ชาวเน็ทเรียกร้อง หยุดคอมเมนท์เรื่องรูปลักษณ์และสุขภาพของคนอื่นด้วยการอ้างว่าห่วงใย
candy114ข่าวแสนเศร้าเรื่องการเสียชีวิตของ Michelle Trachtenberg ได้จุดประกาย conversation เรื่องการสร้างความเห็นอกเห็นใจคนอื่นด้วยการงดวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนดังที่ใช้ชีวิตท่ามกลางสายตาที่จับจ้องจากสาธารณชน แม้หลายคนจะยกเหตุผลว่า เป็นการแสดงความเห็นและไถ่ถามเพราะความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยและสวัสดิภาพ แต่มันอาจจะรบกวนจิตใจคนที่ต้องรับมือกับความอยากรู้อยากเห็นของคนนอก หากพวกเค้าเหล่านั้นกำลังเผชิญกับเรื่องหนักหนาสาหัสอยู่จริงๆ คอมเมนท์ที่อ้างว่ามาจากเจตนาที่ดีอาจจะเป็นการซ้ำเติมกันจนท้อถอย
โศกนาฏกรรมของ Michelle Trachtenberg ที่ซ้ำรอย Chadwidk Boseman
ความโหดร้ายของ body-shaming ที่เกิดขึ้นกับ Chadwick Boseman ก่อนที่เขาจะสิ้นลมหายใจไปจากโลกนี้ทิ้งบทเรียนสำคัญกับผู้คนให้ระลึกว่า ลองใคร่ครวญสักนิดก่อนจะพิมพ์ข้อความแง่ลบเกี่ยวกับคนอื่น พวกเค้าเหล่านั้นอาจจะเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงเงินทองจากความนิยมของมวลชน จึงจำเป็นต้องนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดูดีแทบตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวอยู่ต่อหน้ากล้องหรือใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง คนดังก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจไม่ต่างกับทุกคนบนโลก ไม่ควรบีบคั้นให้คนดังอธิบายเรื่องสภาพร่างกายเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของคนนอก
ย่ำแย่กว่านั้น พวก trolls ต่างหยิบยกเรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของ Chadwick มาเหยียบย่ำอย่างสนุกสนาน หนึ่งในเรื่องร้ายกาจที่สุดคือ meme ล้อเลียนว่าเขาเปลี่ยนสภาพจาก Black Panther ไปเป็น Crack Panther จนมีคนแชร์ออกไปมากมาย (crack คือสารที่ทำให้เสพติดได้ง่าย มีส่วนผสมเป็นผงโคเคน น้ำ และเบ็กกิ้งโซดา) แต่เมื่อมีการเปิดเผยข่าวอันน่าตกตะลึงว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้พรากชีวิตของ Chadwick ไป ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามต่อสู้กับโรคร้ายอย่างเข้มแข็ง กลุ่มคนที่เคย bully พระเอกผู้วายชนม์กลับโพสต์ไว้อาลัยและสรรเสริญความดีงามของเขา บางคนยอมรับถึงความละอายแก่ใจ แต่บางคนก็อาจนิ่งเฉยราวกับลืมวีรกรรมของตัวเองไปแล้ว ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่า ถึงจะติดแฮชแทก Wakanda Forever อีกสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถลบล้างพฤติกรรม cyberbullying ไปได้
ย่ำแย่กว่านั้น พวก trolls ต่างหยิบยกเรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของ Chadwick มาเหยียบย่ำอย่างสนุกสนาน หนึ่งในเรื่องร้ายกาจที่สุดคือ meme ล้อเลียนว่าเขาเปลี่ยนสภาพจาก Black Panther ไปเป็น Crack Panther จนมีคนแชร์ออกไปมากมาย (crack คือสารที่ทำให้เสพติดได้ง่าย มีส่วนผสมเป็นผงโคเคน น้ำ และเบ็กกิ้งโซดา) แต่เมื่อมีการเปิดเผยข่าวอันน่าตกตะลึงว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้พรากชีวิตของ Chadwick ไป ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามต่อสู้กับโรคร้ายอย่างเข้มแข็ง กลุ่มคนที่เคย bully พระเอกผู้วายชนม์กลับโพสต์ไว้อาลัยและสรรเสริญความดีงามของเขา บางคนยอมรับถึงความละอายแก่ใจ แต่บางคนก็อาจนิ่งเฉยราวกับลืมวีรกรรมของตัวเองไปแล้ว ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่า ถึงจะติดแฮชแทก Wakanda Forever อีกสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถลบล้างพฤติกรรม cyberbullying ไปได้
ห่วงใยหรือซ้ำเติม?
