Food Noise ตัวการความอ้วนที่แม้แต่คนดังพันล้านยังยากจะต่อต้าน


ไม่กี่วันมานี้ การแสดงความคิดเห็นของ Oprah Winfrey  เรื่องการค้นพบ'วิสัยของคนผอม' หลังจากที่เธอเลือกใช้ฮอร์โมนคุมความหิว GLP-1 (ยาลดน้ำหนักที่สร้างเสียงกล่าวขวัญข้ามปี เป็นที่รู้จักในชื่อยี่ห้อ Ozempic, Wegovy, Mounjaro และ Zepbound ) ได้ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ร้อนแรง  จุดประเด็นถกเถียงถึง 'Food Noise' สิ่งที่หลายฝ่ายยืนยันว่า นี่คือต้นเหตุของความอ้วนที่ยากจะหลุดพ้นไปได้

เจ้าแม่ talk show ได้บอกเล่าประสบการณ์กับแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ Dr. Ania Jastreboff ทางรายการ Podcast  ของเธอว่า

"หนึ่งในเรื่องราวที่ฉันได้ค้นพบในครั้งแรกที่ใช้ GLP-1 ก็คือ ตลอดเวลาหลายปีที่ฉันเคยเชื่อว่า พวกคนผอมมีพลังความอดทนอดกลั้นมากกว่า พวกเค้ากินอาหารที่ดีกว่าและสามารถจะมุ่งมั่นกับมันได้ยาวนานกว่า พวกเค้าไม่เคยแตะต้องมันฝรั่งทอด"

"ตั้งแต่เริ่มต้นที่ใช้ GLP-1 ฉันก็ได้รู้ว่า พวกคนที่มีรูปร่างผอมไม่ได้ใส่ใจกับมันด้วยซ้ำ"

"พวกเค้ากินตอนที่หิวและเมื่ออิ่มแล้วก็หยุดกิน  แต่ mindset เช่นนั้นมันใช้ไม่ได้ผลสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน"

Oprah ยังได้อธิบายถึงเรื่อง Food Noise สิ่งที่หลายคนยืนยันว่า เป็นวายร้ายที่ฉุดรั้งไม่ให้พวกเค้าก้าวสู่เส้นทางของสุขภาพดี และวนเวียนติดหล่มอยู่กับอาการเสพติดการกินจนไม่เคยประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน



Food Noise คืออะไร?

เมื่อแปลศัพท์ตรงตัว อาจจะทำให้บางคนนึกถึงภาพมายาที่เหล่าอาหารจจานเด็ดส่งเสียงเรียกร้องให้เราจัดการพวกมันลงกระเพาะให้เรียบ แต่อาหารแสนอร่อยที่ส่งเสียงพูดว่า 'มากินฉันเร็วๆเข้า' คงปรากฏอยู่แต่ในฉากละครเท่านั้น

Food Noise สื่อถึงความคิดจากสมองที่ชักจูงให้คนเราหมกมุ่นกับอาหารแม้ว่าร่างหายจะไม่ได้หิวโหย   หลายคนอาจจะพยายามหักห้ามใจตัวเด้วยความตระหนักรู้ชัดเจนว่า อาหารที่พวกเค้าหยุดนึกถึงไม่ได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพและมีปริมาณมากกว่าร่างกายต้องการ แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นตัวเองจากความหมกมุ่นนี้ได้จนกว่าจะกินอาหารเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยง 

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังรับมือกับ  food noise จนเสี่ยงกับภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน?


