10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม ......
natalia_kawong1171. Dior Addict 2
น้ำหอมกลิ่นใหม่ที่บรรจงสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนนิยามธรรมชาติแห่งหญิง อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นคุณ โปรยเสน่ห์น้ำหอมแห่งความแรงร้ายใหม่จาก Dior Addict เผยปริศนาในธรรมชาติที่ยากหยั่งรู้ และเข้าใจในความเป็นหญิง ด้วยเสน่ห์หอมของกลิ่น Mandarin Leaf และ Silk Tree Flower ที่เป็นดั่งเสียงกระซิบแรกแห่งความสดชื่น และเผยหัวใจของ Dior addict ด้วยโทนกลิ่น Vanilla ของราชินีแห่งรัตติกาล หรือดอก Queen of the Night ดอกไม้หายากที่พบได้เพียงในประเทศจาไมก้า และเบ่งบานเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความเร้าร้อน ยั่วยวนของกลิ่น Orange Blossom ที่อบอวลแผ่ผ่านความรู้สึกให้ตราตรึง ตราบนานในความทรงจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด- Eau de Parfume 50 ml. ราคา: 2,700 บาท
- Eau de Parfume 100 ml. ราคา: 3,750 บาท
2. Tommy Hilfiger
สำหรับผู้ชายทันสมัย TRUE STAR MEN ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ จากนักร้องชื่อดัง Enrique Iglesias ( เอ็นริเก้ อิเกลเซียส ) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชายร่วมสมัย เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เท่ห์ มีเสน่ห์ ดึงดูดทั้งผู้ชาย และผู้หญิงทั่วโลกด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และสบายๆEnrique เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้กลิ่นหอมต่างๆ ที่ให้ความอบอุ่นยังช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมีอารมณ์ผ่อนคลาย น้ำหอมนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกนำสมัยและสบายๆ สามารถใช้ได้ทุกโอกาส TRUE STAR MEN น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ของพันธุ์ไม้เครื่องเทศ (Soft-Spiced Wood) ที่ให้ความพึงพอใจชวนสัมผัส, สร้างความเย้ายวนและชวนสัมผัสตลอดเวลา ความทันสมัย และความอบอุ่นสร้างรสนิยมแบบใหม่ที่เรียบง่ายสบายๆ สัมผัสแรก Enticing Captivity Accord ด้วยกลิ่นหอมของ Citrus ผลไม้ตระกูลที่มีรสเปรี้ยว ที่มอบความสดชื่น เสริมด้วยกลิ่นของ anise (ยี่หร่า) ที่ให้ความรู้สึกเย็น ผสานด้วยกลิ่น licorice (ชะเอม) ที่ให้ความเย็นสร้างความตื่นเต้นและลุ่มลึก สัมผัสต่อมา Caressing Softness Accord กลิ่นหอมของ Orris (ดอกออริส) และ Cascarilla (คัสคาริลลา) ทำให้กลิ่นของพืชสีเขียวอันชุ่มฉ่ำกลายเป็นความสง่างาม ที่ซ่อนเร้นผสานกลิ่นหอมของ Rice (ข้าว) ให้สัมผัสที่นุ่มนวล สัมผัสท้ายสุด Seductive Addictive Accrod กลิ่นหอมที่ผสมผสานกันระหว่างหญ้าฝรั่นกับไม้เนื้ออ่อนเติมด้วยกลิ่นหอมของวนิลา ให้ความรู้สึกเย้ายวนชวนดมตลอดเวลา กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใครสำหรับคุณผู้ชาย- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 50 ML ราคา 1,850 บาท
- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 100 ML ราคา 2,550 บาท
3. Hypnose By Lancome
มนต์สะกดจากหญิงสาว
ถ้าจะมีกลิ่นน้ำหอมที่เหมือนจะสะกดผู้คนรอบข้างให้ตะลึงในความเป็นหญิง คงไม่มีหญิงสาวคนไหน ปฏิเสธได้ Hypnose จาก Lancome
น้ำหอมเปล่งประกายเจิดจรัสในขวดสีม่วงพร้อมรูปทรงโค้งเว้าหลากเหลี่ยม ให้กลิ่นชวนค้นหาของวานิลลาที่อบอุ่น เวติแวร์ที่ช่างเย้ายวน กรุ่นกลิ่นไม้หอมของตะวันออก อย่างดอกเสาวรส และหญ้าแฝก ให้ความตรึงใจด้วยความเป็นผู้หญิงของคุณ
- Hypnose Eau de Toilette 30 ml. ราคา 1800 บาท
- Hypnose Eau de Toilette 50 ml. ราคา 2500 บาท
4. POLO Black
ผู้ชายโปโลแบล็คเป็นหนุ่มชาวเมืองเต็มตัว และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด โปโลแบล็ค เป็นน้ำหอมที่จะเผยความเซ็กซี่ ความหนุ่มแน่น เท่ และฮิพของพวกเขาออกมา” บรรจุภัณฑ์ขวดน้ำหอมโปโลแบล็คเรียบโก้ และเซ็กซี่ทำจากแก้วเนื้อดีสีดำทรงเหลี่ยมดูองอาจ เช่นเดียวกับความมาดมั่น และทรงอำนาจของหนุ่มๆ ผู้ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ที่ทั้งเข้มแข็ง และทันสมัยได้รับแรงบันดาลใจจากแบบขวดน้ำหอมโปโล ปรับเพิ่มฝาเงิน และขยายตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินให้ใหญ่ขึ้น กล่องน้ำหอมสะท้อนความเซ็กซี่เช่นกัน ด้วยสีดำวาวและประดับตราสัญลักษณ์โปโลโพนีสีเงินแบบใหม่ที่เด่นมีขนาดใหญ่ขึ้น ชัดเจนและร่วมสมัย
ชุดผลิตภัณฑ์
สเปรย์น้ำหอมผสานกลิ่นไอซ์แมงโก้ ซิลเวอร์อาร์มัวซ์ และพัทชูลี่ดำ ให้ความรู้สึกทันสมัย ท้าทาย ช่ำชอง
- POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 2.5 ออนซ์/75 มล. 2,300 บาท
- POLOBLACK Eau de Toilette Spray ขนาด 4.2 ออนซ์/125 มล. 3,300 บาท
5.Armani code donna
จากแรงบันดาลใจของฉากตรึงตในหนังฮอลลีวู๊ด เรื่องราวของการพบกันการปรายตามอง โค้งเว้าแห่งสรีระมาเป็น Armani code donna (75 ml ราคา3200 บาท) น้ำหอมเปี่ยมเสน่ห์ในขวดเพรียวลายดอกไม้ตะวันออกกลิ่นหอมลึกลับเผยกลิ่นแท้ของความเป็นผู้หญิงในมุมมองของดีไซเนอร์ ระดับโลก จิออร์จิโอ อาร์มานี่ เริ่มต้น น้ำหอมสีน้ำเงินซฟไฟร์ด้วยกลิ่นดอกส้ม กลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ มะลิ แซมบัคจากอินเดีย สุดแสนจะเป็นผู้หญิง และสุดโก้หรู นี่คือความหอมหวานรวยริน ผสานกลิ่นวนิลาจากมาดากัสการ์ และกลิ่นน้ำผึ้ง จนไม่มีใครลืมลง
6. J’adore eau de perfume
จากสีเหลืองทองของ J’adore eau de perfume สู่สีขาวทองของ J’adore eau de toilette ใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruite Floral หรือผลไม้-ดอกไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่นอันเพริศพราย