หากจินตนาการว่า หากรูปลักษณ์ภายนอกของเราเกิดความเปลี่ยนแปลงจนสะดุดตาคนอื่น แล้วมีคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่เข้ามารัวคำถามและชี้แนะแนวทางปฏิบัติ เแทนที่จะทำให้รู้สึกซาบซึ้ง แต่อาจจะบั่นทอนกำลังใจจนไม่อยากจะต่อบทสนทนา โดยเฉพาะคอมเมนท์ที่มาพร้อมกับโทนเสียงคล้ายกับจะติเตียนว่า เราไม่รักชีวิตตัวเอง
"คุณดูแย่มาก มีอะไรผิดปกติทางร่างกายรึเปล่า?"
"ความเปลี่ยนแปลงของคุณทำให้นึกถึงคนที่ป่วยเป็นโรคพฤติกรรมการกินผิดปกติ ไปพบจิตแพทย์บ้างมั้ย?"
"คนใกล้ชิดไม่พยายามหว่านล้อมให้เค้าไปรักษาบ้างรึไง"
"ฉันกังวลว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ถึงเวลาที่คุณต้องไปตรวจโรคได้แล้ว"
"คุณดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ขอร้องล่ะ ช่วยดูแลตัวเองบ้าง"
"กินให้มากขึ้นหน่อย คุณผอมน่ากลัวไปแล้ว รับฟังกันบ้างเถอะ"
"มันน่าเศร้ามากที่คุณปล่อยให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ คุณเคยดูดีมากแท้ๆ คุณจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือนะ"
เส้นแบ่งของความเป็นห่วงกับการพิพากษาชีวิตของคนอื่นอาจจะดูก้ำกึ่ง แต่มันอาจจะดีกว่า ถ้าเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ แล้วเลือกใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลส่งพลังงานด้านบวกแทนการพูดเสียดแทงใจกัน เพราะไม่ว่าคนที่คุณวิจารณ์กำลังรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บจริงๆ หรือว่ากำลังประสบปัญหาอย่างอื่น ก็คงไม่ต้องการได้ยินคำพูดตอกย้ำให้รู้สึกตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำ อาจจะมีกรณีของคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยหรือเผชิญมรสุมชีวิต แต่อาจจะมีปัจจัยบางประการที่ทำให้น้ำหนักลดลงหรือดูเหนื่อยล้า เมื่อถูกตั้งข้อสงสัยถึงปัญหาสุขภาพร่างกายและจิตใจบ่อยครั้งเข้า พวกเค้าก็อาจจะเกิดความกดดันจนอยากจะหลบลี้หนีหน้าไปจากสายตาผู้คน
"คุณดูแย่มาก มีอะไรผิดปกติทางร่างกายรึเปล่า?"
"ความเปลี่ยนแปลงของคุณทำให้นึกถึงคนที่ป่วยเป็นโรคพฤติกรรมการกินผิดปกติ ไปพบจิตแพทย์บ้างมั้ย?"
