แล้วก็"ปาย"จนได้ >> เอารูปมาฝากมากมายค่ะ

สวัสดีค่าสาวๆ อากาศช่วงนี้ร้อนมากมาย จะเอาตับออกมาแช่น้ำอยู่แล้วเนอะ


แต่ใช่ว่ากรุงเทพฯจะเป็นที่เดียวที่ร้อนขนาดนี้นะคะ
เพราะเพิ่งกลับจากทริปปาย-เชียงใหม่มาเมื่อวานนี้ อากาศที่นั่นไม่ต่างกันเท่าไหร่

คิดว่าจะได้หนีร้อนไปพึ่งเย็น แต่กลับกลายเป็นหนีร้อนไปพึ่งร้อนพอๆกัน ที่ปายนี่ตอนสายๆก็ร้อนแล้วค่ะ ร้อนมากๆๆๆซะด้วย จนพระอาทิตย์ตกแล้วนั่นแหละค่ะอากาศจะเริ่มเย็นๆพอได้บรรยากาศอยู่บ้าง เช้ามืดก็ยังเย็น แต่หมอกก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เรียกว่าไม่มีหมอกเลยก็ได้ค่ะ และก็กลับมาร้อนอีก โอย...ปรับตัวไม่ทัน เกือบป่วย

แต่ที่หนักกว่าคือเชียงใหม่นี่แหละค่ะ ทั้งวันทั้งคืน ร้อนอบอ้าวเอามากๆ เฮ้อ...เที่ยวผิดช่วงไปหน่อย ไม่เป็นไร คนไม่ค่อยเยอะ (คิดเข้าข้างตัวเองไปก่อน
)

หลายๆคนคงได้ไปเที่ยวปายมาแล้ว แต่หยกเพิ่งไปครั้งแรก เห็นกระแสแรงมาหลายปีแล้ว ต้องลองซักครั้ง และก็ไม่ผิดหวัง (นอกจากสภาพอากาศ) ได้รูปสวยๆมามากมายเลยค่ะ บรรยากาศแตกต่างไปอีกแบบ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ

วันพฤหัสบดี 09:20 pm ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินแอร์เอเชียค่ะ รอบนี้หยกได้มาในราคา 799 บาทค่ะ ถูกมากๆ
แต่เครื่องดีเลย์เป็น 10:20 pm แกร่วอยู่แอร์พอร์ตหลายชั่วโมงเลยค่ะ ดีนะ ติดหนังสือไปด้วย เลยได้นั่งอ่านฆ่าเวลาไปเยอะ ทริปนี้ไปกัน 3 คนค่ะ มีแฟนและเพื่อนแฟนไปด้วยอีกคนนึง (จะได้มีรูปคู่บ้าง อิอิ)



ไปถึงที่เชียงใหม่แอร์พอร์ตก็ 5 ทุ่มครึ่งแล้วค่ะ โปรแกรมสั้นสำหรับคืนนี้คือ ไปพักที่โรงแรม Airport Residence โดยมีรถตู้ของโรงแรมมารอรับที่สนามบิน เป็นโรงแรมเล็กๆ ไม่หรูหราอะไร ห้องคู่ คืนละ 690 บาท และเสริมเตียงอีก 100 บาท คืนนั้นก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะโปรแกรมวันรุ่งขึ้น ตื่นตี 4 ค่ะ ไปขึ้นรถที่ท่ารถโดยทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้มารับตอน 6 โมงเช้า ค่าแท็กซี่ก่อนเวลาทำการราคา 150 บาทค่ะ เมื่อไปถึงก็จัดการซื้อตั๋วรถมินิบัสไปปายรอบ 7:30 am ราคาคนละ 150 บาท เป็นรถแอร์นะคะ สภาพรถดูดีมากมาย น่านั่ง ไม่อึดอัดเหมือนรถตู้ ระหว่างรอเวลาก็ไปหาอาหารเช้าทานกันแถวๆท่ารถนั่นเลย



