เกาะติดดราม่าหนัง Another Simple Favor

หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แล้วว่า การหวนกลับมาประชันบทบาทของ Anna Kendrick และ Blake Lively ในหนัง 'Another Simple Favor' จะต้องถูกผูกติดกับมหากาพย์ดราม่า 'It Ends With Us' แทบแยกไม่ออก  แทนที่ผู้คนจะให้ความสนใจใคร่รู้เรื่องคุณภาพของผลงาน กลับหันไปจ้องจับผิดข่าวในแง่ลบที่เกิดจากการการปลุกปั่นต่อต้านหนังภาคต่อเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มประชาสัมพันธ์  มิหนำซ้ำหลายคนยังตั้งข้อสังเกตกันว่า ท่าทีของ Anna ในอีเวนท์ฉายหนังรอบปฐมทัศน์น่าจะส่อเค้าความขัดแย้งกับ Blake ตามเสียงร่ำลือ ทั้งๆที่มีการยืนยันมาก่อนแล้วว่า พวกเธอทำงานร่วมกันอย่างปราศจากดราม่า แต่กระแสด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ทั้งผู้กำกับ, Prime Video, และเพจ A Simple Favor เลือกจำกัดการคอมเมนท์ทาง Instagram ไปแล้ว

ชาวเน็ทขุดคุ้ยข่าวลือเรื่องความขัดแย้งของ Blake และเพื่อนร่วมงานในอดีต

แม้จะมีผู้คนออกมาทัดทานกระแสสังคมด้วยการปกป้อง Blake และเตือนให้ขาเม้าทั้งหลายเลือกติดตามข่าวอย่างมีวิจารณญาณ ไม่ด่วนตัดสินนางเอกดังด้วยอคติ แต่มีชาวเน็ทจำนวนมากที่ปักใจเชื่อว่า Blake และสามีเป็นตัวร้ายในดราม่าระดับมหากาพย์ครั้งนี้ พวกเค้าร่วมขุดคุ้ยหาข้อมูลและข่าวลือในอดีตเพื่อยืนยันการตั้งทฤษฎีว่า ตัวตนที่แท้จริงของนางเอกสาวแห่ง It Ends With Us ตรงตามตำรา mean girl จากข่าวลือเรื่องพฤติกรรมย่ำแย่ซ้ำรอยเดิมจนเป็นแพทเทิร์นการคุกคามเพื่อนร่วมงาน และยังกล่าวหาเธอว่า ลวงโลกด้วยการเรียกร้องความเป็นธรรมในฐานะเหยื่อเพื่อทำลายอนาคตของคู่กรณีให้ย่อยยับ




ย้อนไปในปี 2009 ช่วงที่นางเอกสาวสวยกำลังรุ่งจากบท Serena จากซีรีส์ Gossip Girl เธอได้ให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยกับ People magazine ว่า เคยตั้งแง่รังเกียจ Penn Badgley (รับบทเป็น Dan, Lonely boy) ถึงขนาดพยายามปลุกปั่นให้ทีมงานเกลียดเขาไปด้วย

"ในตอนแรก ฉันอามณ์เสียมากค่ะที่เขารับเลือกมาแสดง อันที่จริง ฉันยังไปใส่ไฟกับนักแสดงคนอื่นๆให้หันมาร่วมต่อต้านเขา แต่ต่อมา พวกเค้าก็พบว่า เขาไม่ได้มีนิสัยงี่เง่า แต่เป็นคนน่ารักและมีเสน่ห์ ฉันก็สัมผัสได้แทบจะทันทีเหมือนกัน แต่ใช้เวลาเกือบสัปดาห์ที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้"

ไม่เพียงแต่ Blakeจะยอมรับว่า Payne นิสัยดี เธอยังหลงเสน่ห์เขาและควงคู่กันยาว 3 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น ยังไม่มีใครฉุกใจถึงคำให้สัมภาษณ์ของเธอ แต่เมื่อเกิดดราม่าความขัดแย้งกับ Justin Baldoni ก็ทำให้มีคนตั้งคำถามว่า ทั้งๆที่เธอยังเป็นนักแสดงดาวรุ่งอายุน้อย แต่กลับวางแผนขับไสไล่ส่งเพื่อนร่วมงานที่เธอไม่ถูกใจ และบางคนยังตั้งข้อสงสัยถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่แบบ nepo baby ข่มขวัญคนอื่น (พ่อของเธอทำงานแสดงมายาวนาน ส่วนแม่มีอาชีพผู้จัดการศิลปินบันเทิง)