"คนใกล้ชิดไม่พยายามหว่านล้อมให้เค้าไปรักษาบ้างรึไง"
"ฉันกังวลว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ถึงเวลาที่คุณต้องไปตรวจโรคได้แล้ว"
"คุณดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ขอร้องล่ะ ช่วยดูแลตัวเองบ้าง"
"กินให้มากขึ้นหน่อย คุณผอมน่ากลัวไปแล้ว รับฟังกันบ้างเถอะ"
"มันน่าเศร้ามากที่คุณปล่อยให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ คุณเคยดูดีมากแท้ๆ คุณจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือนะ"
เส้นแบ่งของความเป็นห่วงกับการพิพากษาชีวิตของคนอื่นอาจจะดูก้ำกึ่ง แต่มันอาจจะดีกว่า ถ้าเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ แล้วเลือกใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลส่งพลังงานด้านบวกแทนการพูดเสียดแทงใจกัน เพราะไม่ว่าคนที่คุณวิจารณ์กำลังรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บจริงๆ หรือว่ากำลังประสบปัญหาอย่างอื่น ก็คงไม่ต้องการได้ยินคำพูดตอกย้ำให้รู้สึกตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำ อาจจะมีกรณีของคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยหรือเผชิญมรสุมชีวิต แต่อาจจะมีปัจจัยบางประการที่ทำให้น้ำหนักลดลงหรือดูเหนื่อยล้า เมื่อถูกตั้งข้อสงสัยถึงปัญหาสุขภาพร่างกายและจิตใจบ่อยครั้งเข้า พวกเค้าก็อาจจะเกิดความกดดันจนอยากจะหลบลี้หนีหน้าไปจากสายตาผู้คน
แม้ว่าจะมีคนยกประสบการณ์น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับ Chadwick มาเป็นบทเรียนสอนใจ แต่เหตุการณ์คล้ายกันก็เวียนมาเกิดขึ้นกับนางเอกสาวแห่ง Gossip Girl เธอได้ส่งข้อความโต้ตอบผู้คนที่วิจารณ์สภาพร่างกายของเธอ ซึ่งเป็นการแสดงออกชัดเจนว่า คอมเมนท์เหล่านี้รบกวนจิตใจเธอมากแค่ไหน แต่ก็ชาวเน็ทก็ยังคอยวิพากษ์วิจารณ์รูปโฉมของเธอที่ดูแตกต่างไปจากช่วง peak ในอาชีพนักแสดง และคาดเดาถึงสาเหตุไปต่างๆนานา ไม่ต่างจาก Chadwick เธอต้องรับมือกับข้อกล่าวหาเรื่องติดสุรายาเสพติด บ้างก็มีคำเย้ยหยันว่า เป็นเพราะศัลยกรรมผิดพลาด
เมื่อเธอเสียชีวิตลงไปอย่างเดียวดาย และยังมีข้อบ่งชี้ว่า เธอมีปัญหาทางสุขภาพที่รุนแรงจนต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับเมื่อปีที่แล้ว แฟนๆจึงออกโรงชี้ถึงโทษของการแสดงความเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของคนอื่นอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจ คำพูดที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอาจจะบั่นทอนจิตใจคนฟังจนทำให้พวกเค้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกว่าเดิม
เมื่อเธอเสียชีวิตลงไปอย่างเดียวดาย และยังมีข้อบ่งชี้ว่า เธอมีปัญหาทางสุขภาพที่รุนแรงจนต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับเมื่อปีที่แล้ว แฟนๆจึงออกโรงชี้ถึงโทษของการแสดงความเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของคนอื่นอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจ คำพูดที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอาจจะบั่นทอนจิตใจคนฟังจนทำให้พวกเค้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกว่าเดิม
