จุดจบสายเติม เมื่อรัฐเรียกเก็บภาษี e-Service เติมเกมมากขึ้น แต่ได้ของเท่าเดิม!
sweetsong135117ใครที่เล่นเกมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น คงได้เห็นกันแล้วว่า เริ่มมีการปรับราคาการเติมหรือซื้อของในเกมสูงขึ้น จากการเก็บภาษี e-Service จากภาครัฐ!
e-Service คืออะไร?
e-Service คือ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากดิจิตัลแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในไทยผ่านทางออนไลน์ และต้องมียอดขายภายในหนึ่งปีเกิน 1.8 ล้านบาท ใน 7% ของค่าบริการ
ดิจิตัลแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในไทยที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น E-Comcomerce, Facebook, Google, Play Store, App Store, Netfilx,Spotify, Agoda
ซึ่งรัฐก็ได้ประกาศว่าจะใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเริ่มเรียกเก็บภาษีตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 จนวันนี้ก็ถึงคราวของ Play Store และ App Store แล้ว
ดิจิตัลแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในไทยที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น E-Comcomerce, Facebook, Google, Play Store, App Store, Netfilx,Spotify, Agoda
ซึ่งรัฐก็ได้ประกาศว่าจะใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเริ่มเรียกเก็บภาษีตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 จนวันนี้ก็ถึงคราวของ Play Store และ App Store แล้ว
e-Service แก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นธรรม?
ปกติแล้วผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการต่างๆ ในไทยก็ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัฐกันเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นผู้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศ ที่เข้ามาให้บริการในไทย ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตรงนี้ เพราะกฎหมายไม่ได้กล่าวครอบคลุมถึง ทำให้เกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบกันมาเป็นเวลานาน
ซึ่งปัญหานี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไทยอย่างเดียวนะ หลายประเทศทั่วโลกก็เกิดปัญหานี้เหมือนกัน การเก็บภาษีจากดิจิตัลแพลตฟอร์มต่างชาติก็เลยเกิดขึ้น เป็นนโยบายที่ 60 กว่าประเทศทั่วโลกร่วมใช้ ผู้ประกอบการจากต่างประเทศต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมือนกับเจ้าของประเทศ
ซึ่งปัญหานี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไทยอย่างเดียวนะ หลายประเทศทั่วโลกก็เกิดปัญหานี้เหมือนกัน การเก็บภาษีจากดิจิตัลแพลตฟอร์มต่างชาติก็เลยเกิดขึ้น เป็นนโยบายที่ 60 กว่าประเทศทั่วโลกร่วมใช้ ผู้ประกอบการจากต่างประเทศต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมือนกับเจ้าของประเทศ
การเสียภาษี e-Service ก็ฟังดูดีที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น แต่ผู้ให้บริการบางเจ้าก็อาจไม่ยอมเสียรายได้ส่วนนี้ไป และผลักภาระให้กับผู้บริโภคมากขึ้นแทน!!
เก็บมากก็จ่ายมากขึ้น?
ถึงเจ้ากฎหมาย e-Service จะกลายมาเป็นภาระหน้าที่ของผู้ให้บริการต่างชาติ ผู้บริโภคแบบเราก็นั่งชิลๆ ไป คือไม่จริงเลยยย! บางเจ้าก็ยอมลดกำไรสุทธิที่ได้ลง ด้วยการเสียภาษีแยกเองต่างหาก ไม่เพิ่มราคาของ แต่บางบริษัทก็ไม่ยอมเสียกำไรไปหรอกนะ! ขอผลักภาระให้ผู้บริโถคแทนไปเลยแล้วกัน!
