ชาวเน็ทขุดต่อ 'เรื่องราวด้านลบของ Ryan Reynolds'
candy176หลายคนเชื่อว่า Ryan Reynolds & Blake Lively กำลังเผชิญกับศึกสองด้าน ต้องเดินหน้าเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายกับ Justin Baldoni ไปพร้อมกับการรับมือกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ดุเดือดเลือดพล่าน แม้ว่าคู่นี้จะรักษาภาพลักษณ์ Hollywood power couple ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆมาหลายปี แต่ตอนนี้ชาวเน็ทจำนวนมากกลับมองคู่นี้ในแง่ลบจนมีการระดมปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงพวกเค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจาก Blake ต้องผจญกับ cancel culture นับตั้งแต่ช่วงโพรโมทหนัง It Ends With Us ล่าสุด สามีของเธอก็ต้องเจอขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตไม่ต่างกัน
เพื่อนนักแสดงจาก Deadpool เผย 'Ryan พูดจาร้ายกาจใส่ระหว่างถ่ายทำหนัง'
แม้ท่าทีของ Ryan และ TJ Miller จะดูมีไมตรีต่อกันต่อหน้าสื่อ แต่นักแสดงตลกหนุ่มผู้รับบทเป็น Weasel เพื่อนของ Deadpool เคยเปิดเผยประสบการณ์ทำงานร่วมกับ Ryan ในรายการ Podcast เมื่อสามปีก่อนว่า พฤติกรรมของ Ryan ทำให้เขากดดันจนไม่อยากกลับไปร่วมงานกันอีก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการถ่ายทำภาค 2 เขาได้อธิบายว่า ความสำเร็จจากหนัง superhero ชื่อดังในภาคแรกทำให้ตัวตนของ Ryan เปลี่ยนไป
"ผมว่า Ryan Reynolds เกลียดผม พวกเราน่าจะเป็นคู่อริในคราบเพื่อน"
"ผมเข้ากับเขาได้ดีกว่านี้ใน Deadpool ภาคแรก เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นดาราหนังผู้ยิ่งใหญ่ไงครับ"
"ตอนถ่ายทำ Deadpool เราก็ต้องพบกับสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วน ตอนที่เขาบอกว่า มาเริ่มแสดงใหม่กันอีกเทค และเริ่มพูดจาน่ากลัวราวกับว่าผมเป็นตัวละคร Weasel บอกว่า นี่แกรู้ตัวรึเปล่าว่าแกมีอะไรดีนักหนา Weasel? แกมันไม่ใช่ตัวเอก แต่แกแค่แสดงถูๆไถๆให้พอดูตลก เสร็จแล้วเราจะได้กลับไปแสดงหนังของจริงกันสักที"
TJ Millerอ้างว่า ทีมงานสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีในครั้งนั้นทำให้เขาไม่อยากกลับมาร่วมแสดงในหนัง Deadpool ภาคต่อ และยังวิจารณ์ Ryan ว่า เป็นผู้ชายที่ขาดความมั่นใจ
"ผมเข้ากับเขาได้ดีกว่านี้ใน Deadpool ภาคแรก เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นดาราหนังผู้ยิ่งใหญ่ไงครับ"
"ตอนถ่ายทำ Deadpool เราก็ต้องพบกับสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วน ตอนที่เขาบอกว่า มาเริ่มแสดงใหม่กันอีกเทค และเริ่มพูดจาน่ากลัวราวกับว่าผมเป็นตัวละคร Weasel บอกว่า นี่แกรู้ตัวรึเปล่าว่าแกมีอะไรดีนักหนา Weasel? แกมันไม่ใช่ตัวเอก แต่แกแค่แสดงถูๆไถๆให้พอดูตลก เสร็จแล้วเราจะได้กลับไปแสดงหนังของจริงกันสักที"
TJ Millerอ้างว่า ทีมงานสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีในครั้งนั้นทำให้เขาไม่อยากกลับมาร่วมแสดงในหนัง Deadpool ภาคต่อ และยังวิจารณ์ Ryan ว่า เป็นผู้ชายที่ขาดความมั่นใจ