น้ำหอมใหม่ล่าสุดจากแนวกลิ่น Fruity Floral หรือผลไม้อันอุดมเข้มข้น สู่แนวกลิ่น Fresh Floral หรือดอกไม้หอมสดชื่น ยังคงทรงเสน่ห์สุดห้ามใจต้านตั้งแต่แรกพบ ด้วยช่อดอก Peony เต็มอ้อมแขนที่หอมละมุน สู่สัมผัสแห่งความเลอเลิศ ด้วยดอก Champaca ยามพร่างพรมลงสู่ผิว จับใจไปกับความสดชื่นโดยแท้ของ White Violet หอมหวานเป็นผู้หญิง กับแนวกลิ่นเจิดจรัสของ Star Magnolia ท้ายสุด ต้องยอมจำนนต่อสัมผัสอ่อนละมุนของ Amaranth Wood, Muscat และแย้มยิ้มเคลิ้มกับกลิ่นสดชื่นของ Damson ซาบซ่าน เบาหวิว แฝงนัยให้อิ่มเอม
7. DKNY Red Delicious
ใหม่สุดจากนิวยอร์ก ความหอมเร้าใจจากความตื่นเต้นแห่งรักในเมืองใหญ่ สำหรับหญิงสาว ความเย้ายวนจากกลิ่นแชมเปญ ผสมผสานกับกลิ่นลิ้นจี่ คละเคล้ากลิ่นราสพ์เบอร์รี่ และ แอปเปิ้ลแดงสุดต้องห้าม แปรไปสู่กลิ่นกุหลาบและไวโอเล็ตชุ่มน้ำ เร้ารุมด้วยกลิ่นวานิลลา และพัทชูลี ที่มาเติมความอบอุ่นลงท้ายที่กลิ่นอำพันกับกลิ่นผิวยั่วใจ สำหรับชายหนุ่ม เป็นความลุ่มหลงและทะเยอทะยานกับกลิ่นแบบเครื่องเทศ ผสมกลิ่นสดชื่นของมะกรูดและส้มจีน กลิ่นค็อกเทลและกลิ่นกาแฟ เหล้าที่หมักด้วยแอปเปิ้ลสุดฉ่ำ ว้อดก้าและวานิลลาทรงเสน่ห์ กลิ่นดอกดาวานาที่เข้มแข็ง จบที่กลิ่นไม้หอม มอส และพัทชูลี ที่จะทอดเวลารักให้ยาวนานข้ามคืน (50ml 2200 บาท 100ml 3150 บาท men 50ml 1850 บาท 100 ml 2600 บาท) - น้ำหอม perfume Red Delicious Women by DKNY 100ML
8. CK one
น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Calvin Klein ซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นของผลไม้หลากหลายชนิด อย่าง ส้ม, องุ่น, แตงโม นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมธรรมชาติจาก ขิง มิ้นท์ ดอกไม้ นานาพรรณ ดอกดาวเรือง, sun-bleached wood, vanilla, violet and guaiac wood
9. Burberry
พบกับความหอมตามแบบฉบับของสาวลอนดอน Burberry น้ำหอมจากอังกฤษ ด้วยกลิ่นหอมจากดอก Clementine Honeysuckle และ Rose บรรจุในขวดดีไซน์เก๋ด้วยผ้าทอลาย Check ของ Burberry มี 2 ขนาด
- 50 ml. ราคา 2600 บาท
- 100 ml. ราคา 3700 บาท
10. Lovely Sarah Jessica Parker
อ่อนหวาน แสนน่ารัก นี่คือหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจ Lovely Sarah Jessica Parker แนะนำน้ำหอมใหม่ล่าสุด สะท้อนความคลาสสิกของแฟชั่น อมตะ ไร้กาลเวลา โดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ทันสมัยและเปี่ยมรสนิยม พราวความหอมสดชื่น จาก ส้มแมนดาริน เบอร์กาม็อต และไม้หอม Pearwood ความหอมของพัตชูลี และเย้ายวนด้วย Sensuous Cedar
- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 30 ml 1800 บาท
- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 50 ml 2500 บาท
- Lovely Sarah Jessica Parker Eau de parfum spray 100 ml 3300 บาท
เคยรู้มั้ย...น้ำหอมมีความเป็นมายังไง? history |
|
