Gender Fluid แต่งตัวตามกระแส หรือแค่เป็นตัวเอง

การแต่งตัวแบบ Gender Fluid หรือ Androgynous ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานานหลายปี อาจเริ่มตั้งแต่สมัยที่ Coco Chanel ออกแบบกางเกงสำหรับผู้หญิงหรือ Yves Saint Laurent ออกแบบชุดทักซิโด้สำหรับผู้หญิง จนผู้หญิงใส่กางเกงเป็นเรื่องปกติ

แต่สำหรับผู้ชายที่ใส่กระโปรง หรือแต่งตัวที่ดูเป็นผู้หญิง สังคมอาจยังไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น ยังคงมีคำถาม และคำเหยียดตามมาในคนที่ไม่เข้าใจ

Harry Styles นำกระแส หรือแค่เป็นตัวเอง

ในช่วงปลายปี 2020 ที่ Harry Styles เป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ Solo ขึ้นปก Vouge US ในชุดกระโปรงลูกไม้จาก Gucci ก็กลายเป็นกระแสสุดร้อนแรง มีทั้งฝั่งที่ชื่นชม และคนที่ต่อต้าน ในสัมภาษณ์กับ Vogue แฮร์รี่ก็ได้พูดถึงเรื่องการแต่งตัวของตัวเองไว้เช่นกัน

ทำไม Harry Styles ถึงอินกับการแต่งตัว Gender Fluid

แฮร์รี่บอกว่า เส้นขั้นที่มากำหนดเสื้อผ้าที่เราควรจะใส่ตามเพศสภาพ ได้ถูกทำลายไปแล้ว เมื่อคุณไม่สนว่า มีเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายและเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง นั่นแหละคุณได้ทำลายกรอบความคิดนั้น คุณได้เปิดใจพร้อมเข้าสู่โลกที่จะแต่งตัวอะไรก็ได้  

"บางครั้งที่ผมไปช็อปปิ้งก็พบว่าตัวเองจ้องมองชุดของผู้หญิง และคิดว่ามันช่างสุดยอด! ถ้าคุณเอาความคิดมาขีดเส้นให้ตัวเองเมื่อไหร่ คุณก็กำลังจำกัดกรอบตัวเองอยู่ การแต่งตัวในหลากหลายรูปแบบเป็นเรื่องที่สนุกมาก ผมไม่เคยคิดมากเลย ว่ามันจะหมายความว่าอะไร มันก็แค่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบางสิ่งเท่านั้น"
Gemma Styles พี่สาวก็ได้เผยว่าตอนที่ทั้งคู่เป็นเด็ก คุณแม่ Anne ชอบจับทั้งคู่แต่งตัว ในขณะที่ Gemma ไม่ได้เอ็นจอยกับมันนัก แต่ Harry กลับสนุกกับมันมาก แม้ในขณะที่เจ็มม่าได้แต่งเป็นครูเอลล่า และแฮร์รี่ได้แต่งตัวเป็นหมาดัลเมเชี่ยน แฮร์รี่ก็ยังคงชอบเสื้อผ้าแฟนซีเหล่านั้น
Liam Payne อดีตเพื่อนร่วมวง One Direction ก็เคยออกมาพูดถึงสนับสนุนการแต่งตัวของ Harry หลังจาก Vogue ปล่อยภาพแฮร์รี่ ว่าเป็นเรื่องเยี่ยม ผมคิดว่าเขาสนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำ และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างอิสระ และคนอื่นก็ไม่ควรไปวุ่นวาย มีเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายบนโลก ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแต่งตัวได้ไม่ถูกตามความคิดของตัวเอง

แต่ย้อนกลับไปในปี 2017 เลียมกลับ Make Joke ว่าไม่อยากให้แฮร์รี่เป็นพี่เลี้ยงลูกตัวเอง เพราะลูกจะแต่งตัวในแบบที่ตัวเองไม่เข้าใจ (นี่ก็เป็นประเด็นที่แฟนคลับถกเถียงกันอยู่ ว่าบูลลี่หรือแค่ขำๆ เพราะตอนนี้เลียมมีประเด็นดราม่า คนเลยขุดเรื่องเก่าๆ มาเล่าด้วย อาจต้องดูไปตามแต่ละบริบท)
จะเห็นได้ว่า Harry Styles ซึมซับเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ One Direction ได้ตัดสินใจหยุดพักวง แต่ละคนก็แยกย้ายไปออก Solo ในแบบที่ตัวเองถนัด แฮร์รี่ก็เป็นอีกคนที่ได้ออกอัลบั้มเดี่ยว Harry Styles ในปี 2017 แต่สไตล์การแต่งตัวแบบ Gender Fluid เริ่มชัดมากขึ้นหลังจากออกอัลบั้มที่ 2 Fine Line ในปี 2019 ที่เราจะได้เห็นแฮร์รี่ใส่รองเท้าส้นตึก กางเกงเอวสูง เสื้อกลิตเตอร์ ลูกไม้ เสื้อซีทรู กระโปรง สร้อย และต่างหูไข่มุก เป็นต้น