ในช่วงที่นักแสดงตลกออกมากล่าวหาพระเอกดังก็ไม่ได้จุดประเด็นร้อนจนชาวเน็ทตามขุดคุ้ยมากนัก แม้จะมีผู้ตั้งข้อสงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง แต่ข่าวนี้ก็ไม่ได้กระทบกับภาพลักษณ์ nice guy เข้าถึงได้ง่ายของ Ryan แต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่า หลังจากที่สื่อตีข่าวเรื่องนี้ Ryan ก็ส่งอีเมลไปปรับความเข้าใจกับอีกฝ่าย แม้ว่าจะเคยพาดพิงกันออกสื่อด้วยความรู้สึกที่ไม่ปลื้ม แต่ TJ Miller ก็เปลี่ยนท่าที ออกมาประกาศว่า พวกเค้าเคลียร์ใจกันแล้ว และหากมีการเรียก cast งานใน Deadpool ภาคต่อ เขาก็ยินดีจะกลับไป เรื่องราวความขัดแย้งก็ยุติลงเพียงเท่านั้น ปฏิกิริยาตอบรับจากชาวเน็ทก็ไม่ได้ไปในทางลบ เพราะ TJ Miller ก็มีข่าวฉาวติดตัวจนสาธารณชนให้ความน่าเชื่อถือกับฝ่าย Ryan มากกว่า และยังมีคนอธิบายแทนว่า Ryan อาจจะอินกับการสวมบทบาท Deadpool ที่ใช้วาจาห้ำหั่นคนรอบข้างตลอดเวลาจึงแรงใส่เพื่อนร่วมงานโดยไม่รู้ตัว
แต่ดราม่า It Ends With Us ทำให้ความคิดของคนกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไป พวกเค้ากล่าวหาว่า Ryan อำพรางนิสัย bully ไว้ภายใต้หน้ากากพระเอกหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน และย้ำเตือนว่า ภาพลักษณ์สวยหรูของคนดังอาจจะเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชักจูงใจให้ผู้คนเชื่อว่าพวกเค้ามีตัวตนน่ารักแสนดี แต่ในชีวิตจริงอาจจะร้ายชวนอึ้ง
แต่ดราม่า It Ends With Us ทำให้ความคิดของคนกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไป พวกเค้ากล่าวหาว่า Ryan อำพรางนิสัย bully ไว้ภายใต้หน้ากากพระเอกหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน และย้ำเตือนว่า ภาพลักษณ์สวยหรูของคนดังอาจจะเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชักจูงใจให้ผู้คนเชื่อว่าพวกเค้ามีตัวตนน่ารักแสนดี แต่ในชีวิตจริงอาจจะร้ายชวนอึ้ง
ผู้กำกับ Deadpool ภาคแรกไม่หวนกลับมาร่วมงานในภาคต่อเพราะ Ryan แทรกแซงการทำงานและยึดอำนาจควบคุมการตัดสินใจ
ความสำเร็จของหนัง Deadpool ภาคแรก จากทุนสร้าง 58 ล้านดอลลาร์ แต่กวาดรายได้ไปถึง 782 ล้านทำให้แฟนๆมั่นใจว่า ต้องมีการสร้าง Deadpool ภาคต่อออกมาทำกำไรแน่นอน และยังคาดการณ์กันว่า Tim Miller จะกลับมารับหน้าที่กำกับหนังภาค 2 ให้โด่งดังไม่แพ้กัน แต่ก็มีเสียงซุบซิบตามมาว่า วิสัยทัศน์ที่สวนทางกันของผู้กำกับและพระเอกทำให้เกิดรอยร้าวลึกจนไม่สามารถฝืนใจร่วมงานกันได้อีกต่อไป Tim Miller ถอนตัวไปตั้งแต่ช่วง pre-production
เมื่อวันเวลาผ่านไป ฝ่ายผู้กำกับจึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ตรงกับข่าวลือว่า สาเหตุที่ต้องโบกมือลาจาก Deadpool เป็นเพราะ Ryan ต้องการสิทธิ์ขาดเพื่อคุมสร้างหนังเรื่องนี้ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะมีสิทธิ์มีเสียงต่อรองได้ มันจึงเป็นเรื่องยากเย็นเกินไปที่จะต้องคอยถกเถียงกันทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจ เมื่อขาดอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานจึงต้องยอมถอย และเตือนตัวเองไม่ให้รับงานที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก
