Sephora kid’s Lippies รีวิวงานปากที่Sephora kids ต้องมี
ningiinn188สวัสดีค่ะ กลับมาปีละรีวิวของจริงเนี่ย ขอเกริ่นก่อนว่าไม่ได้ซัพพอร์ต Sephora kid อยู่แล้ว แต่ดีมากถ้าเด็กเริ่มดูแลตัวเอง(อย่างถูกต้องตามวัย ไม่ใช่อายุเลขหลักเดียวแต่ซื้อเรตินอลแล้ว) อันนี้เลยรีวิวลิป บได้มีเด็กไม่ได้ถือหรอก แต่เราซื้อใช้แล้วชอบ บาเด็กเราก็ซื้อแต่ไม่ชอบก็มี วันก่อนเลยหยิบของที่พกมาช่วงนี้ก็อ้าว มีตามพวก Sephora kids แทบจะหมดเลยนี่หว่า เลยหยิบมารีวิว บางอันก็หาซื้อได้ตาม Sephora ไทย บางอันก็หาพรีออร์เดอร์กันเองนะ หนูก็ทำดีที่สุดแล้วคุณพี่
เริ่มด้วย Gisou ซึ่งถ้าใครตามไอจีแบรนด์นี้เค้าดังเรื่อง hair oil แล้วแบรนด์ก็ขยายไลน์มาลิปออยล์น้ำผึ้ง ใจจริงตอนแรกอยากลองสีใสๆแต่ด้วยตอนนั้นมีคนบอกว่ากลิ่นเหมือนน้ำมันพืชมากกกก บวกกับได้ยไอ้สสีนี้นเนี่ย มันlimited edition สรุปตอนนี้ก็ยังขายอยู่ นอยเว่อ แต่จริงๆในภาพอฟชก็บอกอันนี้ลีมิเต็ดนะ
สำหรับเราตัวนี้มีกลิตเตอร์ที่ไมไ่ด้บาดปากนะ แต่มันสัมผัสได้ว่ามีกลิตเแอยบหนีดๆเนื้อแอบหนืดๆ แถมกลิ่นเชอร์รี่ยาแก้ไอมากๆ เป็นตัวที่ส่วนตัวไม่ใช่แฟนขนาดนั้น ใช้ได้ แต่ไม่ใช่แฟน แต่วันไหนต้องการสีปากหน่อยๆก็จะหยิบมาทา ถามว่าคุ้มมั้ยสำหรับเราเราว่าไม่เท่าไหร่ ราคา 46Australian Dollarอะ มันฏ้ช่วยเรื่องปากชุ่มชื้นด้วย แต่มีตัวอื่นที่ดีกว่านี้นะ แต่แพคเกจตั่งมันเข้าทางaestheticอย่างพวก Sephora kidsต้องการ อาจจะเพราะว่าถ้าหาซื้อตัวที่ไม่มีกลิตเตอร์น่าจะโอเคกว่า ไม่สัมผัสกลิตเตอร์อะไรนี้ โดยรวมคือจะลองก็ได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบขนาดว่าต้องมีติดดระเป๋าในทุกๆโอกาสขนาดนั้น
สำหรับเราตัวนี้มีกลิตเตอร์ที่ไมไ่ด้บาดปากนะ แต่มันสัมผัสได้ว่ามีกลิตเแอยบหนีดๆเนื้อแอบหนืดๆ แถมกลิ่นเชอร์รี่ยาแก้ไอมากๆ เป็นตัวที่ส่วนตัวไม่ใช่แฟนขนาดนั้น ใช้ได้ แต่ไม่ใช่แฟน แต่วันไหนต้องการสีปากหน่อยๆก็จะหยิบมาทา ถามว่าคุ้มมั้ยสำหรับเราเราว่าไม่เท่าไหร่ ราคา 46Australian Dollarอะ มันฏ้ช่วยเรื่องปากชุ่มชื้นด้วย แต่มีตัวอื่นที่ดีกว่านี้นะ แต่แพคเกจตั่งมันเข้าทางaestheticอย่างพวก Sephora kidsต้องการ อาจจะเพราะว่าถ้าหาซื้อตัวที่ไม่มีกลิตเตอร์น่าจะโอเคกว่า ไม่สัมผัสกลิตเตอร์อะไรนี้ โดยรวมคือจะลองก็ได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบขนาดว่าต้องมีติดดระเป๋าในทุกๆโอกาสขนาดนั้น
