แต่งหน้าไปงานแต่ง ฉบับแต่งเองไม่ง้อช่าง

รวม make up items ที่ใช้แต่งหน้าลุคนี้มาให้ดูกันนะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เป็นสาว light spring ค่ะ แต่รวม make up items ที่ใช้แต่งหน้าลุคนี้มาให้ดูกันนะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราเป็นสาว light spring ค่ะ แต่เฉดสีรองที่พอจะเข้ากับเราคือ warm spring และ light summer ซึ่งธีมงานแต่งเป็นสีชมพู เราเลยพยายามเลือกสี make up หลักให้ไม่หลุดโทนนี้ค่ะ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการแต่งหน้าคือ การเตรียมผิวค่ะ เมคอัพจะสวยหรือไม่ ถ้าเราเตรียมผิวพัง คือพังทั้งหมดค่ะ ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการเตรียมผิวมากที่สุด ปล. เราเป็นคนผิวแห้งนะคะ ก่อนนอนเราเลยทำ double mask เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นมากที่สุดค่ะ

🌟 ขั้นตอนการลง skincare ก่อนลงเมคอัพ เราทา hya (ของ biohyalux เนื้อเหลว ใส ไม่หนึบผิว) > moisturiser (ของ Per se) > น้ำตบ (miss rosee) > vit C serum ( Per se) > face base (ของ bobbi brown ช่วยเตรียมผิวให้ชุ่มชื้น ไม่แคร็กระหว่างวัน) > กันแดด (Elixir กันแดดที่ทาแล้วเหมือนทา primer ผิวสวย เบลอรูขุมขน ไม่เหนอะ ไม่คราบ) 

🌟 ขั้นตอนการเตรียมผิว 
✨ลง Saie glow super gel primer สี Star glow ทั่วหน้า ตัวนี้ช่วยให้ผิวสวยฉ่ำ เล่นแสง แบบจับโบ๊ะไม่ได้ ดูเหมือนกินน้ำวันละ 8 ลิตร 
✨รองพื้น Suqqu สี 110 วิธีการลงรองพื้นให้ได้งานผิวที่สุด ให้กดรองพื้น แล้วเอานิ้วมาจุดที่ใบหน้า (หน้าผาก จมูก แก้ม คาง) แล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำมาเกลี่ย (ใช้คำว่าเกลี่ย แต่จริงๆ ตบเอา) ตัวนี้เป็นรองพื้นที่เหมาะกับสาวผิวแห้งที่สุด ไม่แคร็กเลย นี่ใช้ของ Haus lab ที่ใครๆ โหวตว่าดี แต่เราไม่รอด เพราะผิวแห้งไป ตัวนี้ทาแล้วผิวสวยมาก ไม่หนา ปกปิดปานกลาง แต่งแล้วยังดูเป็นผิวอยู่ เป็นรองพื้นที่แบบซื้อเถอะ แพงแต่ผิวสวยจริง คุ้ม 
✨Setting spray ของ Charlotte Tilbury ฉีดหลังลงรองพื้น ให้รองพื้นเซ็ตตัว ติดแน่น คงทนรอบนึง ฉีดฟลังแต่งหน้าเสร็จอีกรอบนึง 

