ปวดท้องเมนส์อย่ามองข้าม∣แชร์ประสบการณ์ผ่าซีสต์! ที่สุดซี๊ดดด😖
Minipp5214ใช่ค่ะ ตามชื่อกระทู้
มิ้นท์ไปผ่า Chocolate cyst เมื่อ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 มาค่ะทุกคน
แต่ผลออกมาจะใช่ chocolate cyst จริงรึป่าว? มาอ่านกันเลยค่ะ
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวของสาวๆ มากนะ มิ้นท์เห็นว่ามันมีประโยชน์
เลยอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนรู้กัน ว่ามิ้นท์มีอาการยังไง? เมื่อไหร่ถึงไปหาหมอ?
ขั้นตอนการรักษาและการผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง? เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
〰️ ปวดท้อง.. อย่ามองข้าม
ตั้งแต่วัยเด็กมีประจำเดือนจนตอนนี้อายุ 25 ปี มิ้นท์ไม่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนเลยค่ะ
แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา (มกราคม 2563) มิ้นท์ก็เริ่มมีอาการปวดท้องประจำเดือนค่ะ
มิ้นท์ก็คิดว่าเป็นอาการปกติของคนมีประจำเดือนที่คนมักจะปวดท้องกัน ทนได้ ไม่ได้ต้องกินยา
เลยปล่อยผ่านไป
หลังจากนั้น อาการปวดประจำเดือนของมิ้นท์เริ่มรุนแรกมากขึ้นในแต่ละเดือนค่ะ
คือ จากที่ไม่ต้องกินยา ก็ต้องกินยาแก้ปวด จากกิน 1 เม็ด เดือนถัดมากิน 3 เม็ด
เดือนต่อๆ ไปกินมากขึ้นอีกเรื่อยๆ จนเริ่มทนไม่ได้
〰️ต้องหาหมอแล้วแหละ!
จนเหตุการณ์ที่ทำให้มิ้นท์ตัดสินใจไปหาหมอคือ มิ้นท์ปวดท้องประจำเดือนหนักมาก
หนักจนทำอะไรไม่ได้ อาเจียน เวียนหัว มีไข้ หน้ามืดและเป็นลมค่ะ
เลยปรึกษากับที่บ้านว่าเราควรไปหาหมอแล้วแหละ
เพราะอาการมันหนักเกินกว่าการปวดท้องประจำเดือนปกติแล้ว
〰️ต๊ะเอ๊ะ! .. เจอซีสต์ 6 cm อ๊ะ! อีกข้าง 5 cm..
มิ้นท์ไปพบคุณหมอแผนกสูตินรีเวชค่ะ คุณหมอก็จะถามอาการ ถามข้อมูลต่างๆ
แล้วก็ให้เราขึ้นเตียงอัลตร้าซาวด์ค่ะ (เหมือนเวลาดูเด็กในท้องเลย)
แล้วก็เจอเลยค่ะ ซีสต์ 2 ก้อน ทั้งซ้ายและขวา ข้างนึง 5 cm อีกข้าง 6 cm เซอร์ไพรส์??
แต่ความน่ากลัวคือ ข้างที่ 5 cm หน้าตาของน้องเค้าคล้ายมะเร็งอยู่ค่ะ
เพราะผิวร้องเค้ามีความขรุขระ คุณหมอเลยขอเจาะเลือดเพื่อตรวจค่ามะเร็ง
หลังเจาะเสร็จคุณหมอก็บอกว่าไม่ต้องกังวลนะ อายุ 25 ปี โอกาสเป็นมะเร็งน้อยมาก!
