ดราม่า 'น้ำตา Selena Gomez' สะเทือนใจ Trump สั่งกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายครั้งใหญ่

วีดีโอซุปตาร์สาวร่ำไห้ด้วยความสะเทือนใจต่อปฏิบัติการจับกุมและเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) กลายเป็นไวรัลที่ชาวเน็ทจำนวนมากร่วมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด 

 Selena ร่ำไห้ห่วงใยเด็กๆ


"ฉันอยากจะบอกว่าฉันเสียใจ พวกพ้องของฉันกำลังตกเป็นเป้าโจมตี พวกเด็กๆด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันอยากจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้างแต่ก็ไร้ความสามารถ  ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ฉันขอสัญญาว่าจะลองทำทุกอย่าง"


Selena ประทับประโยค 'ฉันเสียใจ' ตามท้ายด้วยอีโมจิธงประเทศเม็กซิโกบนคลิปนี้ เผยถึงความเศร้าสลดใจในเรื่องสวัสดิภาพของผู้อพยพเชื้อชาติเดียวกัน (Selena มีเชื้อสายเม็กซิกัน)

จากการรายงานข้อมูลตัวเลขของผู้เยาว์สัญชาติเมริกันที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีราวๆ 4.4 ล้านคนอาศัยอยู่กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นคนเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย สร้างความวิตกกังวลว่า ปฏิบัติการกวาดล้างคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่เริ่มดำเนินเพียงไม่กี่วันหลังจาก Trump สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีจะทำให้ผู้อพยพจำนวนมากมายต้องถูกพรากจากครอบครัว แม้ว่านี่จะเป็นนโยบายที่สืบเนื่องมาเนิ่นนาน ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นที่สมัยการบริหารของ Trump แต่ท่าทีที่แข็งกร้าวของรัฐบาลก็ทำให้ผู้คนในสังคมแบ่งแยกความเห็นเป็นฝักฝ่าย ทั้งกลุ่มคนที่เห็นดีเห็นงามว่า นโยบายนี้จะยกระดับความปลอดภัยให้กับประชาชนอเมริกันและช่วยแก้ไขปัญหาเรื้อรังในสังคม และกลุ่มคนที่ต่อต้าน เพราะเชื่อว่า การเนรเทศคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายออกจากอเมริกาจำนวนมากเกินกว่าเหตุ (มีคำเตือนว่า แม้แต่ผู้ที่ไร้ประวัติทางอาชญากรรรมก็อาจจะตกเป็นเป้าหมายด้วย) ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ขัดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเจ็บปวดให้คนจำนวนมากมายหลายล้าน โดยเฉพาะเด็กๆที่จะขาดที่พึ่งพิง



'ซาร์ชายแดน' ของสหรัฐฯ  ออกโรงตอบโต้


Tom Homan อดีตผู้อำนวยการรักษาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ผู้ได้รับแต่งตั้งความรับผิดชอบดูแลพรมแดนของประเทศในรัฐบาล Trump (หรือเรียกว่า ชาร์ชายแดน) ได้แสดงความเห็นต่อคลิปไวรัลระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่า

"หากพวกเค้าไม่ปลื้ม ก็ลองไปที่รัฐสภาและแก้ไขกฎหมายดู เราจะดำเนินปฏิบัติการนี้โดยไม่ขอโทษใดๆ เราจะทำให้ชุมชนของพวกเราปลอดภัยกว่าเดิม มันจะก่อประโยชน์ให้กับประเทศนี้ และเราจะทำต่อไป ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เราจะก้าวไปข้างหน้า"

ซาร์ชายแดนสหรัฐฯปฏิเสธว่า ผู้เยาว์ไม่ใช่เป้าหมายของปฏิบัติการนี้ แต่พวกเค้ามุ่งจับกุมและเนรเทศผู้หลบหนีเข้าเมืองที่มีประวัติอาชญากรรม