พอขึ้นรถได้หยกก็จัดแจงกินยาแก้เมารถซะก่อนเลย กันไว้ก่อน กิตติศัพท์เรื่องหลายร้อยโค้งทำเอากลัวเลยค่ะ ในรอบนี้มีฝรั่ง 2 คนขึ้นมาด้วย นั่งที่นั่งข้างหลังหยกเลย คุยกันเสียงดัง หัวเราะก๊ากกันตลอดทาง จนมาถึงทางขึ้นภูเขาได้ซักระยะก็เงียบกันหมด แฟนหยกหันไปดูอีกที ปรากฏว่าคนนึงฟุบลงไป อีกคนนั่งกุมขมับเหมือนอกหัก ท่าทางน่าจะเมารถกันน่ะค่ะ ว่าจะเอายาแก้เทารถให้เค้ากินแล้ว แต่ก็กลัวเค้าจะไม่เชื่อว่ายาอะไร แหะๆๆ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาถึงที่ตัวเมืองปายค่ะ อากาศร้อนมากๆ ต้องลากๆกระเป๋าไปที่ที่พักหลายร้อยเมตรอยู่ค่ะ เพราะกระเป๋าใหญ่มาก มอเตอร์ไซค์คงบรรทุกไม่ไหว ที่พักของหยกชื่อ Villa De Pai ออกจากท่ารถแล้วเดินไปทางซ้าย ลงเนินไปเกือบสุดทางก็เลี้ยวขวาค่ะ คืนละ 1000 บาท จองห้องริมแม่น้ำไว้ แต่ทว่าอากาศแล้งมาก น้ำแห้งขอดเชียวค่ะ ผิดหวังอย่างแรง แต่เจ้าของรีสอร์ทใจดี อัธยาศัยดีมากๆ ให้คำแนะนำและเป็นกันเองมากๆเลยค่ะ ในบ้านพักมีคอมฯและอินเตอร์เน็ตให้ใช้ได้ฟรีด้วย ยังแอบเปิดเว็บจีบันดูเลย (ติดงอมแงม เหมือนติดละคร)



เอาสัมภาระไปเก็บที่พักเสร็จแล้วก็ออกมาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ เพื่อใช้เป็นยานพาหนะระหว่างเที่ยวที่นี่ โดยใช้บริการของร้านเดือนเด่นค่ะ วันละ 150 บาท น้ำมันเติมเอง จากนั้นก็ไปหาร้านกาแฟก่อนเลย เพราะแฟนหยกติดกาแฟก็เลยไปที่ร้าน All About Coffee เห็นว่าร้านนี้ก็ถ่ายหนังด้วย เป็นร้านเล็กๆมีชั่นครึ่ง ข้างบนจะเป็น Gallery ภาพวาด นั่งดื่มกาแฟได้ค่ะ แต่หยกนั่งด้านล่าง สั่งกาแฟ และขนมปังโฮลวัทกระเพราะไก่ทาลองค่ะ รสชาดธรรมดาค่ะ เป็นขนมปังปิ้ง แล้วก็ผัดกระเพราไก่มาจิ้มกินด้วยกัน



หลังจากโด๊ปกาแฟกันเป็นที่เรียบร้อยก็ลุยต่อกันไปที่หมุ่บ้านสันติชน (หมู่บ้านยูนนาน) ค่ะ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนี่แหละค่ะ แต่หยกเป็นคนซ้อนนะคะ อากาศร้อนกำลังได้ที่เลยค่ะ ขี่ออกไปหลายกิโลอยู่เหมือนกัน พอไปถึงก็แบบว่า "โอ้โห เกรียมแน่ๆ" เพราะว่าจะเป็นที่โล่งแจ้งเป็นลานกว้างๆและมีบ้านเหมือนกระท่อมหลังเล็กๆอยู่ข้างๆ พอดีว่าวันที่ไป มีกองถ่าย MV มาถ่ายทำด้วยค่ะ และก็เหมือนมาถ่ายรายการซักอย่างหนึ่งอยู่ โดยมี บี้ และมิว เดอะสตาร์มาด้วย ทำให้บรรยากาศที่นี่เลยไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แหะๆ เพราะมีคนมามุงดารา ขอถ่ายรูปกันมากมายเลยค่ะ หยกก็เลยปลีกตัวไปเล่นชิงช้า ค่าเล่น 25 บาทค่ะ หมุน 6 รอบ แต่น่ากลัวมาก เพราะไร้ซึ่ง Safety อันใดหมุนไปไม่กี่รอบหยกก็ขอลงเลยค่ะ ไม่ไหว สงสัยจะแก่เกินไป กลัว