เมื่อวันเวลาผ่านไป ฝ่ายผู้กำกับจึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ตรงกับข่าวลือว่า สาเหตุที่ต้องโบกมือลาจาก Deadpool เป็นเพราะ Ryan ต้องการสิทธิ์ขาดเพื่อคุมสร้างหนังเรื่องนี้ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะมีสิทธิ์มีเสียงต่อรองได้ มันจึงเป็นเรื่องยากเย็นเกินไปที่จะต้องคอยถกเถียงกันทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจ เมื่อขาดอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานจึงต้องยอมถอย และเตือนตัวเองไม่ให้รับงานที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก
หลายคนมองว่า นี่คือแพทเทิร์นความขัดแย้งกับผู้กำกับที่คล้ายกับดราม่า It Ends With Us
เรื่องราวของนักแสดงนำที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างหนังแบบเต็มรูปแบบไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย นักแสดงดังบางคนก่อตั้งบริษัทผลิตหนังและพัฒนา project ให้เป็นไปตามในรูปแบบที่พวกเค้าต้องการ และยังก้าวมาร่วมเขียนบทและโพรดิวซ์จนประสบความสำเร็จด้านรายได้ หรืออาจไปไกลถึงรางวัล Oscar แต่จากรายงานว่า Ryan ต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จในการสร้าง Deadpool ภาค 2 จนผู้กำกับคนเก่าไม่สามารถเลือกนักแสดงหรือทีมงานที่เขาหมายตาไว้ได้ก็ถูกจับมาเชื่อมโยงกับดราม่าการเปิดศึกกับ Justin Baldoni ชาวเน็ทตั้งข้อสันนิษฐานว่า การเข้ามาแทรกแซงการทำงานถ่ายหนังของภรรยาอาจจะเป็นสาเหตุที่ปัญหาความขัดแย้งกับผู้กำกับยิ่งแย่ลงไปอีก ทั้งๆที่ Ryan ไม่ได้มีรายชื่อเป็นโพรดิวเซอร์หรือได้รับอำนาจในการตัดสินใจเหมือนตอนที่เขานำแสดงหนัง Deadpool แต่ Blake กลับเปิดเผยว่า สามีของเธอเป็นผู้ปรับเปลี่ยนบทในฉากสำคัญของหนัง ซึ่งผู้กำกับและนักเขียนบทต้นฉบับเดิมไม่ได้รับรู้เรื่องนี้มาก่อน
หลังจาก Justin บอกเล่าเรื่องราวในการยื่นฟ้องร้องว่า Blake และสามีสร้างแรงกดดันให้เขาและสตูดิโอยินยอมสร้างหนังในรูปแบบที่เธอต้องการ รวมถึงเรื่องที่เธอไล่ editors และ composer ในทีมของเขาออก แล้วดึงตัวทีมใหม่ที่ทำงานให้กับ Ryan มาแทน ทำให้เกิดข้อครหาว่า นี่เป็นการใช้อำนาจบีบคั้นผู้ร่วมงานดังที่เคยเกิดขึ้นในหนัง Deadpool ภาค 2 มาแล้ว
กลายเป็นว่า ความพยายามของ Ryan ในการช่วยภรรยาสร้างกระแสผลงาน It Ends With Us ด้วยการปล่อยวีดีโอสัมภาษณ์ Brandon Sklenar (หนึ่งในนักแสดงนำ It Ends With Us ที่รับบทเป็นอดีตคนรักของ Blake) ทำให้ชาวเน็ทหลายคนมองบน แม้มุกตลกแพรวพราวจะเป็นเสน่ห์ประจำตัว Ryan แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องผิดจังหวะเพราะ Blake กำลังถูก social media เล่นงานอย่างหนักจากการให้สัมภาษณ์โพรโมทหนังที่ขัดใจผู้คน ชาวเน็ทหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า ภาพของ Ryan ที่หยอกล้อเพื่อนนักแสดงของภรรยาอย่างสนุกสนานทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนพิกล เพราะนี่คือหนังที่ชูประเด็นความรุนแรงในครอบครัวที่เป็นปัญหาสังคมที่น่าวิตก แต่ทั้ง Blake และ Ryan