เราเชื่อกันว่านํ้าหอมนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว จากหลักฐานภาพวาดจิตรกรรม ฝาผนังตอนหนึ่งที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut ที่เมือง Thebes ในประเทศ Egypt ที่เป็นรูปของหญิงสาวชาวอิยิปต์โบราณกำลังโชลม นํ้าหอมลงบนศรีษะ ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่ามีการใช้นํ้าหอม กันแล้วในยุคนั้น ซึ่งคาดว่านักเดินเรือชาวอิยิปต์ได้ไปนำมาจาก ดินแดนอื่น นํ้าหอมในสมัยโบราณนั้นจะทำมาจากยางไม้หอม ซึ่งยางไม่หอมแบบนี้จะมีอยู่ที่ Arabia และ Somalia เท่านั้น คำว่า "Perfume" นี้มีรากศัพท์มาจากภาษา ละติน ที่แปลว่า "ควัน" ในกรีก (Greek) โบราณคนที่ทำนํ้าหอมนั้นจะเป็นผู้หญิง ซึ่งได้ปรับปรุง มรดกการทำนํ้าหอมที่ตกถอดมาจากชาวอียิปต์โบราณให้พัฒนาดีขึ้นไป ในช่วงเวลาของจักรวรรดิโรมัน (Roman) การทำนํ้าหอมเขาจะใช้ยางไม้หอม จากต้นไม้จำพวก Boswellia โดยสั่งนำเข้ามาจาก Arabia และได้บวกกับส่วนผสม ที่ได้มาจากทะเลจากประเทศอินเดียซึ่งเป็นส่วนผสมใหมที่ใส่ลงไปในการทำนํ้าหอม ของชาวโรมันในสมัยนั้น เศรษฐีชาวโรมันจะใช้นํ้าหอมตามความพอใจ ชนิดที่เรียกได้ว่าใช้แบบล้างผลาญ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ พวกเศรษฐีเหล่านี้จะเอานํ้าหอมไปพ่นและฉีดตามพื้นและกำแพง บ้านของตัวเอง และนอกจากนี้ยังนำนํ้าหมไปฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงของบรรดาเศรษฐี อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น สุนัข และ ม้า | |
แต่ก้าวสำคัญในประวัติศสาตร์ของนํ้าหอม แล้วนั้นจะเกิดขึ้นในยุคกลาง (Middle ages) เมื่อชาวอาหรับ (Arabs) ได้คิดค้นพัฒนา เทคนิคในการ กลั่นนํ้าหอมได้เป็นผลสำเร็จ พื้นที่ ขนาดใหญ่โตของอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ทำการ ปลูกดอกกุหลาบ เพื่อที่จะนำมาสกัดเป็นนํ้าหอม เนื้อที่ที่ใช้ปลูก ดอกกุหลาบนี้ใหญ่โตมหาศาล มาก จนถึงกับมี เรื่องเล่าขานกันว่า "กรุง Baghdad" (เมืองหลวงของประเทศอิรักในปัจจุบัน) ในสมัยนั้นได้สมญานาม ที่เรียกขานกันว่า "City of Fragrances" นอกจากนี้ชาวอาหรับยังได้ค้นพบ ส่วนผสมตัวใหม่ในการทำ นํ้าหอมอีกด้วยนั่นก็คือ สารที่ได้จากตัวชะมด หรือ กลิ่น ชะมดนั่นเอง |
|
- Balsam : เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง Balsam ที่นิยมในแวดวง การผลิตเครื่องหอม ในปัจจุบันเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ Balsam จากประเทศ เปรู
- Bergamot : ก็คือ ต้นมะกูดนั่นเอง ส่วนของมะกูดที่ใช้สกัด ทำมํ้าหอมก็คือ บริเวณเปลือก ของลูกมะกูดนั่นเอง กิ่นหอมที่สกัดจากผิวของลูกมะกูดนี้ส่วนใหญ่ จะนำไปใช้ใน นํ้าหอมสำหรับผู้หญิง
- Frankincense :เป็นยางไม้หอมจากต้นไม้จำพวก Boswellia เจ้าต้น Boswellia เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ที่เจริญเติบโตทางตอนใต้ของ Arabia และ Somalia ซึ่งยางไม้ชนิดนี้ เป็นส่วนสำคัญมาก ในการทำเครื่องหอม สมัยอณาจักรโรมันโบราณ ในปัจจุบันเราใช้ Frankincense เป็นส่วนผสมของ นํ้าหอมสมัยใหม่ถึง 13%
- Galbanum :เป็นยางไม้ของ ต้นยี่หร่า จากประเทศ Iran เจ้า Galbanum จะมีกลิ่นหอม ออกไปทาง Spicy