ต่อด้วย Ole Henrisksen อันนี้ไม่ค่อยเจอในเหล่า Sephora kidsแต่ขอแทรกหน่อยเถอะ เพราะชอบ55555555555 มันไวรัลเพราะคุณสุนิสาลีหยิบมาทาตอนโอลิมปิกด้วย แถมราคาก็ไม่ได้แรงเท่าGisou อันนี้ตกประมาณ 29 Australian Dollars มีทั้งแบบปกติและชิมเมอร์ แต่พอดีในซฟรบอกสีนี้popularนะ หยิบเลยจ้า ไม่คิดอะไรทั้งนั้น เพราะราคาไม่ได้รุนแรงขนาดต้องคิดแล้วคิดอีก เนื้อสัมผัสหนืดดดมาก เป็นตัวที่ถ้าจะใช้แรกๆก็ต้องสครับปากก่อน ทาครั้งแรกเกิดคราบขาวรอบปากเลย เนื้อเข้มข้นแถมช่วยดูแลปากได้จริง คนไม่ชอบเนื้อหนักๆข้ามได้เลย แต่ถ้าปากแห้งหนัมากๆก็ลองเล่นก่อน ราคาในไทยไม่น่าจะน่าขนาดหยิบแบบไม่คิดได้ด้วยราคาค่าครองชีพต่างๆ มีกลิ่นหอมๆแต่ไม่แน่ใจว่าสตอรอว์เบอร์รี่มัแนะนำคัวตัวนี้ถ้าต้องการเนื้อหนักๆ ปากแห้งๆ แต่ต้องสครับปากมาดีๆป้องกับคราบขาวรอบปาก แค่นั้นเลย
เนี่ยแหละ ซิกเนเจอร์ของ Sephora kids คือลิปตัวนี้ พูดตรงๆก็คือ หลอดที่3แล้วค่ะคุณพี่ เป็นตัวที่เห็นราคาก็แอบคิดแต่ก็ซื้อเพราะเนื้อไม่หนาเกิน ดูแลปากได้ดีเป็นตัวที่ทาแล้วเหมือนมันเติมร่องปราเราด้วย กลิ่นหอมแตกต่างกันไปตามชื่อ ถ้าซื้อ iced coffeeก็กลิ่นกาแฟเลย ตัวนนี้ตก 39 Australian Dollars ตอนแรกซื้อvanilla beigeแล้วชอบมากๆ ดูไม่ซีด แถมดูแลปากได้ดีด้วย เนื้อนุ่มเหมือนเนยอย่างที่เขาว่ากันจริงๆน่ะแหละ ถ้ามีเงินก็อยากให้ลองตัวนี้เลย สามารถทา everyday look ก็ได้ ทาบำรุงก่อนนอนก็ได้ ส่วนตัวได้ลองทั้งสี vanilla beige ,pink sugar, brown sugar สไม่มีสีไหนทาแล้วรู้สึกสวยเท่า vanilla beige แต่เราก็อยากลองสีใหม่ๆอะเนอะ สีที่อยากลองต่อก็คือ iced coffee อยากจะลองเรื่อยๆแถ้าต่ลองแล้วไม่รอดก็อาจจะตายรังที่ vanilla beige ตัวแรกตัวดีเนี่ยแหละค่ะ
เหมือนตัวตายตัวแทนของsummer fridaysเลยก็ว่าได้ แต่ตัวนี้สีอาจจะออกแบบน้อยๆระเรื่อ เนื้อลิปเบาทาได้เรื่อยๆแบบไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะน้องมาแค่ในราคา 27 Australian Dollars แต่ด้วยความตอนนั้นนังมีเทสเตอร์แค่สี่สี แล้วสีนี้นังออกมาใหม่และต้องนั่งเทียนเอาด้วยการเปิดรูปในเว็บแล้วจินตนาการว่าสีบนปากน่าจะประมาณนี้(VRลองสีปากในเว็บมันไม่ตรงน่ะสิคุนน้า) สรุป