นำเสนอผลงานนี้ราวกับเป็นหนังรักเบาสมอง นับเป็นการวางแผน PR ที่ผิดพลาดจนส่งผลเสียต่ภาพลักษณ์ของพวกเค้า หลายคนเข้าตั้งคำถามว่า เหตุใด Ryan ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมนักแสดง It Ends Withs Us จึงต้องพาแม่ของเขาและเพื่อนซี้ Hugh Jackman มาร่วมสัมภาษณ์เรียกเสียงฮาเพื่อโพรโมทหนังเรื่องนี้? ถึงขนาดมีคนตั้งทฤษฎีว่า Ryan แทรกแซงผลงานที่ภรรยานำแสดงเพราะเขาถือสิทธิ์ที่มีอำนาจควบคุมเธอ
ขุดไปไกลถึงการแต่งงานครั้งแรกกับ Scarlett Johansson
เชื่อว่าหลายคนลืมเลือนกันไปแล้วว่า Ryan และ Scarlett เคยใช้ชีวิตคู่เป็นสามีภรรยากันเป็นระยะเวลาราวๆ 3 ปี เนื่องจากพวกเค้าเลือกจะเก็บเรื่องความสัมพันธ์ให้เงียบเชียบที่สุด แต่เมื่อ Ryan ต้องผจญกับกระแสโจมตีในโลกออนไลน์ จู่ๆก็มีคนรำลึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต มีทั้งคนที่ยกภรรยาเก่ามาข่มคนปัจจุบัน และคนที่ไถ่ถามถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเค้าหย่าร้างกัน
ข่าวลือในวันวาน'เตียงหักเพราะกดดันที่อดีตภรรยาประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงมากกว่า'
ในขณะนั้น Scarlett ที่เพิ่งจะอยู่ในช่วงวัยยี่สิบเศษๆกำลังดึงดูดความสนใจจากสถานะนางเอกดาวรุ่งพุ่งแรง ความสวยเซ็กซี่ของเธอถือเป็นตัว top ของวงการ ส่วนฝีมือการแสดงก็มีรางวัลใหญ่การันตีว่าอนาคตไกลแน่ๆ ส่วน Ryan ที่อายุขึ้นเลข 3 แล้วยังไม่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่จดจำมากนัก แม้ผู้คนจะรู้จักเขาจากภาพลักษณ์พระเอกหนุ่ม hot ที่ค่อยๆไต่ระดับความโด่งดังจากหนัง rom-com แต่ก็ถูกเปรียบเทียบกับภรรยาที่เข้าทำเนียบดารา A List ตั้งแต่ยังอายุน้อย
เมื่อพวกเค้าตัดสินใจแยกทางกันโดยที่ไม่ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เลือกการหย่าร้าง แทบลอยด์ก็เล่นข่าวว่าชีวิตแต่งงานของคู่นี้ต้องพบกับทางตันเพราะเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับ Ryan ที่ต้องทำใจยอมรับว่า ภรรยาที่มีอายุน้อยกว่า 8 ปีประสบความสำเร็จแซงหน้าเขาอย่างชัดเจน
หลายปีต่อมา Scarlett ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cosmopolitan ว่า
"การมีความสัมพันธ์กับนักแสดงด้วยกันเป็นเรื่องที่ท้าทาย จำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า จะจัดสรรแบ่งปันเวลาให้กันอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อการงานของทั้งสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน หรือถ้าหากฝ่ายหนึ่งประสบความสำเร็จมากกว่าอีกคน มันก็เป็นเรื่องลำบากเช่นกัน เพราะอาจจะหันมาแข่งขันประชันกันซะเอง"
แม้ Scarlett จะไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่หลายฝ่ายฟันธงว่า เธอกำลังบอกใบ้ถึงสาเหตุที่ทำให้เลิกรากับ Ryan มีการคาดคะเนเรื่องราวว่า การงานที่รุ่งโรจน์ของเธอทำให้เขาเสียความมั่นใจจนไม่สามารถสนับสนุนอยู่เคียงข้างกันได้ แทนที่จะร่วมยินดีที่ความมุ่งมั่นทุ่มเทของภรรยาประสบผล แต่เขาอาจจะบีบคั้นเธอจนในที่สุดก็ต้องลงเอยด้วยการเซ็นใบหย่า