"ผมไม่คิดว่าเราบุกไปจับกุมครอบครัวใดเลย เราจับพวกที่คุกคามความปลอดภัยสาธารณะและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"
"ประธานาธิบดี Trump เอาชนะการเลือกตั้งได้ด้วยเหตุนี้ เพื่อการปกป้องพรมแดนของเราและช่วยเหลือชีวิตผู้คน สถานการณ์พรมแดนทางใต้ในระยะเวลาสี่ปีมานี้คือสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงร้ายแรงที่สุดเท่าที่คนในประเทศได้ประสบพบเห็น อย่างน้อยในชีวิตของผมก็ไม่เคยเจอเรื่่องแบบนี้มาก่อน"

Homan ยังทวงถาม Selena ว่า

"มีเด็กๆจำนวนถึงครึ่งล้านตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เพื่อค้าประเวณี พวกเค้าถูกพรากจากครอบครัวแล้วพวกขบวนการค้ามนุษย์ก็ลักลอบพาตัวเข้ามาในประเทศ ยังหาตัวไม่พบถึงสามแสนคน น้ำตาสำหรับเด็กเหล่านี้ไปไหนซะล่ะ?"


ฝ่ายสนับสนุน Selena มั่นใจ message ที่เธอส่งออกมาให้โลกรู้รับมาจากเจตนาดี 

แร็พเพอร์ Flavor Flav ยกย่อง Selena ว่า เธอมีความกล้าหาญที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจ แต่มีคนมากมายที่ด่วนโจมตีเธอ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สนับสนุนซุปตาร์สาวในการใช้ platform ผู้ติดตามหลายร้อยล้านสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเสียหายจากนโยบายจับกุมและเนรเทศผู้อพยพอย่างเข้มงวดเด็ดขาด

แฟนๆของเธอชี้ว่า Selena เป็นชาวอเมริกันที่สืบทอดเชื้อสายจากผู้อพยพชาวเม็กซิกัน เธอจึงเข้าใจถึงอุปสรรคปัญหาจากประสบการณ์ชีวิตโดยตรง และที่ผ่านมา เธอก็เคยอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้อพยพในอเมริกาผ่านงานการกุศล ย้อนไปเมื่อปี 2019 เธอยังร่วมสร้างสรรค์สารคดี 'Living Undocumented' เกาะติดชีวิตครอบครัวของคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หลายครอบครัวต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจากการพรากจาก เพราะผู้เป็นที่รักถูกควบคุมตัวเพื่อรอการเนรเทศ ซึ่งสื่อถึงเจตนาดีของเธอที่ปรารถนาจะให้สังคมยอมรับและทำความเข้าใจผู้อพยพมากขึ้น


ทีม Selena ยังชี้ว่า ไม่ใช่ว่าน้ำตาของเธอจะไร้ความหมาย แต่มี impact ให้ผู้คนหันมาศึกษาเรื่องผู้อพยพได้จริงๆ พิสูจน์ได้จากสถิติการค้นหาเรื่องสิทธิผู้อพยพที่พุ่งสูงในรอบหลายปี ในขณะที่ชาวเน็ทรุม troll ศิลปินสาวด้วยความสะใจ แต่ความเป็นจริงก็คือ แรงงานผู้อพยพมีบทบาทสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ประเทศเติบโต และหลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้วว่า หากกวาดล้างผู้อพยพจากประเทศไปมากมายตามเป้าหมายของรัฐบาล สิ่งที่ตามมาคือคือปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหลายภาคส่วนธุรกิจและอุตสาหกรรม สร้างความเสียหายจนคนอเมริกันใช้ชีวิตลำบากยิ่งขึ้น 

ฝ่ายแอนตี้รุมกระหน่ำโจมตีจนเป็นไวรัล

หลายคนมองว่า กลุ่มคนที่ไม่พอใจการแสดงออกของ Selena ย่อมเป็นผู้ถืออุดมการณ์ทางการเมืองฝ่ายตรงข้าม คือ กลุ่ม MAGA ที่เห็นดีเห็นงามเต็มที่กับนโยบายกวาดล้างคนหลบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย พวกเค้าชี้ว่า นี่คือนโยบายสืบเนื่องมาหลายสมัยการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศจากพรรค Republican หรือ Democrat จะแตกต่างกันเพียงแต่วิธีการปฎิบัติ ครอบครัวผู้อพยพที่ถูกพรากจากกันเพราะการเนรเทศนั้นมีมาก่อนที่ Trump จะเข้ามาบริหารประเทศซะอีก (ในสมัยของ Obama มีการเนรเทศผู้อพยพมากกว่าประธานาธิบดีคนที่ผ่านมาจนเขาได้รับฉายาว่า ผู้บัญชาการเนรเทศ) นี่คือผลแห่งการกระทำที่พวกลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายจะต้องทำใจยอมรับ ชาวอเมริกันไม่มีปัญหากับผู้ที่อพยพเข้ามาโดยมีกฎหมายรองรับ แต่หมดความอดทนกับพวกที่ลักลอบเข้ามาและสร้างภัยคุกคามส่วนรวม