หากคุณใช้เวลามากมายในชีวิตประจำวันครุ่นคิดถึงอาหารอย่างไม่ปล่อยวาง รู้ตัวอีกทีก็ยื่นมือไปหยิบมันเข้าปากซะแล้ว ซึ่งแตกต่างจาก meal plan ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อควบคุมไม่ให้กินอาหารที่มีพลังงานมากเกินกว่าร่างกายใช้ แต่เป็นความรู้สึกโหยหาต่ออาหารตลอดเวลา แม้จะเป็นตอนที่เพิ่งกินอาหารมื้อหนักจนอิ่มแปล้ หรือแม้แต่ตอนที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ คุณอาจจะจินตนาการถึงของหวาน อาหารว่างคั่นมื้อถัดไป หรือหรือวางแผนว่าควรจะกินอาหารที่กินไม่หมดเหลือเก็บในตู้เย็นเมื่อใด เสียงนั้นจะไม่หายไปจนกว่าจะจัดการอาหารเหล่านั้นจนหมด ทั้งๆที่รู้ว่า หากกินต่อไป จะเสี่ยงต่อน้ำหนักตัวพุ่งสูจนล้ำเกณฑ์สุขภาพดี แต่เสียงที่จะกล่อมให้กินอาหารปริมาณเกินกว่าร่างกายต้องการก็จะหวนกลับมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ ร้ายสุดก็จะเกิดอาการกินไม่หยุดหรือ Binge Eating Disorder

อัตราโรคอ้วนที่พุ่งสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกาจนกลายเป็นปัญหาสังคมทำให้หลายฝ่ายพยายามแก้ไขพฤติกรรมการกินของประชาชน และใช้ทฤษฎีต่างๆมาอธิบายเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งคนจำนวนมากได้แชร์ประสบการณ์ Food Noise ที่เปรียบดังกำแพงสูงที่กั้นขวางเส้นทางแห่งสุขภาพดี ทั้งยังยกกรณีตัวอย่างคนดังทรงอิทธิพลอย่าง Oprah Winfrey ที่แม้ว่าเธอจะร่ำรวยด้วยทรัพย์สินสามพันล้านดอลลาร์ และล้อมรอบไปด้วยมืออาชีพที่จะช่วยให้เธอลดน้ำหนักสำเร็จ แต่หลายปีที่ผ่านมา เธอก็ไม่ประสบความสำเร็จในการรักษา healthy weight ได้อย่างยั่งยืน ยังคงพบความผันผวนจากโยโย่เอฟเฟคท์หลายครั้ง

จนในที่สุด เธอก็ยอมรับว่า ใช้ยารักษาโรคเบาหวฺานที่มีกลไกลคุมความหิวเพื่อลดน้ำหนัก และปฏิกิริยาจากสังคมออนไลน์ก็ไม่ได้มีแต่คำให้กำลังใจอย่างอบอุ่นเท่านั้น แต่ปะปนไปด้วยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางอย่างอื้ออึง

Oprah เป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร WeightWatchers บริษัทที่นำเสนอบริการด้านการลดน้ำหนักและฟิตเนสจากการซื้อหุ่น 10% เมื่อปี 2015 และก้าวสู่สถานะ spokeperson ของแบรนด์ แต่สร้างข้อกังขาต่อประสิทธิภาพของโพรแกรมและสินค้าต่างๆของแบรนด์ โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เปิดตัวโพรแกรม "Beyond the Scale" ที่ทำให้เธอลดน้ำหนักไปได้ถึง 18 กิโลกรัม แต่เธอก็ต้องพบกับโยโย่เอฟเฟคท์ไม่แตกต่างจากช่วงก่อนที่จะมาร่วมกับ WeightWatchers และยังถูกโจมตีว่า เธอสร้างความร่ำรวยจากการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการลดน้ำหนัก


ในปี 2023 Oprah ได้เผยโฉมใหม่ที่น้ำหนักลดลงไปผิดหูผิดตา จนเกิดกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่า เธอเข้าร่วมเทรนด์คนดังที่ผอมเพรียวจากปากกาลดน้ำหนัก Ozempic (ที่มีตัวยา GLP-1) ซึ่งในช่วงแรกๆ เธอได้ให้สัมภาษณ์ในทำนองไม่ยอมรับ และชี้ว่า เธอเริ่มได้ยินเรื่องราวของยาตัวนี้ตอนที่กำลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า จึงเกอดความคิดตั้งใจจะลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เพราะหากเลือกใช้ยาลดน้ำหนัก ก็เหมือนกับการเลือกทางลัดที่ง่ายกว่า"


