อันตรายกินวิตามินซี และ กุ้ง
maewnoi24FW: อันตรายกินวิตามินซี และ กุ้ง
> > วิตามินซี + กุ้ง>
> > >ไต้หวัน-- -- หญิงคน
> > หนึ่งเลือดออกทางทวารทั้ง
> > > 7 โดยไม่รู้สาเหตุ >เสียชีวิตในข้ามคืนเดียวจากการ
> > > >
> > ชันสูตรศพเบื้องต้น
> > >
> > >ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู
> > > แล้วสารหนูมาจากไหน ล่ะ >
> > >
> > >ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง
> > >
> > และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี
> > >
> > >ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ
> > > >
> > >
> > >ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน
> > >
> > "ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตายไม่ได้ถูกลอบสังหารแต่
> >
> > ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า " >
> > > >ศาสตราจารย์ฟันธงผู้คนงงเป็นไก่ตา
> > > > แตก อะไรคือ "มันฆ่า "แล้วสารหนูมาจากไหน
> > >>ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดใน
> > > > กระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน
> > > > >นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เธอกิน
> > > >> กุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น
> > > > >กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา
> > >> คนในบ้านกินกันก็ไม่ เห็นเป็นไร >
> > > >แต่ผู้ตายกินวิตามินซีพร้อมกันด้วย
> > >> ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ
> > >> นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง
> > >>พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสาร
> > >> ประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง
> > >>สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร >
> > >>แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน
> > > จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี
> > >>ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5
> > > หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ
> > >
> > > กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3
> > > หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษหรือ
> > > ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง> > >
> > >พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอย
> > > >
> > > และเอนไซม์ของซัลฟีดร ีลขัดข้อง >
> > >
> > >เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจตับ ไต และลำไส้
> > > >เซลล์ผิวหนังตายด้านเส้นโลหิตฝอยขยายตัวดังนั้น
> > > ผู้ที่รับพิษจนตายจะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
> > > > >เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี
> > > ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง
Discussion (24)
โชคดีเราแพ้กุ้ง ... :)
เพราะเมื่อวานเพิ่งทานกุ้งซะเยอะเลย
แล้วก็ทานวิตามิน C ด้วย
นอนอ่านไปก็จินตนาการไปว่า เลือดออกๆๆๆ!!!!
พออ่านมาถึง คห.17 โ่ล่งเลยค่ะ
แต่ก็จะระมัดระวังมากขึ้น
เพราะการทานอะไรมากเกินไป ก็ให้โทษเหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