ยังมีข่าวลือทำนองเดียวกันตามมา นั่นคือ เสียงซุปซิบนินทาว่า เธอเป็นตัวตั้งตัวตีที่บีบให้ Armie Hammer ถูกปลดจากการแสดงใน Gossip Girl กลางคัน ฝ่ายชายได้ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้ชัดในภายหลังว่า เขาผ่านประสบการณ์ถูกใครบางคนกดดันทีมให้ไล่เขาออกจริงๆ และเมื่อพิธีกรพยายามชักนำให้เขายอมรับว่า Blake Lively เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด (เคสนี้ ชาวเน็ทไม่ได้แสดงความเห็นใจพระเอกต้นเรื่องนัก เพราะเจ้าตัวก่อวีรกรรมฉาวโฉ่จนถูกอัปเปหิจากวงการไปแล้ว)

แต่สิ่งที่สร้างเสียงเม้ามอยมานานคือ ข่าวลือเรื่องการทำสงครามประสาทกับ Leighton Meester เมื่อนักข่าวจาก New York Magazine ได้ไปเยี่ยมเยือนกองถ่าย Gossip Girl ในปี 2008 แล้วปล่อยข่าวเม้าแรงว่า สองนางเอกพยายามหลีกเลี่ยงกันสุดชีวิตราวกับกำลังหลบเชื้อโรค บรรยากาศไม่เป็นมิตรในกองถ่ายบีบให้ทีมงานต้องตัดสินใจว่า จะเลือกข้างไหน แม้พวกเธอจะพยายามแก้ข่าวและยืนกรานว่าว่า ร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง  แต่หลายปีหลังจากซีรีส์อวสาน executive producer ก็ได้ออกมาเผยข้อมูลว่า Blake และ Leighton ไม่ใช่เพื่อนกัน ซึ่งหลายคนนำประเด็นนี้ไปเปรียบเทีียบกับความขัดแย้งระหว่าง Sarah Jessica Parker และ Kim Cattrall ที่แม้ในฉาก Sex And The City จะสวมบทบาทเป็นเพื่อนรัก แต่เบื้องหลังแตกหักกันจนแทบมองหน้ากันไม่ติด และมีเสียงซุบซิบเรื่องนี้หลุดออกมาจากกองถ่ายมานานเช่นกัน ทั้งยังมีผู้ปล่อยข่าวโจมตี Blake ว่า เธอแค้นใจที่ Leighton เผยความโดดเด่นทางการแสดงบดบังแสงของเธอ ทั้งๆที่เธอรับบทเป็นสาวงามที่ใครๆต่างอิจฉาแต่กลับถูกแย่งซีน เมื่อเห็นว่า Leighton ได้รับการอนุมัติเพิ่มงบประมาณ costume ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ซึ่งการชิงดีชิงเด่นทำให้พวกเธอไม่สามารถคบกันอย่างสนิทใจได้เหมือนกับนักแสดงคนอื่น

ไม่นานมานี้ ก็มีผู้แชร์ฉากหนัง American Fiction ที่ Adam Brody (สามีของ Leighton) กำลังจิกกัดการจัดพิธีแต่งงานในพื้นที่เพาะปลูกที่เคยใช้แรงงานทาสของ Ryan และ Blake ทำให้ชาวเน็ทมั่นใจว่า จะต้องเกิดดราม่าความขัดแย้งระหว่างสองนางเอกนำที่เบื้องหลัง Gossip Girl จริงๆ และมุกตลกประชดแดกดันนี้เกิดจากความจงใจเอาคืน

ข่าวลือเรื่องความเป็น diva ของ Blake กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อนักแสดง extra ที่ร่วมงานใน Gossip Girl หลายซีซันยืนยันว่า มีประสบการณ์ย่ำแย่ในการร่วมงานในกองถ่ายเดียวกันกับ Blake เพราะเธอทำตัวเย่อหยิ่งหัวสูงแบบ nepo baby ที่ใครๆต่างรุมเอาใจ

ข่าวลือที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมารัวๆทำให้ใครต่อใครเพ่งเล็งไปถึงความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมงานในกองถ่าย A simple favor และหนังภาคต่อที่กำลังจ่อคิวฉาย  พวกเค้าพยายามสืบเสาะว่า เบื้องหลังภาพที่ดูปรองดองกันของ Anna Kendrick และ Blake Lively จะมีปัญหาขัดแย้งกันตามข่าวซุบซิบมาหลายปีหรือไม่??


