เลือกกันแดดยังไงให้รอดในแดดไทย ถ้าไม่อยากผิวไหม้ต้องรู้

ครีมกันแดดเป็นไอเท็มกันตายที่ต้องมีติดบ้านสำหรับคนไทยเลย เนื่องจากแดดไทยที่ดูเหมือนจะแรงขึ้นทุกวันๆ จึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันถ้าไม่อยากเป็นมะเร็งผิวหนังกันนะคะ แต่เชื่อว่าหลายคนยังสับสนกับครีมกันแดดในท้องตลาดที่มีให้เลือกมากมายจนไม่รู้ว่าควรเลือกแบบไหนยังไงดี วันนี้เราจะมาแชร์ทริคในการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับทุกคน ถ้าใครอยากรู้ก็ตามไปดูกันเลย

เลือกตามคุณสมบัติ


Broad spectrum
เมื่อเลือกครีมกันแดดควรเลือกตัวที่มีระบุบนฉลากว่าเป็น Broad Spectrum เพื่อการปกป้องผิวอย่างครอบคลุมทั้งจากรังสี UVA และ UVB ที่เป็นอันตรายต่อผิวพอๆ กัน

SPF30 หรือมากกว่า
ถ้าต้องออกแดดหรือแม้แต่อยู่ในบ้านบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง เช่น ใกล้ประตู หน้าต่าง ก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 หรือมากกว่า เนื่องจาก SPF30 สามารถป้องกันผิวจากรังสี UVB ได้มากถึง 97% ในขณะที่ SPF50 สามารถป้องกันได้ 98% เพราะฉะนั้นหมอผิวหนังเลยแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30-50 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

Water-resistant
สำหรับใครที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานหรือต้องเล่นกิจกรรมกลางแจ้งที่อาจทำให้เหงื่อออกควรเลือกครีมกันแดดสูตร Water-resistant เพราะครีมกันแดดชนิดนี้จะสามารถเคลือบอยู่บนผิวเราได้ระยะเวลานึงหลังจากที่ผิวโดนน้ำก่อนที่เราจะต้องทากันแดดซ้ำ ซึ่งครีมกันแดดกันน้ำส่วนใหญ่มักสามารถกันน้ำได้นาน 40-80 นาที

เลือกตามชนิดของสารกันแดด


Physical Sunscreen
กันแดดแบบสะท้อนรังสี หรือ Physical Sunscreen ทำหน้าที่สะท้อนหรือกระจายรังสียูวีออกไปจากผิว ส่วนผสมหลักที่ใช้ในครีมกันแดดชนิดนี้ก็คือ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ตอนทาลงบนผิวจะรู้สึกเหมือนมีฟิล์มเคลือบอยู่บนผิว มักมีสีขาว ทำให้หลายคนอาจไม่ค่อยชอบกันแดดชนิดนี้เพราะทำให้หน้าดูขาวลอย แต่ข้อดีของครีมกันแดดแบบ Physical ก็คืออ่อนโยนแม้กับผิวแพ้ง่าย คนท้อง และเด็ก

Chemical Sunscreen
ครีมกันแดดแบบดูดซับรังสี หรือ Chemical Sunscreen มีคุณสมบัติเหมือนกับชื่อก็คือแทนที่จะทำการสะท้อนรังสียูวีออกจากผิวเหมือนครีมกันแดดแบบ Physical แต่จะทำการดูดซับรังสียูวี เพื่อไม่ให้ทะลุผ่านลงไปถึงชั้นผิวหนังและทำอันตรายต่อผิวได้ ส่วนผสมที่พบได้บ่อยในครีมกันแดดชนิดนี้ ได้แก่ Oxybenzone, Dioxybenzone, Avobenzone, Octocrylene, Homosalate และ Octinoxate เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความขาววอก เพราะครีมกันแดดชนิดนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีสี และยังมีเนื้อที่ค่อนข้างบางเบาสบายผิว

Hybrid Sunscreen
ครีมกันแดดแบบผสมหรือ หรือ Hybrid Sunscreen มีทั้งคุณสมบัติในการดูดซับและสะท้อนรังสีในตัวเดียว รวมข้อดีและข้อเสียของครีมกันแดดแบบ Physical และ Chemical ไว้ด้วยกัน ส่วนผสมที่พบได้บ่อยในครีมกันแดดชนิดนี้ก็คือ Tinosorb S, Tinosorb M, Uvinul A Plus และ Mexoryl SX ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และมีหลายแบรนด์ที่เลือกใช้สารกันแดดชนิดนี้

เลือกตามสภาพผิว


ผิวแห้ง
เลือกครีมกันแดดเนื้อครีมที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Glycerin หรือ Shea Butter เพื่อให้ความชุ่มชื้นและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว

ผิวบอบบาง
คนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย แนะนำให้เลือกครีมกันแดดสูตรผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ หรือเลือกครีมกันแดดแบบ Physical ที่มีส่วนผสมของ Titanium Dioxide หรือ Zinc Oxide เป็นหลัก ที่สำคัญควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย

ผิวมัน
สำหรับใครที่มีผิวมันควรเลือกครีมกันแดดเนื้อเจลหรือเนื้อเอสเซนส์บางเบาที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือครีมกันแดดที่ระบุบนฉลากว่าช่วยทำให้ผิวแมตต์ขึ้น คุมมันระหว่างวัน

ผิวเป็นสิวง่าย
ส่วนคนที่มีเป็นสิวง่ายควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตร Non-comedogenic หรือสูตรที่ไม่อุดตันรูขุมขน และอาจเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ที่จะช่วยจัดการกับปัญหาสิวได้
ถึงจะเลือกกันแดดที่เหมาะกับผิวเราได้แล้วแต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการทาเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก เมฆครึ้ม อยู่ในบ้าน หรือนอกบ้านก็ต้องทานะจ๊ะ และก็อย่าลืมทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมงหรือหลังลงน้ำหรือเหงื่อออกมากๆ ด้วยนะ นอกจากนั้นการสวมเสื้อผ้าหรือ Accessories ต่างๆ เช่น หมวก ร่ม เสื้อกันยูวี ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้ครีมกันแดดเลย 

Discussion (15)

การเลือกกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวนี่จำเป็นจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่มาแชร์กันนะคะ