〰️จับเข่าคุยเรื่องวิธีการรักษา
พอคุณหมอตรวจเสร็จ ก็มานั่งคุยกับคุณหมอกันค่ะ คุณหมอบอกว่าลักษณะที่เห็นจากภาพ
คาดว่าจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ วิธีการรักษาแบ่งเป็น 2 วิธี คือ
1. ใช้ยาคุมกำเนิด
การใช้ยาคุมกำเนิดจะแบ่งออกเป็น 2 แบบค่ะ คือ แบบกินกับแบบฉีด ซึ่งคุณหมอบอกว่าแบบฉีดจะเห็นผลได้ดีกว่า แต่ข้อเสียคือ จะทำให้อ้วนและประจำเดือนมาผิดปกติแบบน่ารำคาญ เดี๋ยวมา เดี๋ยวไม่มา หรือมาทั้งเดือนแบบกระปริบกระปรอย
2. การผ่าตัด
การผ่าตัดก็แบ่งเป็น 2 วิธีค่ะ คือการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องกับการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งการผ่าตัดแบบส่องกล้องนี้ แผลจะเล็ก ไม่ค่อยเจ็บ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย (1-3 วัน)
แต่ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่าอีกแบบนึงค่ะ
ถ้าผลเลือดออกมาว่าเราไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ เราสามารถรักษาด้วยวิธีไหนก็ได้เลยค่ะ แต่ถ้าผลออกมาว่าเราเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ การรักษาจะเหลือแค่วิธีการผ่าตัดทางเดียวเท่านั้นค่ะ
〰️ 2 อาทิตย์ถัดมา ผลตรวจเลือดออก/แพลนการรักษา
...
*ใจเต้นแรกมากค่ะ*
คุณหมออ่านค่าเลือด แล้วบอกกับเราว่า
“ค่ามะเร็งขึ้นนะ”
เท่านั้นแหละค่ะ ใจมิ้นท์ลงไปอยู่ตาตุ่ม?
คุณหมอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
ค่ามะเร็งรังไข่ของคนที่ไม่เป็นจะอยู่ที่ประมาณ 30 สำหรับคนที่เป็นจะอยู่ที่ 3000-4000
แต่ของมิ้นท์ค่าอยู่ที่ 100 กว่าๆ ค่ะ โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ คือ 0.5-1%
แต่การเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ถ้าเกิดการอักเสบ ก็สามารถทำให้ค่ามะเร็งขึ้นได้เช่นกัน
คุณหมอเลยแนะนำให้รีบผ่าออกโดยวิธีการผ่าแบบเปิดหน้าท้อง
เพราะก้อนซีสต์ทั้ง 2 ข้างมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และถ้าเป็นก้อนมะเร็งจริง
จะได้สามารถตัดก้อนเนื้อได้ละเอียดและทั่วถึงกว่าวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องค่ะ
〰️หาคุณหมอวิสัญญี (คุณหมอวางยาสลบ)
คุณหมอวิสัญญีจะซักประวัติเราเรื่องทั่วไปค่ะ
อายุ/น้ำหนักเท่าไหร่?
แพ้ยาอะไร?
โรคประจำตัวอะไร?
เคยทำการผ่าตัดมาก่อนไหม?
ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ
มิ้นท์อายุยังน้อยเลยเลือกได้ว่าอยากเลือกแบบวิธีดมยาสลบหรือบล็อกหลัง
1. ดมยาสลบ
ชื่อว่าดมยา แต่จริงๆคุณหมอจะฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือเราค่ะ ก็จะหลับไปเลย ตื่นอีกทีหลังผ่าเสร็จ
วิธีดมยาสลบนี้ ระหว่างที่ร่างกายเราหลับ เราจะหลับลึกจนหายใจเองไม่ได้ค่ะ
คุณหมอจะใส่สายเครื่องช่วยหายใจให้เราเข้าไปทางปากควบคู่ไปด้วย
2. บล็อกหลัง
มิ้นท์ได้ยินมาเยอะค่ะว่าน่ากลัว คือการนอนตัวงอเป็นกุ้ง คุณหมอจะฉีดยาเข้าทางด้านหลัง
แล้วบริเวณส่วนขาจะหนักเหมือนไม่มีขา แต่ส่วนบนยังรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น
มิ้นท์เลยเลือกวิธีดมยาค่ะ ไม่รับรู้อะไรไปเลยดีกว่า?