ยังไม่ได้ streaming  แต่ผลงานใหม่ของ Blake และ Anna ก็ต้องพบกับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมาตั้งแต่เริ่มโพรโมท

หนังภาคแรกที่นางเอกสาวงามทั้งสองได้โคจรมาพบกันได้สร้างกระแสตอบรับอย่างดีจนการพัฒนาโพรเจค์ภาคต่อเพื่อลง streaming ที่ Amazon Prime Video แต่ข่าวลือก็ตามมาซ้ำรอยเดิม จากการโพรโมทหนังภาคแรก นางเอกสาวทั้งสองเผยความสนิทสนมด้วยการปล่อยมุกจิกกัดหยอกล้อกันดูสนุกสนาน ไม่ได้วางตัวเหินห่างหรือแยกย้ายกันโพรโมทแบบคนที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็มีเสียงเม้ามอยว่า Blake ไม่ปลาบปลื้มที่ Anna ดึงดูดความเสียงชื่นชมทั้งจากนักวิจารณ์หนังและผู้ชมไปอย่่งเกอนหน้าเกินตา ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นทางการแสดง, ทักษะการขับร้องเพลง และอารมณ์ขันเผ็ดแซ่บทำให้ Anna กลายเป็นขวัญใจของแฟนๆ แต่ Blake กลับถูกพูดถึงในแง่ของความเป็นผู้นำแฟชั่นมากกว่าพรสวรรค์ในศิลปะบันเทิง เมื่อถูกเปรียบเทียบกันบ่อยครั้งจึงอาจจะทำให้พวกเธอไม่สามารถสร้างมิตรภาพที่จริงใจ และจำเป็นต้องสร้างภาพความปรองดองไว้ที่ฉากหน้าตามหน้าที่นักแสดงนำ อย่างไรก็ตาม การประกาศข่าวว่า พวกเธอจะกลับมาประชันบทบาทกันในภาคต่อก็สยบข่าวลือความบาดหมางลงไป เพราะหากสองนางเอกสาวไม่ถูกกันจริงๆ ก็คงไม่ตกลงรับงานนี้

แต่การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่าง  Blake vs. Justin ที่ต่างฝ่ายต่างแฉกันสั่นสะเทือนวงการ ส่งผลให้ผู้คนเปลี่ยนมุมมมองที่มีต่อหนัง Another Simple Favor โดยเฉพาะกลุ่มคนไม่ปลื้ม Blake ที่หันมาจับผิดการแสดงออกของนางเอกทั้งสองอีกครั้ง  บรรยากาศอีเวนท์ฉายหนังรอบปฐมทัศน์ไม่กี่วันมานี้ก็ทำให้ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัด  

สังคมออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์การตอบคำถามที่แตกต่างกันของนักแสดงทั้งสองจากคำถามของนักข่าวช่อง Entertainment Tonight ว่า 'การได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งนั้นมีความหมายต่อพวกเธอเช่นไร?' เพราะในขณะที่ Blake ตอบอย่างยินดีว่า 'มันยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ' Anna กลับเลี่ยงจะพูดตรงๆ เพียงแค่บอกว่า 'Oh You know..' แล้วเดินจากไป

เมื่อ Anna ต้องให้สัมภาษณ์กับนักข่าวVariety ที่ตั้งคำถามแบบอ้อมๆว่า เธอมีความคิดเห็นอย่างไรที่หนังเรื่องนี้อาจจะได้รับผลกระทบจาก 'เหตุการณ์ความเป็นไปในโลก' (ซึ่งบ่งชี้ไปถึงการฟ้องร้องระหว่าง Blake และ Justin) เธอเลือกที่จะเบี่ยงเบนประเด็นจากหัวข้อนี้ และถามกลับว่า "ทำไมเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ฉันรับการบำบัดอายาวัสกา แล้วความทรงจำเมื่อปีที่แล้วก็หายไปซะเฉยๆ แต่ฉันได้ยินว่าหนังเรื่องนี้ช่างยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ"

ในขณะที่แฟนๆของ Anna ประทับใจกับไหวพริบการตอบคำถามของเธอ และชี้ว่า นักข่าวไม่ควรดึงเอาดราม่าของ Blake มากดดันกันนักแสดงและทีมงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ It Ends With Us เพราะไม่ต้องตั้งคำถามนี้ ทีมงานผู้สร้าง Another simple favor นี้ก็ต้องวิตกกังวลกับกระแสต่อต้านกันมากพออยู่แล้ว แต่ชาวเน็ทอีกหลายคนแสดงความไม่ปลื้มกับคำถามของ Anna และตำหนิเธอว่าการถามกลับแบบแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ต่างจาก Ryan Reynolds ที่ควงภรรยาเข้าร่วมอีเวนท์ SNL50 แล้วพูดจาตอบโต้พิธีกรที่ไถ่ถามเขาว่า 'สบายดีอยู่รึเปล่า?' ซึ่งคำตอบว่า 'สบายดีสุดๆ ทำไมเหรอ? ไปได้ยินอะไรมา?' ทำให้ชาวเน็ทหลายคนรุมถล่มสามีภรรยาคนดัง และยิ่งเพิ่มอคติกัับพวกเค้ายิ่งกว่าเดิม