หลายคนรณรงค์ให้ผู้คนหันมาเคารพความเป็นส่วนตัวและสิทธิในการเลือกวิถีชีวิตของคนดัง
ยังมีคนที่มองต่างว่า เหล่าคนดังควรจะชี้แจงแถลงไขเรื่องปัญหาสุขภาพให้สาธารณชนเข้าใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด cyberbullying ที่จะยิ่งทำให้พวกเค้ายิ่งท้อถอยหมดกำลังใจในระหว่างที่ต้องฝ่าฟันมรสุม ข้อมูลเรื่องอาการเจ็บป่วยอาจจะทำให้ชาวเน็ทรู้สึกเห็นใจและหลีกเลี่ยงที่ปล่อยพลังงานด้านลบมาโจมตีกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราพึงระลึกก็คือ ทุกคนต่างมีสิทธิ์ที่จะเก็บเรื่องสุขภาพของตัวเองไว้เป็นความลับที่สุด พวกเค้าไม่ต้องการจะตกเป็นเป้าความสนใจจากเรื่องนี้และไม่ร้องขอความเห็นใจจากคนนอก ผู้ป่วยโรคร้ายแรงบางคนโฟกัสกับการใช้ชีวิตให้ดูเป็นปกติตามที่ร่างกายจะรับได้ ทั้งทำงาน ใช้เวลาอยู่กับครัว นัดเจอเพื่อนฝูง โพสต์ข้อความปลุกกำลังใจใน social media แม้ว่าลักษณะภายนอกที่เปลี่ยนไปจะสร้างความสงสัยว่า มีเรื่องผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น แต่พวกเค้าอาจจะต้องการเพียงพื้นที่ความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องคอยมารับฟังความเห็นก้าวก่ายหรือสั่งสอนจากคนที่ไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์อย่างแท้จริง
เสียงโจษจันถึงลุคที่เปลี่ยนแปลงไปของ Justin Bieber และ Ariana Grande ดังอื้ออึงใน social media มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวเน็ทจำนวนมากฟันธงว่า ปัญหาทางสุขภาพร่างกายและจิตใจคือสาเหตุที่ซุปตาร์ทั้งสองดูผ่ายผอมลง แท็บลอยด์ยังกระพือข่าวลือในด้านลบจนมีเสียงเรียกร้องให้พวกเค้าเข้ารับการเยียวยารักษา
- Ariana เคยขอร้องให้ผู้คนยุติการแสดงความเห็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ และยืนยันว่า ในขณะนี้เธอมีสุขภาพดีและมีความสุขกว่าเมื่อก่อน แต่ชาวเน็ทเชื่อว่า เธอดึงดันไม่ยอมรับความจริง
- ภาพที่ Ariana แจกลายเซ็นให้กับแฟนๆที่ BAFTA awards เมื่อไม่กี่วันมานี้ได้กลายเป็นไวรัล มีการวิเคราะห์ว่าความเจ็บป่วยทางจิตใจและการทำงานหนักจนขาดการพักผ่อนที่เพียงพอทำให้เธอผอมบาง
- หลายคนเปรียบเทียบ Ariana กับ Karen Carpenter ศิลปินดังที่ป่วยเป็น Anorexia และซึ่งน้ำหนักของ Karen ลดฮวบลงไปที่ 35 กิโลกรัมก่อนจะจบชีวิตในวัยเพียง 32 ปี
- มีการตั้งข้อกล่าวหาว่า Ariana ใช้ยา Ozempic ลดน้ำหนัก แม้ว่าเธอจะผอมบางอยู่แล้ว
- หลังจาก Justin และภรรยาต้อนรับลูกชายตัวน้อยเป็นมาชิกใหม่ของครอบครัว ชาวเน็ทได้ตั้งข้อสังเกตว่า เขาดูซูบลงผิดหูผิดตา และคาดเดาว่า การทำหน้าที่พ่อมือใหม่อาจจะทำให้เขาไม่ได้กินไม่ได้นอนเต็มที่
- แต่ข่าวลือในแง่ลบก็ถูกปล่อยตามมาเรื่อยๆ กลุ่มคนที่ไม่ปลื้ม Hailey ก็กล่าวโทษเธอว่า เป็นตัวการเพิ่มความเครียดให้กับสามีจนสุขภาพจิตของเขาย่ำแย่ลง บ้างก็เชื่อกันว่า ประวัติการใช้ยาเสพติดในอดีตรวมถึงความเจ็บป่วยทางจิตใจทำให้เขาดูทรุดโทรม แตกต่างจากภาพไอดอลหนุ่มหล่อในความทรงจำแฟนๆ
- Justine ยังเลือกใช้ชีวิตห่างจากแสงสปอทไลท์ แต่ก็ถูกชาวเน็ทจับผิดว่า เขาแสดงพฤติกรรมผิดติจนไม่น่าวางใจ ช่น การแชร์คลิปล่าสุดบน Instagram ขณะที่เขากำลังแร็พกับเพื่อนบนเครื่องบินนั้นเต็มไปด้วยคำเตือนให้เขาไปรับการบำบัดรักษาโรคจิตเวชและเลิกยาเสพติด