〰️13 สิงหา.. วันผ่าตัด
มิ้นท์มาแอดมิตที่ รพ. ตอนเช้า 10 โมง เพื่อเข้าผ่า 4 โมงเย็นค่ะ
งดน้ำ/งดอาหารมาจากบ้าน (คุณหมอวิสัญญีจะเป็นคนบอกว่าต้องงดอาหารกี่ชั่วโมง)
การผ่าตัดผ่านไปรวดเร็วมากค่ะ พอพยาบาลห้องผ่าตัดเข็นเราเข้าห้องผ่าปุ๊ป ก็จะเปลี่ยนชุด
จากชุด รพ. เป็นชุดผ่าตัดค่ะ หลังจากนั้นให้เรานอนรอที่ห้องพักเพื่อวัดไข้ วัดความดันก่อนเข้าผ่า
แล้วก็เข็นเราขึ้นเขียงเลยค่ะ
ในห้องผ่าตอนนั้นมีแค่คุณหมอวิสัญญีกับพยาบาลประจำห้องผ่าตัดเพราะแพทย์ทีมผ่ายังไม่มา
คุณหมอวิสัญญีก็บอกว่าไม่ต้องกลัวน้า เดี๋ยวหลับแล้ว หมอฉีดยาเลยน้า หายใจลึกๆน้า
หลังจากนั้นคุณหมอก็จะให้ดมออกซิเจนไปด้วย
แล้วก็จะรู้สึกเย็นๆ ตอนที่ยาไหลจากสายน้ำเกลือมาเข้าตัวเรา...
หลังจากนั้นก็โดนปลุกให้ตื่นค่ะ ผ่าเสร็จแล้ว5555555 งงมาก
พยาบาลจะยังให้อยู่ในห้องพักฟื้นก่อนค่ะ เราก็จะง่วงๆ เจ็บคอ คอแห้ง
เพราะโดนใส่เครื่องช่วยหายใจมา หลังจากนั้นถ้าไม่มีอาการผิดปกติก็ถูกส่งกลับไปห้องพักผู้ป่วยได้ค่ะ
สภาพหลังเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดสดๆร้อนๆ
〰️หลังผ่าเจ็บแผลไหม? ทานอาหารอะไรได้บ้าง?
หลังผ่าเสร็จทันทีที่รู้สึกตัว ยังไม่ค่อยเจ็บค่ะ ค่อนไปทางปวดๆ ตึงๆ
แต่ถ้าทนไม่ไหวสามารถบอกพยาบาลให้มาฉีดยาแก้ปวดให้ได้ทุก 4 ชั่วโมงค่ะ
ยังคงงดน้ำ/งดอาหารเหมือนเดิมค่ะ
อาการของวันที่ 1
ดีกว่าหลังผ่าเสร็จใหม่ๆ ค่ะ แต่ก็ปวดอยู่ ขยับตัวลำบาก พลิกตัวบนเตียงลำบาก
วันนี้ตอนเช้าคุณหมอจะมาตรวจลำไส้ค่ะ ฟังเสียงว่าลำไส้ทำงานหรือยัง
ถ้าลำไส้ทำงานแล้ว ก็เริ่มทานอาหารได้
ซึ่งมื้อเช้ามื้อแรกที่มิ้นท์ได้ทานคือน้ำเปล่าค่ะ? ให้จิบๆ แค่น้ำเปล่าเท่านั้น
มื้อกลางวัน เป็นอาหารบดค่ะ โจ๊กบด น้ำซุป น้ำส้ม และเยลลี่ค่ะ
หลังจากนั้น พยาบาลจะมาถอดสายน้ำเกลือ
ถอดสายปัสสาวะและพาเราเดินเข้าห้องน้ำในตอนเย็นค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นพังผืด
แต่ตอนลุกคือเจ็บมากกกกก มากแบบมาก เวียนหัวเลยค่ะ อยากจะอาเจียน
ที่เจ็บแบบทนไม่ได้มากที่สุด คือ ตอนลุกเดินครั้งแรกนี่แหละค่ะ!!!