- Jasmine : ต้นมะลิใช้เป็นส่วนผสมหลัก ของนํ้าหอมในปัจจุบันมากกว่า 80 % เป็นรองก็ แค่ดอกกุหลาบ พันธุ์ของมะลิที่นิยมใช้ในการทำนํ้หอมก็คือ มะลิจากประเทศสเปน หรือที่เรียกกันว่า Royal Jasmine ซึ่งใช้มากที่สุดในยุโรป มาตั้งแต่ศตรวรรษที่ 16 แล้ว Royal Jasmine นี้จะเป็น ส่วนผสม ในการทำนํ้าหอม ที่แพงที่สุด เพราะว่า จากมะลิ 500 ปอนด์ จะกลั่นออกมาใช้ทำนํ้าหอม ได้แค่เพียง 0.1 % เท่านั้น
- Labdanum : เป็นหยดเล็กๆ ของยางไม้จากใบของต้น Cistus ที่ขึ้นอยู่ ในตะวันออกกลาง เราใช้ยางไม้ชนิดนี้ถึง 33% ในการทำนํ้าหอมในปัจจุบัน
- Lavender : เป็นส่วนผสมหลัก ในการทำนํ้าหอมมานานแล้ว นับตั้งแต่สมัย กรีก - โรมัน โบราณ ครั้งหนึ่งในประเทศ ฝรั่งเศส เคยปลูกต้น Lavender นี้ถึง 5,000 ตัน ต่อปีมาแล้ว
- Lemon : ผิวของผลมะนาว เป็นส่วนผสมที่จำเป็น ในการทำนํ้าหอม ที่ต้องการให้ได้กลิ่นหอม ที่สดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา
- Lily of the Valley : ในช่วงเริ่มแรกของการทำนํ้าหอมนั้น เราได้ กลิ่นหอมของดอก Lily โดยการใส่ดอก lily ลงไปในนํ้ามัน แต่ในปัจจุบัน เราใช้กรรมวิธีที่ทันสมัย โดยการสกัดเอากลิ่นหอมของ lily ออกมา ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เราใช้ lily เป็นส่วนผสมในการทำนํ้าหอม ประมาณ 14 % ในปัจจุบัน
- Myrrh : เป็นยางไม้จากต้น Myrrh ซึ่งพบได้ใน Arabia, Somalia และ Ethiopia ในสมัยโบราณ เขาใช้ยางไม้ชนิดนี้ทำเป็นยาสมุนไพร และ ใช้ทำ นํ้ายา ดองศพ แต่ในปัจจุบัน นักปรุงนํ้าหอมบอกว่า คุณสมบัติที่เด่นของ Myrrh นี้คือ มันเป็นตัวช่วยให้ กลิ่นของนํ้าหอม ติดร่าางกายทนนานยิ่งขึ้น เพราะมันมีสารที่ทำให้ นํ้าหอม ระเหยไปในอากาศ ช้าลงนั่นเอง
- Neroli : ได้จากการกลั่น จากดอกของต้นส้ม ชื่อ Neroli นี้ได้มาจากในช่วง หลังศตรววรษที่ 16 โดยภรรยาของ เจ้าชายของ อิตาลีคนหนึ่ง ใช้ Neroli ผสมในนํ้า ที่เธออาบ ทำให้กลิ่นหอม นี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายในยุโรป แต่จริงๆแล้ว Neroli เข้ามาในยุโรปนานแล้ว ตั้งแต่ศตรวรรษที่ 12 โดยชาว อาหรับเป้นผู้นำเข้ามา ในปัจจุบันใช้เป้นส่วนผสม ในการทำนํ้าหอมถึง 12%
- Oak Moss : เป็น Lichen ที่อยู่ตาม ต้นโอ๊ก ต้นสน และต้นไม้อื่นๆ ในแถบเถือกเขา ทางเหนือ ของแอฟริกา และ ยุโรป เราใช้ oak moss เป็นตัวที่ยึด กลิ่นหอมของนํ้าหอมไว้ ไม่ให้ระเหยไปเร็ว
วิธีการเลือกน้ำหอมให้เข้ากับตัวเอง? Choosing and Using | |
สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ในการที่เราจะ เลือกนํ้าหอมได้ถูกต้องนั้น เราก็ต้องทำความรู้จัก กับนํ้าหอม กันก่อน นํ้าหอมนั้นเป็นผลของส่วนผสมหลัก 2 อย่างนั่นก็คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ (Alcohol) ในระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ นี้ จะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันไป เราจึงแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ดังนี้ | |