เมื่อพวกเค้าตัดสินใจแยกทางกันโดยที่ไม่ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เลือกการหย่าร้าง แทบลอยด์ก็เล่นข่าวว่าชีวิตแต่งงานของคู่นี้ต้องพบกับทางตันเพราะเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับ Ryan ที่ต้องทำใจยอมรับว่า ภรรยาที่มีอายุน้อยกว่า 8 ปีประสบความสำเร็จแซงหน้าเขาอย่างชัดเจน
หลายปีต่อมา Scarlett ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cosmopolitan ว่า
"การมีความสัมพันธ์กับนักแสดงด้วยกันเป็นเรื่องที่ท้าทาย จำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า จะจัดสรรแบ่งปันเวลาให้กันอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อการงานของทั้งสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน หรือถ้าหากฝ่ายหนึ่งประสบความสำเร็จมากกว่าอีกคน มันก็เป็นเรื่องลำบากเช่นกัน เพราะอาจจะหันมาแข่งขันประชันกันซะเอง"
แม้ Scarlett จะไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่หลายฝ่ายฟันธงว่า เธอกำลังบอกใบ้ถึงสาเหตุที่ทำให้เลิกรากับ Ryan มีการคาดคะเนเรื่องราวว่า การงานที่รุ่งโรจน์ของเธอทำให้เขาเสียความมั่นใจจนไม่สามารถสนับสนุนอยู่เคียงข้างกันได้ แทนที่จะร่วมยินดีที่ความมุ่งมั่นทุ่มเทของภรรยาประสบผล แต่เขาอาจจะบีบคั้นเธอจนในที่สุดก็ต้องลงเอยด้วยการเซ็นใบหย่า
การเลือกสถานที่จัดงานวิวาห์มัวหมองจากประวัติศาสตร์การกดขี่และเข่นฆ่าแรงงานทาส
แม้จะผ่านการใช้ชีวิตคู่มาถึง 12 ปี แต่ผู้คนก็ยังไม่ลืมว่า Ryan และ Blake ตัดสินใจเลือกจัดพิธีวิวาห์ที่ Boone Hall Plantation แมนชั่นที่ล้อมรอบไปด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงามทางใต้ ในขณะนั้นสื่อต่างประโคมข่าวอวยดีเทลที่เลิศเลอของงานแต่งงานชวนฝัน จนกระทั่งมีผู้เปิดประเด็นว่า สถานที่แห่งนั้นเคยเป็นฟาร์มเกษตรที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำอย่างทารุณ ตั้งอยู่ใกล้กับเคบินเก่าแก่ที่ถูกเรียกว่า "ถนนทาส" ชาวเน็ทกล่าวหาว่า พวกเค้าขาดสามัญสำนึกต่อประวัติศาสตร์อันโหดร้ายที่ส่งต่อความเจ็บปวดมาหลายชั่วคน ทำให้พิธีสาบานรักที่จะตราตรึงในความทรงจำต้องมีมลทินเพราะถูกผูกติดกับคำว่าไร่ทาส
คู่รักคนดังตอบรับเสียงวิจารณ์ด้วยการวางตัวนิ่งเงียบ จนกระทั่ง 8 ปีผ่านไป Ryan จึงประกาศแสดงความเสียใจ และอธิบายว่า เลือกจัดพิธีแต่งงานที่นั่นเพราะดูตัวอย่างตาม Pinterest แต่ก็มารู้ภายหลังว่า มันคือสถานที่ที่สร้างขึ้นบนโศกนาฏกรรมอันนำมาซึ่งความสูญเสีย พวกเค้าจึงตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานอีกครั้งที่บ้านตัวเอง และยอมรับว่า มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่
คู่รักคนดังตอบรับเสียงวิจารณ์ด้วยการวางตัวนิ่งเงียบ จนกระทั่ง 8 ปีผ่านไป Ryan จึงประกาศแสดงความเสียใจ และอธิบายว่า เลือกจัดพิธีแต่งงานที่นั่นเพราะดูตัวอย่างตาม Pinterest แต่ก็มารู้ภายหลังว่า มันคือสถานที่ที่สร้างขึ้นบนโศกนาฏกรรมอันนำมาซึ่งความสูญเสีย พวกเค้าจึงตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานอีกครั้งที่บ้านตัวเอง และยอมรับว่า มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่
Discussion (6)