วันที่ 2
วันนี้เดินได้ดีกว่าวันแรกค่ะ อาการเวียนหัวน้อยลง เริ่มเดินได้เองแต่ยังตึงๆแผลค่ะ
วันนี้คุณหมอมาตรวจตอนเช้าไม่พบอาการผิดปกติ ก็ให้กลับบ้านได้ตอนบ่ายแล้วค่ะ
(ก็คือกลับมาพักฟื้นที่บ้านนั่นเอง)
ตอนกลับบ้านมา คุณหมออยากให้ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติค่ะ ขอแค่ห้ามยกของหนัก
ห้ามขึ้นบันได (อนุโลมได้แค่ขึ้นลงอย่างละ 1 รอบ) ห้ามขับรถ ให้ทานอาหารสุก/สะอาด
แผลภายนอกประมาณ 1-2 อาทิตย์ก็สมานแล้วค่ะ
แต่แผลภายในจะหายต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนหรือมากกว่านั้น
การดูแลแผลก็คืออย่าให้แผลโดนน้ำ ระวังอย่าให้แผลแตกหรือมีเลือดออก
ต้องทำอะไรเบาๆค่ะ คุณหมอจะแปะพลาสเตอร์กันน้ำให้
ตอนกลับบ้านก็จะได้ยาฆ่าเชื้อมาทานจนหมดและยาแก้ปวดที่ทานเมื่อมีอาการค่ะ
หลังจากนี้ก็รอฟังผลตรวจชิ้นเนื้อและดูแผลอีก 2 อาทิตย์ค่ะ
〰️2 อาทิตย์ผ่านไป FOLLOW อาการ/ฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ
ตอนเจอคุณหมอ คำแรกที่คุณหมอพูด คือ “ขึ้นเตียงเลยครับหมอขอดูแผลหน่อย”
หลังจากนั้นก็พูดตามมาว่า
“ผลออกแล้ว ไม่ได้เป็นมะเร็งนะ เป็นแค่ช็อกโกแลตซีสต์ธรรมดา”
กรี้ดดดด น้ำตาแทบไหล ดีใจมากค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมามิ้นท์เครียดมาก
ร้องไห้หนักมาก กลัวว่าเราเพิ่งอายุ 25 เอง จะเป็นมะเร็งหรอ?
พอผลออกมาว่าไม่เป็น ความรู้สึกคือเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยค่ะ
ต่อมา คุณหมอก็แกะพลาสเตอร์ที่แปะแผลออก
นี่เป็นครั้งแรกที่มิ้นท์ได้เห็นแผลตัวเองค่ะ ตอนเห็นแล้วรู้สึกว่า
เห้ยยยย แผลสวยมาก!! เป็นแบบขีดเส้นตรง ไม่เห็นด้าย ไม่เป็นตะขาบแบบที่คิดเลย
คุณหมอเย็บแผลจากด้านในค่ะ ดีงามมากๆ ส่วนเรื่องรอยก็ค่อยรักษากันไปไม่เป็นไรค่ะ
ขนาดของแผลอยู่ที่ประมาณ 10.5 cm ค่ะ
*มิ้นท์ไม่ได้ใส่ภาพให้ดูนะคะเพราะแผลอยู่ค่อนข้างต่ำ ต่ำกว่าขอบกางเกงในอีก*
จากนี้เริ่มใช้ชีวิตประจำวันได้แล้วค่ะ ทำได้ทุกอย่างที่จะไม่เจ็บแผล
แต่ยังห้ามออกกำลังกายหนักๆ ห้ามขับรถ ห้ามยกของหนัก
จนกว่าจะครบ 1 เดือนหลังผ่าตัดค่ะ
〰การรักษาขั้นต่อไป
มิ้นท์ต้องทานยาคุมปรับฮฮร์โมนเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซีสต์ซ้ำ
ทานติดต่อกันทุกวันอย่างน้อย 2 ปี ค่ะ แล้วก็มาพบคุณหมอตามนัด เพื่อ Follow อาการค่ะ
จบแล้วค่า ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกในวัย 25 ปี ของมิ้นท์
มิ้นท์ตั้งใจเขียนกระทู้นี้มาก เพราะ อยากแชร์ให้ผู้หญิงทุกคนระวังตัวกันนะคะ
ผู้หญิง โรคจุกจิ๊กเยอะมาก อยากให้สังเกตตัวเอง อยากดูแลตัวเองกันดีๆ
ใครที่มีคำถามอะไรสามารถคอมเมนต์ถามไว้ได้เลยนะคะ
อะไรที่มิ้นท์ตอบได้จะมาตอบให้แน่นอน อยากให้ทุกคนได้ประโยชน์จากกระทู้นี้จริงๆค่ะ
และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ (พฤศจิกายน 2563) มิ้นท์ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ 100% แล้วค่ะ
สุดท้ายขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ
มิ้นท์ไปแล้วน้า บ๊ายบาย xoxo
Discussion (14)