ชาวเน็ทหลายคนทักท้วงศิลปินสาวชื่อดังว่า เธอไม่เห็นความสำคัญปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่ต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อจับกุมเหล่าทรชนน่าหวาดผวา ไม่ว่าจะเป็นแกงค์นักเลง นักค้ายา พวกค้ามนุษย์ คนร้ายข่มขืน พวกใคร่เด็ก แทนที่จะร้องห่มร้องไห้ทาง Instagram เธอควรจะรู้สึกขอบคุณที่พวกเค้ามุ่งมั่นคืนความปลอดภัยให้กับประชาชน ปฏิบัติการไม่กี่วันก็จับกุมอาชญากรทางเพศไปได้นับร้อย บ้างก็เรียกร้องให้เธอเห็นใจและเสียน้ำตาให้กับเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้บ้าง



ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเน็ทยังหยิบยกเรื่องความร่ำรวยของ Selena มาแดกดันเธอว่า เธอเป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในโลกแห่งอภิสิทธิ์ชนจนไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาที่ประชาชนทั่วไปต้องแบกรับ ในขณะที่เธอสามารถไปไหนมาไหนอย่างสะดวกใจเพราะมีการ์ดคอยดูแลทุกย่างก้าว แต่คนที่อาศัยและเดินทางในชุมชนของกลุ่มผู้อพยพต้องระแวงกับความปลอดภัยที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และแม้จะระแวดระวังมากแค่ไหน ก็เสี่ยงต่อการถูกปล้นจี้หรือทำร้ายร่างกาย

นอกจากคอมเมนท์วิพากษ์วิจารณ์ Selena อย่างเจ็บแสบและ meme ล้อเลียนที่ผุดขึ้นมามากมาย ยังมีกลุ่มคนที่เสนอแนะว่า วีดีโอคนดังร้องไห้ย่อมสร้างปฏิกิริยาแง่ลบในโลกออนไลน์อย่างไม่น่าสงสัย แต่เธอสามารถใช้สถานะคนดังทรงอิทธิพลเพื่อช่วยเหลือผู้อพยพได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ การทำงานอาสาสมัคร การบริจาคเงิน และการส่งต่อข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง


ถึงตอนนี้ นอกจากการตอบโต้ประแสต่อต้านของชาวเน็ทแบบเบาๆ Selena ก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้อพยพผิดกฎหมายเพิ่มเติม แต่เมื่อปี 2019 เธอได้กล่าวถึงประเด็นนี้ผ่านบทความว่า

"ฉันไม่ได้อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ฉันไม่ใช่นักการเมือง ฉันไม่ใช่แพทย์ ฉันไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องในระบบแต่อย่างใด ฉันเข้าใจดีเรื่องข้อบกพร่องในระบบการจัดการและเราจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ แต่เราก็ควรจะจดจำกันไว้ว่า ประเทศของเราถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาจากผู้คนในประเทศอื่นที่เดินทางเข้ามายังที่แห่งนี้"


Discussion (6)

ส่วนตัวถ้าชีออกมาอัพวีดีโอพูดความไม่เห็นด้วยธรรมดา เพราะอะไรยังไง ไม่มาร้องห่มร้องไห้ น่าจะดราม่าน้อยกว่านี้นะคะ ชาวเน็ทยุคนี้ค่อนข้างแอนตี้การออกมาไลฟ์หรืออัพคลิปร้องไห้โชว์อะเพราะเขาดูว่ามันปลอม แต่ก็วงการบันเทิงอะนะ ไม่ดราม่าก็ไม่ดัง
น่าเป็นห่วงจริงค่า
ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