ข้างกลางวันขอวันนี้ก็เลยฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารของที่หมู่บ้านนี่เลยค่ะ อาหารขึ้นชื่อของเค้าก็คือ ขาหมูยูนนาน ที่ใครมาก็ต้องสั่งมาลอง ไม่ได้ต้มเป็นแบบพะโล้นะคะ เป็นแบบน้ำใสๆ ออกเปรี้ยวเค็ม อร่อยไปอีกแบบค่ะ แล้วก็สั่งปลาทับทิมนึ่งซีอิ๊วกับผัดถั่วแขกมาค่ะ ปลาสดใช้ได้ แล้วก็อร่อยมากด้วยค่ะ ราคาก็ไม่แพง อิ่ม ถูก อร่อย ค่ะ

จาหมู่บ้านยูนนานมาก็คิดว่าน่าจะกลับไปที่พักก่อน เพราะว่าอากาศร้อนมาก เหมือนจะเป็นลม ว่าจะอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว แต่ก็ดั๊น...น้ำไม่ไหล ไฟก็ดับ ทั้งอำเภอเลยค่ะ หลายชั่วโมงอยู่ หยกนี่จะตายให้ได้ ร้อนมากๆ ได้ยินมาว่าที่ปายเจอภาวะไฟดับบ่อยมาก เพื่อนๆที่เคยไปมาแล้วเคยเจอภาวะนี้กันบ้างมั๊ยคะ



นอนรอน้ำรอไฟอยู่พักใหญ่ จนคิดได้ว่าไม่ควรเสียเวลา ก็เลยเริ่มปฏิบัติการต่อที่พระธาตุแม่เย็น แต่ก่อนไปหยกต้องหาตัวช่วยซะก่อน "แป้งเย็น+สเปรย์น้ำแร่" ค่ะ ไม่อย่างนั้นไปต่อไม่ได้แน่ๆ จัดการเปลี่ยนเสื้อสองชั้นเหลือชั้นเดียว กางเกงขายาวเป็นขาสั้น ปล่อยผมเป็นขมวดผม เสร็จเรียบร้อยก็ลุยต่อเลยค่ะ



แต่แป้งเย็นก็ไม่สู้อากาศวันนั้นค่ะ สุดท้ายก็ไปต่อได้แค่ที่พระธาตุแม่เย็น และก็ลองกลับที่พักอีกที ก็น้ำไหล ไฟฟ้ามาพอดี เลยได้อาบน้ำให้ชื่นใจ เวลาร้อนมากๆแล้วเจอน้ำเย็นๆนี่เหมือนสวรรค์จริงเลย สาวๆว่างั้นมั๊ยคะ
 อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จก็เย็นมากแล้ว ได้เวลากินอีกแล้ว คราวนี้เดินค่ะ หาอาหารเย็นกันที่ตัวเมืองปาย ตอนแรกตั้งใจไปทานที่ร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำมา แต่คงถูกแนะนำมากเลยคนเยอะ มองๆดูแล้วก็อีกเป็นสิบโต๊ะที่ยังไม่ได้อาหาร เลยตัดสินใจเปลี่ยนร้าน เดินๆไปก็สะดุดตาร้านขนมจีนร้านนึงค่ะ ชื่อร้าน "ขนมจีนนั่งยอง" เพราะต้องนั้งบนเก้าอี้เล็กๆเตี้ยๆทานขนมจีนบนโต๊ะแคร่เตี้ยๆเหมือนกัน ท่านั่งก็เลยเหมือนนั่งยองๆ แปลกดีๆ ต้องลอง ขนมจีนจานละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ มีน้ำยาให้เลือกหลายแบบ รสชาดใช้ได้ และค่อนข้างเผ็ดเชียวค่ะ