- Eau de Parfum คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 % - Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 4-8 % - Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 3-5 % |
|
นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นจะเป็น Eau de Toilette เสียมากกว่า ซึ่งความหอมระดับนี้จะมาเป็น ส่วนประกอบในสินค้าอื่นๆ นอกจาก นํ้าหอมด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า และอีกมากมาย มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่ยากที่จะตอบมากนั่นก็คือ คำถามที่ว่า เราจะหา ซื้อนํ้าหอมจากที่ไหนถึงจะดีที่สุด ? |
|
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ นํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่ แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อนมาก เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่างๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ใน การเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากดังนี้
ข้อมูลจาก: perfumelover.com
สร้างเสน่ห์ด้วย...น้ำหอม
กลิ่น หอมเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สามารถครอบงำอารมณ์ความรู้สึกและจิตใจมนุษย์เรา ได้ในสมัยโบราณกรรมวิธีในการผลิตน้ำหอมและเครื่องหอมต่าง ๆ ถูกเก็บไว้เป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในชนชันสูง ซึ่งคนธรรมดาสามัญไม่มีโอกาสจะเรียนรู้ได้ ถือกันว่าเป็นศาสตร์ลี้ลับที่ใช้ในการสร้างเสน่ห์ของหญิงสาว
ปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายใช้น้ำหอมกันเป็นประจำทุกวัน กลิ่นที่ถูกผลิตออกมาก็มีความหลากหลายกว่าสมัยโบราณ น้ำหอมกลายเป็นอุตสาหกรรมวิธีการทำน้ำหอมเป็นที่เปิดเผยกันทั่วไปไม่ได้เป็น เรื่องของศาสตร์ลึกลับอีกแล้ว คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกับคนระดับสูง
การเลือกน้ำหอมให้เข้ากับตัวเราเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพราะถ้าเลือกผิด แล้วแทนที่จะสร้างเสน่ห์ให้กลับทำลายเสน่ห์ของเราจนสิ้น เราจึงมีเกร็ดความรู้ในการเลือกซื้อและเลือกใช้น้ำหอมมาฝาก
-
น้ำ หอมในปัจจุบันมีกลิ่นหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผู้หญิง ผู้ชาย กลิ่นวัยรุ่น วัยสาว วัยผู้ใหญ่ จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับเพศและวัยตนเอง
-
น้ำ หอมที่ต่างกลิ่นกันก็เหมาะกับแต่ละโอกาสหรืออารมณ์ เช่น น้ำหอมกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางวัน และอีกกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางคืน หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะใช้ในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวก็ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงมากขึ้น
การ จะรับรู้ได้ว่ากลิ่นหอมนั้นๆ เหมาะกับตัวเราและเราชอบมันจริงหรือไม่นั้น อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ฉะนั้น ควรเลือกซื้อน้ำหอมขวดเล็กไปลองใช้ก่อนถ้ามั่นใจแล้วจึงค่อยกลับมาซื้อขวด ใหญ่อีกที