ซีดเฉ้ย 555555555555แต่ไม่เป็นไร เราเอามาทาตอนทำงานตอนนอน ตอนที่ไม่ต้องเจอคนเยอะแทนเพราะถ้าไม่นับเรื่องสี เนื้อครีม กลิ่น ราคา ถือว่าดีมากกกกก แอบรู้สึกว่าตัวนี้เนื้อเบากว่าsummer fridays ด้วย หลังจากซื้อsugar plumไม่กี่วันก็เลยถอยสี red bean mochi มาอีกที แล้วชอบสี red bean mochi มากกว่าอีก sugar plum ทาออกมาแล้วแอบป่วย แต่ red bean mochi ดูเป็นMLBB สำหรับเรา เราแนะนำเลยเพราะราคาไม่แรงเท่าตัวอื่น แถมได้คุณภาพพอๆกับตัวไวรัลอย่าง summer fridays ในราคาที่น่ารักกว่า10$ แต่ถ้าชอบสีจัดๆก็ต้องซื้อสีเข้มๆหน่อย ซึ่งตัว summer fridays ให้สีชัดกว่า tower28นิดนึง แต่ถ้าปากแห้งมากๆก็ต้องย้ำอะเพราะเนื้อบางมากๆๆ
ปิดท้ายด้วยตัวที่เรารู้จักกันดีอย่างลาเนจ ซึ่งจริงๆเราเคยใช้เมื่อนานมาแล้วนะ แต่Sephora kidsเค้าซื้อlip maskซะส่วนใหญ่ ลิปบาล์มแบบนี้พอมีบ้างประปราย ที่ซื้อสีนี้เพาะชอบกลิ่นมันมากๆๆๆ มีช่วงนึงเคยทาแบบสม่ำเสมอแล้วความคล้ำมันจางลง นิดนึง ย้ำ!!! นิดนึง แถมราคาก็ไม่ได้แรงด้วย ตกที่ 28Australian Dollars จำได้ว่าก่อนหน้านั้นยังแค่ 25$ อยู่เลย อันนี้มักจะใช้ตอนอยู่บ้านซะส่วนใหญ่ ทาแล้วยังมีความหนากว่า tower28หน่อยนึง แต่ถ้าปากแห้งมากๆๆๆๆๆ อาจจะต้องย้ำทาบ่อยกว่าปกติ เห็นหลอดเล็กๆงี้ใช้ได้นานนะ ตัวนี้เน้นบำรุงพอ เพราะรุ่นนี้ของลาเนจไม่มีสีเลย เท่าที่สังเกตตัวนี้แทบไม่มีคราบขาวรอบปากเลย
จบไปแล้วสำหรับรวมลิปที่เหล่า sephora kidsเค้ามี จริงๆแทบจะหาความต่างยากมาก เพราะมันคือกลอสอะ แต่ที่สัมผัสได้คือ Ole Henriksenเนื้อหนักสุดในบรรดาทั้งหมดในนี้ เหมาะกับคนปากแห้งที่ไม่ต้องการเติมบ่อยๆ แถมต้องสครับก่อนป้องกันคราบขาวๆรอบปาก ซึ่งตัวอื่นไม่เกิดกัน summer fridays กับtower28 มีความคล้ายกัน แต่ทาวเวอร์เนื้อเบากว่า summer fridays เนื้อนุ่มกว่า สีชัดกว่าราคาแรงกว่านิดนึง สำหรับเรานะ gisou ไม่จำเป็นก็ได้ หรือว่าเราไม่ใช่แฟนของgisouด้วยนะ
อีกตีวที่เด็กๆต้องมีคือ glossier balm dotcom เนื้อมันแอบเหมือนวาสลีนมีสี เราก็เคยหวีดด้วยในตอนที่ glossier เพิ่งมาออสใหม่ๆ สีสวย ดูแลปากดี แต่นานๆไปมันแยกตัวเนื้อลิปกับน้ำมัน มีคนบอกว่าปกติ คือถึงจะชอบแบรนด์นี้แค่ไหนก็คงไม่ไปต่อแล้ว แถมลิปบาล์มรุ่น ultralipก็มีปัญหาเรื่องปลอกลิปด้วยจนไม่อยากพกไปไหน กลัวเลอะเทอะ (not a Sephora kids’ favorite item but I love texture)