จากนั้นก็เดินเลินชิลๆกันไปตามถนนคนเดินเนี่ยแหละค่ะ บรรยากาศคล้ายๆถนนข้าวสารอยู่เหมือนกันค่ะ มีฝรั่งเยอะๆ มีของขายอยู่สองข้างทาง ก็เดินดูของไปเรื่อยๆ อากาศเย็นๆชักจะเริ่มหนาว เพราะใส่กางเกงขาสั้น และมีแค่ผ้าคลุมเท่านั้น



ไม่รู้จะซื้อของฝากอะไรกลับมาดี เดินๆไปเจอร้านโปสการ์ดชื่อร้านมิตรไทยค่ะ ก็เลยได้ไอเดียว่า เขียนโปสการ์ดแล้วส่งมากรุงเทพฯดีกว่า น่าจะเป็นของที่ระลึกที่น่าประทับใจไม่น้อย โปสการ์ดร้านนี้ขาย 4 แผ่น 50 บาท แสตมป์ดวงละ 4 บาทค่ะ



เดินเล่นกันอยุ่จนเกือบ 5 ทุ่ม ร้านรวงก็ทยอยเก็บร้านกันแล้ว เหลือแต่ร้านเหล้าสไตล์คาเฟ่ที่ยังเฮฮากันอยู่ก็เลยกลับที่พักกัน และเตรียมโปรแกรมสำหรับเช้าวันรุ่งขึ้น โดยกำหนดการตื่นคือ ตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็ไม่ตื่นกันค่ะ แหะๆๆ
 อากาศดีเลยนอนเพลิน ตื่นมาเกือบ 7 โมง เลยกลายเป็นหาอาหารเช้าทาน และไปที่ Coffee in Love ต่อเลย



เป็นบรรยากาศการนั่งมอเตอร์ไซค์ที่ต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิงค่ะ จากร้อนจัด เป็นหนาวจัดเลย พอโต้ลม แล้วเหมือนหน้าตา จมูก ปาก จะแข็งไปหมด แต่ดีค่ะ อากาศสดชื่นมากๆ การหายใจอย่างเต็มปอดเพิ่งรู้จักก็คราวนี้ล่ะค่ะ ร้าน Coffee in Love ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปทางภูเขาอีกนิดนึงค่ะ แต่พอสายๆ อากาศเริ่มอุ่นก็เลยไหวตัวทัน กลับไปถอดโค้ทและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แต่ดันลืมเอาแว่นมา ตาโต้ลมซะแสบตา น้ำตาไหลไปหมดเลยค่ะ สาวๆคนไหนถ้าจะไป อย่าลืมติดแว่นตาไปด้วยนะคะ


ที่ Coffee in Love ค่ะ เยอะนิดนึงน๊า













จาก Coffee in Love ก็ไปต่อกันที่สะพานประวัติศาสตร์ค่ะ ตอนนี้แดดเริ่มอาละวาดแล้วค่ะ เกือบจะเที่ยงและ ขับรถเลยจาก Coffee in Love ไปไม่กี่กิโลเมตรค่ะ ก็จะเจอ กองแลน หรือ ปายแคนยอนก่อน แต่หยกไม่ได้แวะค่ะ เลยไปที่สะพานประวัติศาสตร์เลย เพราะเดี๋ยวกลับมาเช็คเอาท์ไม่ทันเที่ยง