🌟 ขั้นตอนการลง make up ก่อนทาแป้ง เราต้องทาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อครีมให้หมดก่อน 
✨เราใช้ liquid blush ของ Hourglass สี scene ลงเป็นเบสทั่วแก้ม ปัดยกสูงไปทางหางคิ้ว เพื่อให้หน้าดูยกขึ้น 
✨ทาครีมบลัชของ rhode สี piggy ตรงหน้าแก้ม โดยแค่แปะๆ ไปตรงหน้าแก้ม เพื่อให้ดู pop ขึ้นมา ตัวนี้สีจะชัดและแน่นกว่าของ hourglass 
✨แต้ม hilight ของ tart สี pearl glow ตัวนี้เป็น ไฮไลท์ที่สวยมาก ไม่ขาวไป ไม่ทองไป เนื้อชิมเมอร์สีทองละเอียด เป็นไฮไลท์ที่ดูสวยแบบไม่เอะอะ ไม่ตะโกน แต่ดูหรู ดูผู้ดีอ่ะ 
✨ทาแป้งของ Givenchy สี 04 สีนี้ช่วยลดความหมองของผิวได้ดี ตัวนี้ไม่เน้นคุมมัน แต่ช่วยเบลอผิว ทาแค่ตรงกลางหน้า ไม่เยอะมาก(จมูก หน้าแก้ม หน้าผาก) 
✨เรื่องคิ้วคิ้ว ใช้ excel สี EXPD02 camel brown วาดเป็นเส้นๆ แล้วใช้หัวฟองน้ำทาให้ฟุ้งๆ 
✨ตามด้วยแบบฝุ่นของ kate รุ่น 3D Fit รุ่นนี้(ฉลากดำ)สีจะชัดกว่าอีกรุ่น(ฉลากเทา) ใครทาแป้งแล้วเขียนคิ้วไม่ค่อยติดแนะนำเลยค่ะ 
✨ปิดท้ายด้วยมาสคาร่าคิ้วของ Tiara สี Natural brown ให้หัวคิ้วตั้ง (ตัวนี้ไม่ตั้งมากค่ะ ตั้งแบบยังดูเป็นธรรมชาติอยู่ แต่ช่วยให้อยู่ทรงดีมาก สีสวย ไม่อ่อนไม่เข้มไป เข้ากับสีผมเราพอดี) 
✨มาที่ eyeshadow เราใช้ของ Charlotte Tilbury สี Exagger eyes ค่ะ อันนี้เป็นตลับที่สองแล้ว เป็นครั้งแรกที่ใช้ eyeshadow แล้ว hit pan สีที่เป็นกากเพชรคือสวยมาก ใครก็เลียนแบบไม่ได้ ปาดแล้วแบบตาดูกลมโตขึ้น พาเลตนี้แนะนำเลยค่ะ ใครจะไปงานแต่ง สีสวยมาก เข้ามากจริงๆ 
✨แล้วก็ใช้ eyeshadow ของ Ameli สี 219 Ballerina สีชมพูไบร์ท ทาบนรอยพับเปลือกตา เพื่อให้เข้ากับสีชุดและดูหวานขึ้นนิดนึง แบรนด์นี้เป็นของเกาหลีที่ช่างแต่งหน้าเกาหลีใช้ค่ะ สีสวยชัด ไม่ fall out มากเหมือนแบรนด์เกาหลียี่ห้ออื่นๆ 
✨อายไลเนอร์เราใช้แบบครีมของ canmake สี medium brown เขียนด้านในแล้ววิงหางออกนิดนึง ทับด้วย eyeshadow แบบฝุ่นสีน้ำตาล เพื่อให้เส้นดูฟุ้งๆ ไม่ชัดมาก เพราะเดี๋ยวจะทำให้ตาดูดุค่ะ 
✨ปัดขนตาด้วย canmake รุ่น quick lash curler long ตัวนี้คือแนะนำแบบาุดตัวเลย เราขนตาเส้นหนามาก พอปัดขนตาแล้วขนตาตั้งแปบเดียวก็ตก ปัดมากี่ยี่ห้อก็ไม่ค่อยอยู่ แต่ตัวนี้คือตั้งดีมาก หัวแปรงเล็กเป็นแบบหวีสามารถเก็บขนตาตรงหัวตาได้ ซอกซอนดีสุด ชอบมาก 
✨ติดขนตาแบบแม่เหล็กของ wosado รุ่นน้องหมีเนย เบอร์ D (ice black) อยากบอกว่าตอนแรกติดไงก็ไม่ชิดโคนขนตา เพราะแค่ดัดแล้วติดเลย พอมาดัด ปัดมาสคาร่าละติด เอ้ย ชิดโคน ละติดง่ายขึ้นมาก ซื้อขนตาแบบช่อมาลองติด แต่ยากเกิน ไว้ขอฝึกให้คล่องกว่านี้ก่อน 