และแฮร์รี่ไม่เคยออกมาประกาศว่าตัวเองเป็นเพศไหน (ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนควรเคารพ และไม่ทึกทักเอาเอง) นี่อาจเป็นสารที่แฮร์รี่ต้องการจะสื่อกับทุกคนก็ได้ว่า เสื้อผ้าไม่ได้มีเพศ คุณจะแต่งตัวยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม ไม่ต้องตีกรอบให้ตัวเอง แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขก็พอ
ในทุกคอนเสริต์แฮร์รี่จะโบกธงสีรุ้งไปในคอนด้วยเสมอ (ที่ไทยก็เช่นกัน!) เขาบอกว่า ที่โบกธงสีรุ้งไปมาในคอนเสิร์ต เพราะอยากช่วยให้แฟนๆ ไม่ได้รู้สึกตัวคนเดียว อยากให้คนรู้สึกสบายใจที่จะเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการ บางทีในคอนเสิร์ตอาจมีโมเมนต์ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว “ผมตระหนักดีว่าเป็นคนผิวขาว ไม่ได้ผ่านเรื่องราวเหมือนอย่างที่หลายคนเผชิญ ผมอ้างไม่ได้หรอกว่าเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง แต่ก็เป็นเพราะผมทำไม่ได้นั่นแหละ ผมก็เลยไม่ได้พยายามที่จะพูดว่าผมเข้าใจ ผมแค่พยายามทำให้ผู้คนรู้สึกมีส่วนร่วมและไม่ได้ถูกมองข้าม

Jaden Smith ก็แต่งมาก่อนนะ

และแน่นอนว่า Harry Styles ไม่ใช่คนดังคนแรกที่แต่งตัวแบบ Gender Fluid เพราะ Prince หรือ David Bowie ก็ทำมาก่อน! แต่ถ้าย้อนไปช่วงที่ใกล้เคียงกัน ในปี 2015-2016 คนดังอย่าง Jaden  Smith ก็ใส่กระโปรงมาตั้งนานแล้ว ใส่ในชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ใช่แค่ตอนออกงาน แต่สังคมกลับไม่ได้ให้แสงเท่าไหร่ แต่พอเป็นคนขาว สังคมกลับชื่นชมและให้แสงมากกว่าซะงั้น! ทำให้มีบางส่วนมองว่านี่เป็น White Privileged 

ทำไม Jaden Smith ถึงชอบใส่กระโปรง?

เจเดนเคยออกมาพูดถึงประเด็นนี้ในปี 2016 ว่าในอีกห้าปีข้างหน้า ถ้ามีลูกใส่กระโปรงไปโรงเรียน ลูกก็จะได้ไม่โดนต่อย และลูกก็ไม่ต้องไปโกรธเขา การแต่งตัวมันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเลย "ถ้าถึงเจนเนอเรชั่นของลูกผมแล้ว เด็กๆ จะได้คิดว่านี่มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่สิ่งคมคาดหวังในรุ่นของผม"
และพูดถึงแคมเปญ Louis Vuitton ที่ได้ร่วมงานกันในปี 2016 ว่าเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะเรารู้ว่ากำลังส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม และเปลี่ยนความคิดสังคมให้เกิดความแตกต่าง และเชื่อว่าความมั่นใจของเขา เป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้วัฒนธรรมนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า สังคมจะบูลี่จี้สิ่งที่ผมทำ แต่ผมก็จะด้อนท์แคร์ และทำมันต่อไป และทำมากกว่านี้อีก"
เพื่อนๆ ล่ะ มีความคิดเห็นกับประเด็นนี้อย่างไร มาแชร์กันได้เลยค่า
ที่มา : insider youtube people vogue nylon

Discussion (14)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่าาา 😊 ทุกคนควรมีสิทธิเท่าเทียมกันค่ะ
น่าสนใจมากค่า ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่า
ปังมากค่า