มีหลายที่เลยที่หยกไม่ได้ไป ทั้ง ปางอุ๋ง ภูโคลน โป่งเดือด ฯลฯ เพราะหลายๆอย่างไม่อำนวย รวมถึงคนพื้นที่บอกว่าตอนนี้ไม่มีหมอกให้ดูแล้ว เลยตัดสินใจตัดออกจากโปรแกรมค่ะ กลับมาเช็คเอาท์อาบน้ำเสร็จก็ไปคืนรถมอเตอร์ไซค์และก็หาอาหารเที่ยงทานกันค่ะ ร้านที่เป็นที่แนะนำอีกร้านคือ "ร้านส้มตำหน้าอำเภอ" อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอปายเลยค่ะ คนเยอะมาก รสชาดอร่อย และราคาไม่แพงค่ะ สังเกตได้ว่าของที่ปายจะไม่ค่อยแพงเท่าไหร่เลยค่ะ เป็นเมืองที่น่าอยู่ทีเดียว อิอิ
 ไม่ได้ถ่ายรูปที่ร้านส้มตำมานะคะ



บ่ายสองโมง ออกเดินทางคดเคี้ยวอีกรอบเพื่อกลับไปเชียงใหม่ค่ะ ขากลับนี่ทรหดกว่าขามาตรงที่รถที่นั่งมาเนี่ยค่ะ ไม่รู้เกิดปัญหาอะไร ไม่เปิดแอร์ เป็นชั่วโมงเลยค่ะ อากาศก็ร้อนขึ้นๆ ทรมานมากๆ ดีที่หยกพกพัดลมมือถือมาด้วย 2 อัน ควักกระป๋องแป้งเย็นมาโรยตามคอตามแขนได้ก็เอาพัดลมเป่า แฟนหยกก็ช่างดีเหลือเกิน ให้หยกใช้พัดลม 2 อันเลย ช่วยบรรเทาทุกข์ได้บ้างเล็กน้อย ดีกว่าคนอื่นๆบนรถ ที่ดูท่าทางจะไม่ไหวกันแล้ว ส่วนเพื่อนแฟนหยกนี่เล่นกินยาเข้าไปแล้วหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ ดีจริงๆ


มาถึงเชียงใหม่ 5 โมงเย็น เหมารถสองแถวไปส่งที่ที่พัก วันนี้พักที่โรงแรมพูนเพชรค่ะ คืนละ 2500 บาท แต่พอดีเจ้าของโรงแรมเป็นอาของสามีพี่ที่ทำงานเก่าค่ะ เลยลดให้เหลือ 1000 บาท โรงแรมใหม่มากค่ะ อยู่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เป็นห้องขนาดใหญ่ ชื่อห้อง Family room ในห้องจะมีห้องนอนอีก 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง สะดวกสบายมั่กๆ
อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อย ก็รอรถที่เช่าไว้มาส่งค่ะ ใช้บริการบริษัท Boss ค่าเช่าจะแพงกว่าที่อื่นร้อยสองร้อย แต่ดูน่าเชื่อถือ เช่าเป็นรถ Honda City ตัวใหม่ สีเทาค่ะ เค้าเติมน้ำมันมาให้เต็มถัง แต่ตอนคืนต้องเติมคืนเค้าเต็มถังเช่นกันค่ะ



ออกไปตระเวนไนท์บาซ่าค่ะ อันที่จริงคือไปหาของกิน เพราะตอนนี้ไนท์บาซ่าหยกว่ามันไม่ค่อยน่าซื้อของเท่าไหร่อ่ะค่ะ มันคล้ายๆกันทุกร้าน น่าจะเป็นของที่เหมาะกับฝรั่งเค้าน่าจะสนใจมากกว่า ทานข้าวเสร็จก็ขับรถเล่นตอนกลางคืนอยู่ชั่วโมงนึง อันที่จริงคือ...หลงทางค่ะ แฟนหยกมึนๆอ่านแผนที่งงๆก็เลยวนไปวนมา เข้าเมืองเสร็จ ออกจากเมืองอีก กว่าจะกลับโรงแรมได้ก็เกือบ 5 ทุ่มล่ะค่ะ



โปรแกรมของเช้าวันรุ่งขึ้นคือ สวนราชพฤกษ์ค่ะ ดอกไม้ไม่ค่อยมีแล้ว แต่ต้นไม้ยังสวยอยู่ค่ะ งานนี้ฟรีค่าเข้า ไปเสียค่ารถรางชมงานคนละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ







จากราชพฤกษ์ แวะทานข้าวเช้ากันแป๊บนึงก่อนไปต่อกันที่ร้าน iBerry ของโน๊ต อุดม ค่ะ อยู่ซอยนิมมานเหมินต์ 19 แต่หาเท่าไหร่ก็หาซอย 19 ไม่เจอ เลยเข้าซอย 15 แล้วไปตามป้ายหัวหมีสีเหลืองในซอยแทนค่ะ ก็ไปพบเจอร้านได้เหมือนกัน





ถัดจากร้าน iBerry แก้ร้อนกันแล้วก็ไปพระธาตุดอยสุเทพค่ะ ไปไหว้พระขอพรกันซักหน่อย และเลยเถิดขึ้นไปพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ตอนนี้เริ่มจะน็อคแล้วค่ะ อากาศร้อนมากจนไมเกรนขึ้นเลย





และก็เป็นโปรแกรมสุดท้ายก่อนไปแอร์พอร์ตค่ะ ซื้อตั่วรอบ 10:20 pm ไว้ค่ะ และเช่นเดิม เครื่องดีเลย์เป็น 11:30 pm บริษัทรถก็ส่งคนมารับรถคืนที่แอร์พอร์ตเลยค่ะ  แต่ลืมเติมน้ำมัน ใช้ไปครึ่งถังพอดี เค้าก็เลยบอกว่าตีราคา 700 บาท ค่าน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 95 ก็ตะหงิดๆนิดหน่อย แต่ก็จ่ายๆไป พอมาคุยกับเพื่อนแฟนเค้าก็เอ้ย...ตกใจ ครึ่งถัง 700 ได้ไง เค้าใช้อยู่ City ตัวใหม่เหมือนกัน เต็มถัง 680 แล้วครึ่งถังมันจะ 700 ได้ไง โทรไปเม้งทางบริษัท เค้าก็ว่าน้ำมันราคามันขึ้นเป็น 23 บาทกว่า พอมาคำนวณมันก็ไม่ถึง 700 อยู่ดี เว้นแต่ City ตัวนี้มันจะเครื่อง 3000 ถังน้ำมันใหญ่ แอบจิกๆไปเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเราลืมไปเติมเอง


และก็นั่งรอเวลา หาของกิน เดินไปเดินมา นั่งๆ นอนๆ เดินไปเดินมา จนถึงเวลา โชคดีที่หยกติดหนังสือมาอ่านเล่นด้วย ช่วยได้เยอะ แฟนหยกก็บ้าถ่ายรูป เดินถ่ายรูปฆ่าเวลาไปเรื่อย อีกคนก็บ้าถ่ายรูปเหมือนกัน แต่เป็นบ้าคนละขั้ว ก็เลยมีตากล้องและนางแบบถ่ายรูปฆ่าเวลากันเป็นชั่วโมง กลับถึงบ้านตี 2 ค่ะ ป๊ามารับที่สุวรรณภูมิ ทริปนี้ร้อนไปหน่อย แต่ได้รูปสวยๆ ประสบการณ์ดีๆ และอากาศปลอดโปร่งมาแทน สาวๆที่ยังไม่เคยไป ลองเลือกช่วงอากาศเย็นๆแล้วไปเที่ยวดูนะคะ ขอให้สนุกสนานกันถ้วนหน้านะค๊า
 บายค่า....

Discussion (12)

เราไปหน้าหนาวอ่า  หนาวมากกก แต่บรรยากาศดีมากเลยค่ะ
อยากกลับไปเที่ยวอีกจัง ถ้าไปช่วงนี้คงร้อนน่าดูเลย
ว๊าววน่าอิจฉาจัง พี่ยังไม่เคยไปเลยซักกะหน อิอิ
อธิบายละเอียดมากค่ะ ต้องจดไว้เป็นไกด์บ้างแล้ว ขอบคุณนะจ๊ะที่มาแบ่งบันกัน
อยากกลับบ้าน
อ่านเพลินเลยค่ะ

ไว้มีโอกาสจะไปเยี่ยม ปาย

เจ้าของกระทู้ แอบเซกซี่

น่ารักดีค่ะ