หลังจากเกิดมีเสียงเล่าลือมาได้ระยะหนึ่งว่า มีปัญหาหนักหนาสาหัสเกิดขึ้นกับ Justin ส่งผลให้เขาดูเหน็ดเหนื่อยและตึงเครียดแทบทุกครั้งที่เดินออกจากบ้าน ในที่สุด ตัวแทนของเขาก็ออมาโต้กลับทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่า ข่าวลือเรื่องสุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงการใช้ยาเสพติดนั้นฟังดู" น่าเหนื่อยใจและชวนให้สังเวช"
"ทั้งๆที่เห็นความเป็นจริงที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้คนกลับเอาแต่จะช่วยส่งเสริมให้ข่าวลือแง่ลบที่ก่อความเสียหายให้คงอยู่ต่อไป"
ตัวแทนอธิบายเพิ่มเติมว่านี่คือปีที่เปลี่ยนแปลงของ Justin เขาตัดขาดกับเพื่อนหลายคนและยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจบางอย่างไปแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมีแต่ Hailey ลูกชายของพวกเค้า การรักษาสุขภาพ และผลงานศิลปะของเขา
ตัวแทน
TMZ สื่อที่เป็นสื่องกลางเพื่อนำเสนอแถลงการณ์นี้ได้อ้างถึงข้อมูลแหล่งวงในปกป้อง Justin ว่า สัญญาณความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่ปรากฏบนหน้าของเขา โดยเฉพาะดวงตาแดงก่ำและบริเวณใต้ตาหมองคล้ำ :ทำให้ชาวเน็ทตั้งข้อสงสัยว่า มันเป็นผลพวงมาจากการใช้ยาเสพติด แต่ความจริงแล้วเขาทำงานดนตรีที่ห้องบันทึกเสียงตลอดคืน และช่วงค่ำก็ต้องคอยดูแลลูกชายที่ยังมีปัญหาในการปรับการนอน
ส่วนกระแสวิจารณ์จับผิดพฤติกรรมของเขาในอีเวนท์ Rhode pop-up เมื่อวันก่อนว่า ดูเหมือนเขาจะเมายา แท้จริงแล้วเป็นภาพที่เขากำลังยิ้มแย้มสนทนากับแฟนตัวยงอย่างเป็นมิตร เขาถ่ายรูปคู่แขกในงาน และยังดูหวานชื่นกับภรรยาไม่เปลี่ยน
"ทั้งๆที่เห็นความเป็นจริงที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้คนกลับเอาแต่จะช่วยส่งเสริมให้ข่าวลือแง่ลบที่ก่อความเสียหายให้คงอยู่ต่อไป"
ตัวแทนอธิบายเพิ่มเติมว่านี่คือปีที่เปลี่ยนแปลงของ Justin เขาตัดขาดกับเพื่อนหลายคนและยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจบางอย่างไปแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมีแต่ Hailey ลูกชายของพวกเค้า การรักษาสุขภาพ และผลงานศิลปะของเขา
ตัวแทน
TMZ สื่อที่เป็นสื่องกลางเพื่อนำเสนอแถลงการณ์นี้ได้อ้างถึงข้อมูลแหล่งวงในปกป้อง Justin ว่า สัญญาณความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่ปรากฏบนหน้าของเขา โดยเฉพาะดวงตาแดงก่ำและบริเวณใต้ตาหมองคล้ำ :ทำให้ชาวเน็ทตั้งข้อสงสัยว่า มันเป็นผลพวงมาจากการใช้ยาเสพติด แต่ความจริงแล้วเขาทำงานดนตรีที่ห้องบันทึกเสียงตลอดคืน และช่วงค่ำก็ต้องคอยดูแลลูกชายที่ยังมีปัญหาในการปรับการนอน
ส่วนกระแสวิจารณ์จับผิดพฤติกรรมของเขาในอีเวนท์ Rhode pop-up เมื่อวันก่อนว่า ดูเหมือนเขาจะเมายา แท้จริงแล้วเป็นภาพที่เขากำลังยิ้มแย้มสนทนากับแฟนตัวยงอย่างเป็นมิตร เขาถ่ายรูปคู่แขกในงาน และยังดูหวานชื่นกับภรรยาไม่เปลี่ยน
หากไม่อยากนึกทำร้ายใครหรือต้องมาเสียใจภายหลัง เริ่มต้นด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเราก่อนจะคอมเมนท์
Discussion (4)