แทบลอยด์และชาวเน็ทยังตั้งข้อสังเกตว่า ในงานเปิดตัวหนังครั้งแรก Anna และ Blake ไม่ได้โพสคู่กันรัวๆเหมือนการโพรโมทหนังภาคแรก พวกเธออาจจะยืนบนเวทีเพื่อตอบคำถามรอบสื่อเคียงข้างกัน และถ่ายรูปหมู่กับทีมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  แต่ใน social media ก็เกิดเสียงวิจารณ์กระหึ่มว่า Anna ไม่ได้มีท่าทางสบายใจในการร่วมโพรโมทหนังเท่าใดนัก และเธออาจจะทิ้งระยะห่างจาก Blake เพื่อเลี่ยงดราม่า บางคนเชื่อว่า เธอพยายามรักษาความเป็นมืออาชีพไว้ แต่ก็อาจจะต้องกังวลใจที่ผลงานหนังเรื่องล่าสุดต้องถูกข่าวอื้อฉาวของเพื่อนร่วมงานเบียดบังกระแสไปจนหมด

สื่อดังอย่าง People ได้อ้างคำบอกเล่าจากคนวงในว่า พวกเธอไม่ได้มีเรื่องราวดราม่าหรือความขัดแย้งใดๆตามเสียงเล่าลือ  Anna ยังเคยให้สัมภาษณืเมื่อปีก่อนว่า พวกเธออาจจะไม่ได้เจอกันบ่อย เพราะอาศัยอยู่ห่างไกลจากกัน แต่เมื่อได้กลับมาร่วมงานกันอีกก็สร้างความรู้สึกดีๆ เมื่อสมาชิกแก็งค์กลับมารวมตัวก็ทำให้สนุกสนานกันสุดๆ
ล่าสุด Paul Feig ผู้กำกับ Another Simple Favor รับหน้าที่ผู้สยบข่าวลือความบาดหมางของนักแสดงนำสองสาว เมื่อ Melanie King Youtuber สายบันเทิง ซึ่งเธอโพสต์เผยแพร่ข่าวลือแบบถึงพริกถึงขิงทาง X ว่า "ฉันได้นำเสนอข่าว Blake Lively เกิดความหวาดหวั่นใจที่จะเดินพรมแดง ส่วน Anna เดือดสุดๆและไม่ขอร่วมงานกับหล่อนอีกต่อไป" เขาตอบโพสต์อย่างไม่ลังเลใจว่า 'อืม คุณเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ"  ซึ่งโพสต์ปฏิเสธข่าวของเขาได้รับการเข้าชมไปเกินกว่า 1.6 ล้านครั้ง

แต่กลับปรากฏภาพชวนสะดุดใจตามมา...

Melanie King โต้ตอบผู้กำกับด้วยการประกาศจุดยืนที่จะส่งต่อข่าวโจมตี Blake และยังย้อนถามว่า คนที่แสร้งทำเป็นแฟนขอถ่าย selfie กับ Blake คือภรรยาของเขารึเปล่า! ชาวเน็ทหลายคนต่างเออออไปด้วย และหล่าวหาว่า พวกเค้าเข้าตาจนถึงขั้นต้องสร้างภาพการปฏิสัมพันธ์กับแฟนแบบปลอมๆ

อย่างไรก็ตาม มีคำอธิบายตามมาว่า ภรรยาของผู้กำกับไม่ได้ยืนรวมกับบริเวณที่จัดไว้ให้แฟนๆ แต่อยู่ฝั่งที่ใกล้กับบริเวณรั้วกั้นพรมแดง และน่าจะเป็นการทักทายตามประสาคนถูกอัธยาศัยกัน ไม่ใช่การแกล้งทำเป็น FC มาขอถ่าย selfie แต่ภาพที่ถูกส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์ก็ทำให้หลายคนฟันธงด้วยอคติไปแล้วว่า นี่เป็นการจัดฉากเพื่อกู้ชื่อเสียงให้กับ Blake


ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน หลังจาก Henry Golding (นักแสดงหนุ่มที่ร่วมแสดงในหนัง A Simple Favor และ Another Simple Favor) โพสต์ประชาสัมพันธ์ผลงานภาคต่อ ผู้ช่วยผู้กำกับหนัง Barbara Szeman ตอบคอมเมนท์ของเขาด้วยการแฉพฤติกรรมของ 'ใครบางคน' ว่า เธอเคยร่วมงานกับเขาในหนังภาคแรก ประสบการณ์ในการทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆนั้นยอดเยี่ยมไปหมด ยกเว้นใครบางคนที่ทำให้เธอลาออกจากงานผู้ช่วยผู้กำกับ เธอจึงขอให้เขาโชคดีมีชัยกับผลงานใหม่นี้ ผู้หญิงคนนั้นทำตัวใจร้ายใจดำกับหลายคนในกองถ่าย  เธอต้องร่ำไห้ระหว่างเดินทางกลับบ้านหลายครั้งเพราะต้องคอยเอาอกเอาใจคนที่ไม่เคยพอใจอะไรสักอย่างและเอาแต่ดูหมิ่นดูแคลนกัน เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนั้นเจอเรื่องแย่ๆ เข้าซะเอง ก็ทำให้รู้ว่า เวรกรรมนั้นมีอยู่จริง

โพสต์ดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ทอย่างล้นหลามจนเจ้าของบัญชีประกาศไม่โพสต์ต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ แต่แทบทุกคนมั่นใจว่า ใครบางคนที่ถูกพาดพิงย่อมไม่พ้น Blake เพราะในทีมนักแสดงหนังเรื่องนี้ มีเพียงเธอผู้เดียวที่กำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านและข่าวลือที่ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย






หลายคนเชื่อว่า เสียงวิจารณ์ในแง่ลบอย่างต่อเนื่องอาจจะสร้างความกดดันหนักหน่วงให้กับทีมงานและทีมนักแสดง Another Simple Favor ทันที Prime video ประชาสัมพันธ์กำหนดการ streaming ทาง social media คอมเมนท์โจมตีก็ผุดขึ้นนับหมื่นๆ  หลายคนยืนกรานตรงกันว่า จะไม่ขอสนับสนุนผลงานของ Blake เป็นอันขาด แม้ว่าจะปลาบปลื้มชื่นชม Anna หรือประทับใจหนังภาคแรก ก็ขอบาย นอกจากจะตามถล่ม Blake ไม่ยั้ง  ส่วน Prime video ที่ตั้งจำกัดการคอมเมนท์ในโพสต์อื่นๆที่เกี่ยวกับ Another Simple Favor ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ แม้แต่ผู้กำกับที่แสดงความชื่นชมในความสามารถของ Blake ก็เจอสาปส่งจนต้องปิดคอมเมนท์เช่นกัน

อีกทางหนึ่ง ยังมีคนที่มองเห็นโอกาสความสำเร็จของ Another simple favor เพราะถึงจะมีเสียงวิจารณ์โจมตีและสารพัดข่าวลือตั้งแต่เริ่มต้น กระแสฮือฮาก็อาจจะดึงดูดกลุ่มคนที่อยากรู้อยากเห็นให้เข้ามาพิสูจน์คุณภาพผลงาน หรือเข้าข่าย Bad publicity is still publicity. ดูจากไวรัลการโพรโมทหนัง It Ends With Us ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Blake ถูกวิจารณ์ในแง่ลบจนต้องประสบกับวิกฤติภาพลักษณ์ ถึงขนาดถูกให้เป็นกรณีตัวอย่าง 'หายนะของการทำการตลาด' (บ้างก็เรียกว่า PR fails) แต่หนังก็ทำรายได้สวยงาม


Another simple favor จะต้องเจอผลกระทบโดยตรงจากการเปิดศึกทางกฎหมายระหว่าง Blake Lively และ Justin Baldoni หรือว่าพุ่งทะยานพ้นดราม่า รอเพียงไม่นานก็จะได้รู้ชัดเจน

Discussion (5)

แต่หนังภาคแรก A Simple Favor สนุกมากจริง ๆ นะคะ บทดี คอสตูมดี และแอนนามีเสน่ห์มาก สวยมาก นี่เป็นแฟนภาคแรก ยังคิดว่าจะดูภาคต่อนะ เพราะเบลคไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญของการตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้ ถ้าใครชอบแนวฆาตกรรมลึกลับที่อัดแน่นไปด้วยแฟชั่นสวย ๆ และชีวิตคนรวย ๆ ก็ไม่ควรพลาดนะคะ
ขอบคุณที่มาแชร์กันค่ะ
ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