Play Store / Google Store
หักจากภาษี 7% จากยอดขาย ไม่ผลักภาระให้ผู้ซื้อ เช่น เติมเกม 3,000 บาท เราก็จ่ายเท่าเดิม แล้วบริษัทเกมหักภาษี 210 บาท เสียเป็นภาษให้รัฐ แล้วเงินก็เข้าบริษัทเกม 2,790 บาท
Play Store / Google Store
หักจากภาษี 7% จากยอดขาย ไม่ผลักภาระให้ผู้ซื้อ เช่น เติมเกม 3,000 บาท เราก็จ่ายเท่าเดิม แล้วบริษัทเกมหักภาษี 210 บาท เสียเป็นภาษให้รัฐ แล้วเงินก็เข้าบริษัทเกม 2,790 บาท
Apple Store
มีการประกาศปรับค่าเงิน เนื่องจากเงินบาทแข็งตัวขึ้น ทำให้ต้องจ่ายมากขึ้นยิ่งไปอีก! Apple ออกมาประกาศปรับเรทค่าเงิน ในสามประเทศคือ ไทย ตุรกี และบาฮามาส จากเดิมที่ 1$ = 30 บาท ตอนนี้ก็ปรับเพิ่มเป็น 1$ = 35 บาท และยังต้องเสียภาษี e-Service เพิ่มอีก 7%
เช่น เติมเกม 99.99$ เรทเดิมคือ 3,000 บาท ก็เปลี่ยนเป็น 3,499 บาท
แล้วยังต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มไปอีก 7% โดยรวมต้องจ่ายมากถึง 3,700 บาท! ไม่ได้ใช้วิธีหัก 7% อย่าง Google (คาดว่านโยบายคงต่างกัน) ตอนนี้ก็เท่ากับว่าการเติมเกมผ่าน App Store นี่แหละที่แพงที่สุด!
มีการประกาศปรับค่าเงิน เนื่องจากเงินบาทแข็งตัวขึ้น ทำให้ต้องจ่ายมากขึ้นยิ่งไปอีก! Apple ออกมาประกาศปรับเรทค่าเงิน ในสามประเทศคือ ไทย ตุรกี และบาฮามาส จากเดิมที่ 1$ = 30 บาท ตอนนี้ก็ปรับเพิ่มเป็น 1$ = 35 บาท และยังต้องเสียภาษี e-Service เพิ่มอีก 7%
เช่น เติมเกม 99.99$ เรทเดิมคือ 3,000 บาท ก็เปลี่ยนเป็น 3,499 บาท
แล้วยังต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มไปอีก 7% โดยรวมต้องจ่ายมากถึง 3,700 บาท! ไม่ได้ใช้วิธีหัก 7% อย่าง Google (คาดว่านโยบายคงต่างกัน) ตอนนี้ก็เท่ากับว่าการเติมเกมผ่าน App Store นี่แหละที่แพงที่สุด!
แม้นโยบายแต่ละที่อาจจะต่างกัน บางเกมก็แก้ปัญหาด้วยการให้ของเพิ่มตามราคาที่ลูกค้าต้องจ่ายมากขึ้น แต่บางเกมก็เหนียวมากกก จ่ายมากขึ้นได้ของเท่าเดิมไปอีก จนผู้บริโภคเริ่มรู้สึกโดนเอาเปรียบมากเกินไป จนมีหลายคนที่เปย์เกมหนักมาก เริ่มออกมาบอกว่าจะไม่เติมเกมอีกตลอดไป จนกว่าระบบจะปรับให้แฟร์กับผู้เล่น!
ซึ่งความจริงแล้วบริษัทเกมสามารถปรับราคาตรงกลาง ให้ผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะยอมเสียกำไรสุทธิไป หรือให้ของมากขึ้นตามราคาที่จ่ายมากขึ้น
ซึ่งความจริงแล้วบริษัทเกมสามารถปรับราคาตรงกลาง ให้ผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะยอมเสียกำไรสุทธิไป หรือให้ของมากขึ้นตามราคาที่จ่ายมากขึ้น
การเมืองเริ่มใกล้ตัวเกมเมอร์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ภาษีคือหน้าที่ที่ทุกคนต้องจ่าย แม้สุดท้ายแล้วมันจะหายไปไหนก็ไม่รู้ก็ตาม ถ้าถูกนำไปใช้อย่างดีและเห็นผลได้ชัด คงไม่มีใครมานั่งบ่นกันหรอก ว่ามั้ย :D
Discussion (17)