขายเนื้อสดคนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจที่หมาตัวหนึ่งมาที่ร้าน
> >โดยในปากมันคาบแบงก์ 10 ดอลลาร์และกระดาษเขียนข้อความว่า
> >" ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ "
> >เขารู้สึกประทับใจความแสนรู้ของมัน ดังนั้น หลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์
> >และเอาไส้กรอกและขาแกะใส่ถุง แขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว
> >เขาจึงตัดสินใจปิดร้านสะกดรอยตามมันไป
> >หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย
> >มันก็วางถุงที่คาบไว้ลงแล้วยืนด้วยขาหลังและยกขา
> >หน้ากดปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนนแล้วก็คาบถุงต่อ
> >รอจนไฟคนข้ามเขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง
> >มันจ้องมองตารางเวลาเดินรถแล้วนั่งลงตรงที่นั่งรอ
> >สักพักมีรถเมล์คันหนึ่งมา
> >มันเดินไปดูหมายเลขที่หน้ารถแล้วก็กลับมานั่งรอต่อ
> >อีกสักเดี๋ยวก็มีรถเมล์มาอีกคัน
> >มันเดินไปดูหมายเลขรถอีก เมื่อเห็นว่าเป็น
> >สายที่มันรออยู่ มันจึงขึ้นรถเมล์คันนั้น
> >คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้างทึ่งในความแสนรู้ของมัน
> >แล้วรีบตาม มันขึ้นรถคันนั้นไป
> >หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง
> >เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ารถ
> >มันยืนด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ
> >เมื่อรถจอดมันก็ลงและเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
> >แล้วเลี้ยวเข้าไป
> >คนขายเนื้อยังสะกดรอยตามมันอยู่***งๆ เช่นเดิม
> >เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลง
> >แล้วถอยหลังมาตั้งหลักประมาณ 2-3 เมตร
> >จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง
> >มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้งแต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก
> >มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่และเอาหัวโขกที่หนาต่าง> >หลายครั้งแล้วก็เดินกลับมารอที่ประตู
> >
> >สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก
> >ซึ่งพอเปิดประตูเสร็จเขาก็เริ่มตะโกนด่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนั้นทันที
> >ถึงตอนนี้คนขายเนื้อ อดรนทนไม่ไหว
> >เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมา
> >พร้อมกับถามว่า
> >" คุณด่ามันทำไมกัน มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
> >ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่ "
> >เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า
> >" คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ เชอะ! รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สามในรอบ
> >สัปดาห์นี้นะที่มันลืมเอากุญแจบ้านติดตัวไปด้วย "
> >คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
> >"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น แต่ก็ยัง
> >ทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
> >ปล. ใครทำงานแล้วจะเข้าใจมุกนี้ดีสุด
> >โดยในปากมันคาบแบงก์ 10 ดอลลาร์และกระดาษเขียนข้อความว่า
> >" ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ "
> >เขารู้สึกประทับใจความแสนรู้ของมัน ดังนั้น หลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์
> >และเอาไส้กรอกและขาแกะใส่ถุง แขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว
> >เขาจึงตัดสินใจปิดร้านสะกดรอยตามมันไป
> >หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย
> >มันก็วางถุงที่คาบไว้ลงแล้วยืนด้วยขาหลังและยกขา
> >หน้ากดปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนนแล้วก็คาบถุงต่อ
> >รอจนไฟคนข้ามเขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง
> >มันจ้องมองตารางเวลาเดินรถแล้วนั่งลงตรงที่นั่งรอ
> >สักพักมีรถเมล์คันหนึ่งมา
> >มันเดินไปดูหมายเลขที่หน้ารถแล้วก็กลับมานั่งรอต่อ
> >อีกสักเดี๋ยวก็มีรถเมล์มาอีกคัน
> >มันเดินไปดูหมายเลขรถอีก เมื่อเห็นว่าเป็น
> >สายที่มันรออยู่ มันจึงขึ้นรถเมล์คันนั้น
> >คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้างทึ่งในความแสนรู้ของมัน
> >แล้วรีบตาม มันขึ้นรถคันนั้นไป
> >หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง
> >เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ารถ
> >มันยืนด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ
> >เมื่อรถจอดมันก็ลงและเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
> >แล้วเลี้ยวเข้าไป
> >คนขายเนื้อยังสะกดรอยตามมันอยู่***งๆ เช่นเดิม
> >เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลง
> >แล้วถอยหลังมาตั้งหลักประมาณ 2-3 เมตร
> >จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง
> >มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้งแต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก
> >มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่และเอาหัวโขกที่หนาต่าง> >หลายครั้งแล้วก็เดินกลับมารอที่ประตู
> >
> >สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก
> >ซึ่งพอเปิดประตูเสร็จเขาก็เริ่มตะโกนด่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนั้นทันที
> >ถึงตอนนี้คนขายเนื้อ อดรนทนไม่ไหว
> >เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมา
> >พร้อมกับถามว่า
> >" คุณด่ามันทำไมกัน มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
> >ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่ "
> >เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า
> >" คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ เชอะ! รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สามในรอบ
> >สัปดาห์นี้นะที่มันลืมเอากุญแจบ้านติดตัวไปด้วย "
> >คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
> >"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น แต่ก็ยัง
> >ทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
> >ปล. ใครทำงานแล้วจะเข้าใจมุกนี้ดีสุด
Discussion (9)
โดนใจมนุษย์เงินเดือนสุดๆ เลยค่ะ
โอ๊ยยยย จุก
แต่ก็ยัง ทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
โดนเต็ม ๆ