ปกติระดับกลิ่นของน้ำหอมจะไม่คงที่แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนระดับของกลิ่นไปเรื่อยตามกาลเวลา กลิ่นของน้ำหอมมี 3 ระดับ กลิ่นแรก กลิ่นกลาง และกลิ่นพื้นฐาน
เมื่อฉีดน้ำหอมครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรกนี้จะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ที่ถือว่าเป็นหัวใจของน้ำหอมเป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง
กลิ่นสุดท้าย คือ กลิ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งจะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
ควรเก็บน้ำหอมในที่แห้ง มืดและเย็น น้ำหอมจะเก็บไว้ได้ประมาณ 3 ปีนับจากวันผลิต
ในการทดลองกลิ่นน้ำหอมขณะซื้อ เมื่อฉีดแล้วควรรอสัก 2-3 นาที เพื่อให้กลิ่นของน้ำหอมผสมกลมกลืนกับกลิ่นกาย จนสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคุณจะได้รู้ว่าน้ำหอมกลิ่นนั้น เหมาะกับตัวคุณจริงหรือไม่ และควรลองเพียง 2-3 กลิ่นก็พอเพราะถ้าลองมากไปกลิ่นจะตีกันจนแยกไม่ออกแล้วคุณก็อาจสับสนจนไม่ สามารถเลือกน้ำหอมได้ถูกใจ
-
ถ้าคุณมีผิวที่แพ้น้ำหอมให้ฉีดน้ำหอมลงบนผ้าเช็ดหน้าแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแทนที่จะฉีดลงบนผิวตรงๆ
-
ไม่ ควรใช้มือหรือนิ้วถูน้ำหอมให้ซึมเข้าไปในผิวเพราะจะทำให้น้ำหอม "ช้ำ" ทางที่ดีควรฉีดน้ำหอมลงบนผิวแล้วปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติจะดีกว่า
-
บาง ครั้งคุณอาจลองคิดวิธีใช้น้ำหอมให้สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้นบ้างก็ได้ เช่น ฉีดลงบนกระดาษจดหมายก่อนพับใส่ซอง ฉีดพรมบนผ้าปูที่นอนก่อนเข้านอน ฉีดที่เทียนไขก่อนจุด เป็นต้น
น้ำ หอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่นและมีการหมุนเวียนโลหิตดี ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและได้นานก็คือบรรดาจุด ชีพจรของเรานี่เอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้นก็จะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอม กระจายออกมาอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ฉะนั้น จึงควรฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ด้านในข้อมือ ข้อศอก ข้อพับ ใต้ติ่งหู
น้ำหอมส่วนใหญ่มักจะคงอยู่ได้นานกว่าผิวแห้ง หากต้องการให้กลิ่นหอมติดทนนานบนผิวกายควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชั่นบำรุงผิว แต่ ไม่ว่าอย่างไรการฉีดน้ำหอมเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้กลิ่นอยู่ได้นาน ตลอดวัน ดังนั้น หากต้องการให้กลิ่นหอมอยู่ทนบนผิวกายตลอดวันควรฉีดน้ำหอมวันละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
จุดสำคัญในร่างกายที่ควรได้รับการฉีดพรมด้วยน้ำหอมมีดังนี้ ขมับทั้ง 2 ข้าง บริเวณร่องอก ข้อพับแขน ข้อมือ ข้อพับขา
Discussion (17)
ต้อง GUCCI Rush II เท่านั้น
ฮี่ๆๆๆ อยากได้ๆ
เชียร์ Gucci Envy Me ค่า