ย้ำอีกที เราแค่สังเกตว่าเขามีแบบนี้ เราก็ดูเองเราแล้วตกใจ มีเหมือนกันเกือบหมดเลยนี่นา ลิปมันมีไว้ก็ดี ให้ความชุ่มชื้นกับปาก แต่การดูแลผิวต้องผ่านการแนะนำจากหมออย่างถูกต้องเพื่อการดูแลถูกต้องตามวัย เราเพิ่งเริ่มretinolประมาณ 23 ตอนนั้นหมอบอกอันนี้จะช่วยเรื่องสิว แถมตอนนั้นยังแย้งจะใช้ Salicylic acid ให้ได้ด้วยนะ แต่ต้องยอมหมออะ สามเดือนก่อนหน้าอยากลองแบรนด์โปรดพวกเด็กๆอย่าง drunk elephant แล้วเจอคุณแม่รีวิวเรตินอลแบรนด์นี้ว่าลูกสาวชั้น 5 ขวบถูกใจสิ่งนี้มาก แล้วมีหมอผิวหนังออกมาเตือนเด็กๆเพราะเค้าเจอเคสใช้active ingredients ก่อนวัยเลยต้องหาหมอกันเยอะมากๆ ถ้าในนี้มีเด็กๆก็จะบอกว่าวัยนี้กันแดดกับมอยซ์เจอร์สำคัญที่สุดแล้ว คราวหน้าจะรีวิวอะไรอีกก็ขอให้ติดตามนะคะ Happy Easter ค่ะ!
อีกตีวที่เด็กๆต้องมีคือ glossier balm dotcom เนื้อมันแอบเหมือนวาสลีนมีสี เราก็เคยหวีดด้วยในตอนที่ glossier เพิ่งมาออสใหม่ๆ สีสวย ดูแลปากดี แต่นานๆไปมันแยกตัวเนื้อลิปกับน้ำมัน มีคนบอกว่าปกติ คือถึงจะชอบแบรนด์นี้แค่ไหนก็คงไม่ไปต่อแล้ว แถมลิปบาล์มรุ่น ultralipก็มีปัญหาเรื่องปลอกลิปด้วยจนไม่อยากพกไปไหน กลัวเลอะเทอะ (not a Sephora kids’ favorite item but I love texture)
ย้ำอีกที เราแค่สังเกตว่าเขามีแบบนี้ เราก็ดูเองเราแล้วตกใจ มีเหมือนกันเกือบหมดเลยนี่นา ลิปมันมีไว้ก็ดี ให้ความชุ่มชื้นกับปาก แต่การดูแลผิวต้องผ่านการแนะนำจากหมออย่างถูกต้องเพื่อการดูแลถูกต้องตามวัย เราเพิ่งเริ่มretinolประมาณ 23 ตอนนั้นหมอบอกอันนี้จะช่วยเรื่องสิว แถมตอนนั้นยังแย้งจะใช้ Salicylic acid ให้ได้ด้วยนะ แต่ต้องยอมหมออะ สามเดือนก่อนหน้าอยากลองแบรนด์โปรดพวกเด็กๆอย่าง drunk elephant แล้วเจอคุณแม่รีวิวเรตินอลแบรนด์นี้ว่าลูกสาวชั้น 5 ขวบถูกใจสิ่งนี้มาก แล้วมีหมอผิวหนังออกมาเตือนเด็กๆเพราะเค้าเจอเคสใช้active ingredients ก่อนวัยเลยต้องหาหมอกันเยอะมากๆ ถ้าในนี้มีเด็กๆก็จะบอกว่าวัยนี้กันแดดกับมอยซ์เจอร์สำคัญที่สุดแล้ว คราวหน้าจะรีวิวอะไรอีกก็ขอให้ติดตามนะคะ Happy Easter ค่ะ!
Discussion (8)