แต่กลายเป็นว่า WeightWatchers ได้ประกาศเปิดตัวโพรแกรม "WeightWatchers GLP-1” เพื่อให้บริการผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วยตัวยานี้ และภายหลัง Oprah ก็ยอมรับกับ People magazine ว่า เธอใช้ยาชนิดนี้เพื่อลดน้ำหนักจริงๆ แม้ว่าจะไม่ระบุว่าเป็นยี่ห้อใด แต่ชาวเน็ทที่ตามจับผิดเธอมาตั้งแต่ต้นก็รุมโจมตีว่า เธอบ่ายเบี่ยงไม่บอกความจริง แต่กำลังวางแผนสร้างความร่ำรวยด้วยส่วนแบ่งจากบริษัท WeightWatchers ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้บริการใช้ยาเบาฺหวานเพื่อลดน้ำหนัก




ในเดือนมีนาคมที่แล้ว Oprah ประกาศว่า เธอจะถอนตัวจากบอร์ดบริหาร WeightWatchers และบริจาคหุ้นให้กับ National Museum of African American History เพราะเธอไม่ต้องการให้ผู้คนกล่าวหาเธออีกต่อไปว่า ออกมาโพรโมทวิธีลดน้ำหนักพราะมีวัตถุประสงค์สร้างกำไรจากธุรกิจนี้ เธอยังได้แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบผิดๆ เช่น การอดอาหารหลายเดือนต่อกันและบริโภคอาหารเสฺริมแบบเหลวแทนอาหารปกติจนสุดท้ายน้ำหนักก็ดีดกลับมาเพราะไม่สามารถทำวิธีนี้ได้อย่างต่อเนื่อง เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและอับอายที่ทำให้นำเสนอวิธีไดเอทแบบต่างๆผ่านนิตยสารและรายการ TV เธอจึงเป็นส่วนหนึ่งในการมอมเมาผู้คนด้วยวัฒนธรรมการไดเอทแบบสุดโต่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอคิดผิดมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต





Oprah ให้เหตุผลในการใช้ยา GLP-1 ว่า มันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เธอรักษาน้ำหนักที่ healthy ไว้ ไม่ต้องรับมือกับโยโย่เหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา และเธอจะไม่กล้ำกลืนฝืนทนกับการถูกดูหมิ่นและกล่าวโทษเรื่องความอ้วนอีกต่อไป

"ฉันมีความตระหนักถึงยาลดน้ำหนักอยู่แล้ว แต่ฉันรู้สึกว่า จะต้องพิสูจน์ว่าฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกต่อไป"

"ฉันคิดโทษตัวเองเรื่องภาวะน้ำหนักเกินมาตลอดระยะเวลาหลายปี ตอนนี้ฉันมีความเชื่อว่า ถึงจะมีวินัยมากแค่ไหนก็ไม่พอจะควบคุมได้ โรคอ้วนคือโรคร้าย สาเหตุของมันอยู่ที่สมองของคนเรา"


ชาวเน็ทหลายคนที่ประสบปัญหาเดียวกับ Oprah ได้สนับสนุนทางเลือกของเธอ และชี้ว่า สังคมมักพิพากษาคนอ้วนอย่างเหมารวมว่า พวกเค้ามีนิสัยเกียจคร้าน จิตใจไม่หนักแน่น เลือกความสุขชั่วครั้งชั่วคราวจากรสชาติอาหารแทนที่จะคำนึงสุขภาพจนลงเอยด้วยสารพัดโรค และกลายเป็นภาระของคนในครอบครัว แต่กลุ่มคนรูปร่างสมส่วนไม่มีทางสามารถทำความเข้าใจเรื่อง  Food Noise และเมินเฉยที่จะมองถึงปัจจัยซับซ้อนที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเสพติดการกิน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสุขภาพจิต ความเจ็บปวดฝังใจในวัยเยาว์  การขาดทักษะทางสังคม  แม้จะพยายามเปลี่ยนตัวเองด้วยวิธีลดนำ้หนักหลายรูปแบบ แต่ก็ต้องรู้สึกล้มเหลว เพราะฉะนั้น การกล่าวโทษและกดดันคนอ้วนให้รู้สึกผิดจึงไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหา แต่ยิ่งซ้ำเติมให้พวกเค้ารู้สึกไร้ที่พึ่งพาและรู้สึกว่า มีเพียงการกินอาหารเท่านั้นที่จะช่วยปลอบประโลมจิตใจ
แต่การแสดงความเห็นเรื่องกลุ่มคนที่มีรูปร่างผอมของ Oprah  ก็ทำให้ชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งไม่ชอบใจ พวกเค้าฟันธงว่า คนที่รูปร่างดีๆจำนวนมากมายก็อยากจะกินอาหารแคลอรี่สูงหรือพวก junk food แต่จะต้องอดทนอดกลั้นต่อความอร่อยที่ยั่วยุและต้องทุ่มเทกับรักษาสุขภาพกายและจิตให้แข็งแรงโดยไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนัก ซึ่งแม้ว่าในสายตาหลายคน นี่คือยามหัศจรรย์ที่ทำให้รีดไขมันออกไปได้ในระยะเวลาไม่นานโดยไม่ต้องทนทรมานกับความโหยหาอาหาร แต่ก็มาพร้อมกับอาการข้างเคียง ทั้งยังมีกรณีตัวอย่างชี้ชัดว่า เมื่อเลิกใช้ยา ความหมกมุ่นเรื่องการกินก็จะหวนคืนมาจนทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟคท์