ลงบลัชแบบน้ำและครีมไปแล้ว มาต่อด้วยแบบฝุ่น เพื่อความติดทน 
✨เราใช้ของ Timage สี Cameo brown เป็นหลักเลย เพราะเป็นชมพูที่เป็น Natural tone เข้าได้กับทุกสีผิว บลัชอีนนี้จะเป็นสีแมตทั้งหมดเลย 
✨ตามด้วยบลัชของ suqqu สี 01 Awaoto สีชมพูอมส้มนิดดดดดนึง ตัวนี้เราปัดวนๆที่หน้าแก้มให้ดู pop ขึ้น เพราะของ Timage จะไม่ออกชมพูมากเท่าไหร่ จะเป็นชมพูที่มีความติดน้ำตาลนิดๆ แต่ตัวนี้จะให้ความสดใส ปัดแล้วแก้มดูเด็กขึ้น บลัชของ suqqu จะมี shimmer เล็กๆ ละเอียดๆ ช่วยให้กระจายแสงได้ดี ใครมองหาบลัชเนื้อดีๆ สักตลับ แนะนำอย่าซื้อตัวนี้ เพราะตลับเดียวไม่เคยพอ มันจะงอกออกมาเรื่อยๆ สีนี้น่ารักมาก เป็นชมพูที่สาว warm tone ทาได้อ่ะ ถ้าสี 06 จะเป็นชมพูนมๆ ติดม่วงหน่อยๆ สำหรับสาว cool tone 
✨งานคอนทัวร์หน้าเรียวหน้าเล็ก เราใช้ของ Nobev สี taupe grey ตัวนี้ได้รางวัลของเกาหลี สีนี้จะแบบไม่อมน้ำตาลและไม่อมเทาเกินไป คือกำลังพอดีเลย ปัดแล้วดูไม่เข้มมากเกินไป
✨ สำหรับคอนทัวร์จมูกเราใช้ของ Judydoll สี warm grey brown สีอันนี้จะแน่นและชัดกว่าของ Nobev แต่วันนี้เราไม่อยากให้หน้าดูเข้มมาก เดี๋ยวจะดูดำ ดูหมองไป แต่จมูกคือต้องพุ่ง ต้องโด่ง ทุกคนต้องเห็นตั้งแต่สี่แยกไฟแดง อันนี้เลยตอบโจทย์มาก ถูกและดีจริง 
✨สุดท้ายมาที่งานปาก เขียนขอบปากด้วย Heart percent สี 06 rose beige ให้ขอบปากดูฟุ้งๆ ไม่เป็นเส้น ยี่ห้อนี้เป็นดินสอเขียนขอบปากที่ดังสุดในเกาหลีแล้ว ละมีหลายสีให้เลือกมาก มีทั้งหมด 20 สีอ่ะ คิดดู 
✨ต่อด้วยทาลิปสติกของ Tom ford รุ่น Lip color สี 13 Slip ทั่วปาก ชอบเนื้อลิปมาก นุ่ม ลื่น เกลี่ยง่าย สีชัด เม็ดสีแน่น สีนี้เป็นสีชมพูที่ไม่นู้ดมาก ทาแล้วไม่ป่วย ไม่อมม่วง ทาแล้วไม่ป่วย ดูสุขภาพดี ทาเป็น everyday look ก็ได้ 
✨ปิดท้ายด้วย lip glow gel tint ของ Hince สี Raw rose ทาแต่กลางปาก สีนี้เป็นสีสำหรับสาว warm tone เลย 

จบแล้วค่าสำหรับลุคนี้ ใช้เวลาแต่งรวมๆ ประมาณ 1 ชม.นิดๆ เพราะต้องประณีตนิดนึง การลงเมคอัพให้ไม่เป็นคราบคือเวลาทาสกินแคร์หรือเมคอัพที่เป็นครีมให้รอให้แห้งก่อนค่อยลงชั้นต่อไป ต้องใจเย็นๆ นิดนึง รู้สึกการเรียน personal color + คลาสแต่งหน้าไปด้วยช่วยได้เยอะมากๆ เลย 

#กุมภามารีวิว #ซื้อเองรีวิวเอง #แต่งหน้าออกงาน #แต่งหน้าไปงานแต่ง

Discussion (3)

สวยมากค่ะ
ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