กลุ่มคนที่เห็นต่างจาก Oprah ยังฟันธงว่า คนผอมที่มีสุขภาพดีไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างง่ายๆอย่างแค่ 'หิวกิน-อิ่มหยุด' ตามที่เธอบรรยายไว้ พวกเค้าต้องใช้วินัยอย่างสูงเพื่อเลือกสารอาหารที่ดี เดินทางสายกลางไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป และไม่ว่างเว้นไปจากการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแข็งแรง แม้จะไม่ใช่มหาเศรษฐีที่มีตัวช่วยมากมายแบบ Oprah แต่ก็ต้องใช้วินัยอย่างสูงเพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองมีภาวะน้ำหนักเกินที่เสี่ยงต่อสุขภาพ แม้ว่าในชีวิตประจำวัน พวกเค้าจะเอาแต่นึกถึงอาหารอร่อยๆเย้ายวนใจอยู่บ่อยๆ แต่ก็หักห้ามใจกินสิ่งที่ดีกับร่างกายแทนที่จะต้องลำบากรีดไขมันออกในภายหลัง หรือแม้ว่าจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอาหารแคลอรี่สูงเพื่อเติมเต็มความโหยหาบ้าง แต่ก็มีวางแผนใช้ชีวิตแบบ healthy ให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะเป็นการเดินวันละเป็นหมื่นก้าว ดัดแปลงเมนูถูกปากที่ให้พลังงานต่ำและคุณค่าทางทางอาหารสูง หรือแม้แต่การค่อยๆเคี้ยวอาหารเพื่อลิ้มรสครั้งละนานๆ รูปร่างสมส่วนและสุขภาพที่ดีจึงเกี่ยวข้องกับความมุ่งมั่นตั้งใจโดยตรง จึงมีเสียงคัดค้าน Oprah ว่า ไม่ควรเหมารวมเรื่องประสบการณ์คนอื่นผ่านรูปร่างภายนอก เพราะถึงจะเป็นคนที่มีรูปร่างผอมเพรียว ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเค้าจะไม่เคยต้องรับมือกับ Food Noise มาก่อน แต่อาจจะต้องต่อสู้กับจิตใจเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำหนักส่วนเกินเช่นเดียวกัน
คุณเห็นด้วยกับ Oprah หรือไม่ว่า ความอ้วนไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวทางวินัยในตัวเอง และคนผอมไม่ได้หมกมุ่นกับอาหาร เพียงแค่กินเมื่อหิว อิ่มจึงหยุดก็ผอมได้?
และหากคุณประสบกับ Food Noise ลองมาแชร์วิธีการรับมือกับมันให้เราฟังด้วยสิคะ

Discussion (4)

เราว่ามันมีหลายระดับค่ะ ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็อาจจะเป็นเรื่องวินัยหรือพฤติกรรมการกิน-ใช้ชีวิตนั่นแหละ แต่สำหรับบางคนมันไม่ใช่แค่นั้น มันอาจไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นโรค physical แต่อาจเป็นเลเวลอาการทางจิตที่ต้องรักษาทางใดทางนึง
ขอบคุณค่า