ชาวเน็ทข้องใจ เพราะอะไร จึงไม่ใช้ Conservatorship กับ Kanye West

ข่าวคราวพฤติกรรมของ Ye ทำให้ชาวเน็ทลงความเห็นว่า toxic ยากที่จะกู่กลับ เนื่องจากแร็พเพอร์ผู้อื้อฉาวยังไม่มีทีท่าจะยุติใช้คำพูดระรานและหมิ่นประมาทคนอื่นแต่อย่างใด ซึ่งสันนิษฐานกันว่า กลุ่มคนดังที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของ Ye ยังคำนึงถึงปัญหา mental health หรือความผิดปกติบางอย่างที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ Ye ล้ำเส้นผู้อื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเลือกที่จะไม่ดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้

หลายฝ่ายแสดงความกังวลใจว่า หากยังเพิกเฉยปล่อยให้ Ye ใช้ hate speech ทำร้ายคนอื่นต่อไปโดยไม่มีใครก้าวมาแทรกแซง แฟนๆที่ขาดวิจารณญาณในการแยกแยะอาจจะเห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมเสื่อมเสียและเลียนแบบการกระทำก่อความเดือดร้อนในสังคม นำมาสู่การตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้ conservatorship เพื่อป้องกันไม่ให้เขาสร้างความเสียหายไปเกินกว่านี้


 ตัวอย่างวีรกรรมเพียงบางส่วนที่ทำให้ชาวเน็ทข้องใจว่า ควรแล้วหรือที่จะปล่อยไว้เช่นนี้?


  • ภาพที่ Ye ให้สัมภาษณ์ระหว่างสวมใส่หมวกคลุมทรงแหลมสูงคล้ายกับสัญลักษณ์ของ Ku Klux Klan (กลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มผิวขาวหัวรุนแรงเพื่อต่อต้านคนต่างสีผิวต่างศาสนาซึ่งพวกเค้าเชื่อว่าเป็นชนชั้นต่ำกว่าตัวเอง เคยก่อเหตุรุนแรงรวมถึงสังหารคนผิวดำมาแล้ว) ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า Ye ก็ยังเป็น Ye จึงไม่ควรให้ราคากับการจงใจแต่งกายยั่วยุสร้างความขัดแย้ง แต่ก็ยังมีเสียงเตือนว่า นี่คือการแสดงออกที่เป็นอันตรายต่อสังคม ไม่ต่างจากตอนที่เขาประกาศตัวเป็นนาซีและโจมตีชาวยิวโดยที่อ้างหลัก free speech ไม่แยแสคำประนามจากสังคม เมื่อแบรนด์ดังตัดความสัมพันธ์ ก็กล่าวหาอีกฝ่ายสารพัดเพื่อยกให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งที่ในช่วงก่อนที่จะแสดงความเห็นเหยียดชาวยิวและบูชาลัทธินาซี เขาประสบความสำเร็จรับส่วนแบ่งรายได้มากมายจากการสร้างแบรนด์ Yeezy และน่าจะรักษาสถานะหุ้นส่วนธุรกิจที่มั่นคงไปได้อีกนานหากไม่ลงมือทำลายมันซะไปเอง

  • ไม่เพียงแต่จะด่ากราดไปถึงลูกแฝดของ Jay Z และ Beyonce ว่าเป็นเด็กพิการทางสมอง แม้แต่เด็กไร้เดียงสาที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเองก็ยังเลี่ยงไม่พ้น จากที่ Ye ประกาศว่า เขาทำผิดพลาดที่มีความสัมพันธ์กับ Kim เพราะเขาไม่ได้อยากจะมีลูกกับเธอ  นั่นหมายความว่า เด็กๆจะต้องเติบโตขึ้นมารับรู้เรื่องราวน่าหนักใจนี้ Ye ยังพยายามสร้างกระแสด้วยผลงานที่ดึงลูกสาวคนโตของเขามา featuring ในเพลงที่เริ่มต้นด้วยเทปบันทึกเสียงบทสนทนาของเขากับ Diddy ส่งผลให้ Kim ต้องเร่งสกัดกั้นผลงานดังกล่าวทันที การตัดสินใจนำชื่อลูกสาวไปพัวพันกับผู้ต้องสงสัยคดีล่วงละเมิดทางเพศและค้ามนุษย์ทำให้ชาวเน็ทรู้สึกหวาดหวั่นถึงผลกระทบทางจิตใจและสวัสดิภาพของเด็กๆในอนาคต เพราะไม่มีใครการันตีได้เลยว่า เขาจะไม่ยัดเยียดตราบาปให้กับลูกๆอีก

  • Ye มีประวัติระราน Pete Davidson คู่ควงคนใหม่ของ Kim เมื่อ 4 ปีก่อน แม้เขาจะไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ก็ได้แสดงความรุนแรงผ่านผลงาน music video ที่น่าขนลุก ใช้ถ้อยคำเหยียดหยามต่างๆนานา และยังเรียกร้องให้แฟนๆของเขาให้ออกตามหา Pete แล้วตะโกนด่าออกมาดังๆ นั่นคือการใช้อิทธิพลความโด่งดังในทางที่ผิดอย่างชัดเจน

  • หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป้าหมายที่ Ye มุ่งร้ายคอยราวีแบบกัดไม่ปล่อยคือกลุ่มคนที่เขาผูกใจเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นอดีตเพื่อนซี้ที่ตัดความสัมพันธ์ไม่ยอมมาข้องเกี่ยวแม้ว่าเขาจะร้องขอสักกี่ครั้ง ภรรยาเก่าที่เขาเคยตามง้อขอคืนดี แต่เธอไม่คิดจะหวนกลับไปถูกควบคุมบงการเหมือนเดิม รวมถึงศิลปินร่วมวงการที่เขามองเป็นคู่แข่ง แม้ว่าจะเคยพรรณนาถึงคนกลุ่มนี้ในแง่ดีสักแค่ไหน แต่หากรู้สึกขัดใจขึ้นมา ก็จะหาทางยั่วยุเรียกร้องความสนใจจากคู่กรณี เห็นได้ชัดจากการปล่อยข่าวโจมตีครอบครัว Kardashian และสร้างความอับอายให้กับพวกเค้าด้วยการนำแชทส่วนตัวมาเปิดเผยหลายครั้งหลายหน และยังกล่าวหา Kim ว่า กีดกันไม่ให้ลูกๆได้พบพ่อ เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาอ้างว่า ตั้งแต่ขึ้นปีนี้มา ก็ยังไม่ได้เจอหน้า Saint แต่มีภาพยืนยันชัดว่า เขาอยู่กับลูกชายคนกลาพร้อมกับลุกอีกสองคนที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นปีนี้ ชาวเน็ทหลายคนโอนเอียงไปฝ่าย Kim เมื่อพิจารณาจากสารพัดเรื่องชวนปวดหัวของอดีตสามี หากเธอจะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องสิทธิ์การเยี่ยมเพื่อปกป้องเด็กๆก็เป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้

ชาวเน็ทเปรียบเทียบกับกรณี Britney Spears ที่ตกอยู่ภายใต้ conservatorship ถึง 13 ปี


ชาวเน็ทจำนวนมากก็ปักใจเชื่อว่า การบำบัดรักษาโรคทางจิตเวชคือหนทางที่จะช่วยให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อตัวเองและคนอื่น แต่เมื่อเขาปฏิเสธการใช้ยาและก่อวีรกรรมหนักข้อขึ้นทุกที จึงมีผู้เปรียบเทียบกับกรณีของ Britney Spears ที่ต้องถูกจำกัดสิทธิ์ภายใต้ conservatorship ถึง 13 ปี

จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต Britneyเกิดขึ้นหลังจากที่เธอถูกแสดงพฤติกรรมที่ดูไม่อยู่กับร่องกับรอยหลังจากแยกทางกับสามี ส่งผลให้สูญเสียสิทธิการเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองและถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการประเมินทางจิตเวชและตรวจสารเสพติด-สุราสองครั้งติดต่อกันในปี 2008 พ่อของเธอจึงยื่นคำร้องต่อศาลให้ออกคำสั่งแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้พิทักษ์ดูแล Britney ที่อยู่ในสภาวะเสมือนไร้ความสามารถเป็นเวลาชั่วคราว แต่มันกลับกลายเป็นฝันร้ายของ Britney เพราะเธอเกือบจะต้องตกอยู่ในสภาพไร้อิสระอย่างถาวร ทั้งๆที่เธอยังมีความสามารถสร้างรายได้จากการทำงานเพลงใหม่ เดินสายทัวร์รอบโลก และประสบความสำเร็จจาก concert residency ใน Las Vegas จนได้ต่อสัญญา

แต่ทางกฎหมาย Britney กลับเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถที่ไม่มีอิสระในการเข้าถึงทรัพย์สินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองและถูกจำกัดสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตัวเองหลายประการ จนในที่สุด เธอตัดสินใจต่อสู้จนหลุดพ้น conservatorship ไปได้ แม้เธอจะเคยระบายความคับแค้นใจคนในครอบครัวที่มีเรื่องบาดหมางกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่เป็นพิษภัยต่อใคร และยังพยายามรักษาอาการเจ็บป่วยทาง mental health แม้การแสดงออกทาง social media ของ Britney จะสร้างเสียงวิจารณ์ไปต่างๆนานา แต่แฟนๆก็ร่วมให้กำลังใจให้เธอค้นพบเส้นทางสู่ความสุขที่ยั่งยืน

เมื่อเปรียบกับ Ye ที่ประกาศหยุดใช้ยารักษา Bipolar เพราะเชื่อมั่นว่า ตัวเองได้รับการวินิจฉัยแบบผิดๆ และแพทย์คนใหม่ได้วินิจฉัยว่า เขามีอาการออทิสติก แต่กลับมีเสียงแย้งจากโลกออนไลน์ว่า ทุกครั้งที่เขาทิ้งระเบิดความเกรี้ยวกราดในโลกออนไลน์ น่าจะเป็นสัญญาณที่สื่อถึงอารมณ์คลุ้มคลั่งหรือ (Manic Episode) และไม่ว่าเขาจะมีอาการออทิสติกจริงหรือไม่ ก็ไม่สามารถนำสิ่งนี้มาเป็นข้ออ้างในการเหยียดชาวยิวและทำร้ายจิตใจผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า พฤติกรรมของ Kanye มีพิษภัยยิ่งกว่า Britney ที่เคยผ่านวิกฤติ mental breakdown จนถูกควบคุมชีวิตถึง 13 ปี

  • Ye เคยมีอาการ mental breakdown ระหว่างอยู่ใน gym จนถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยการใช้มาตรการภาวะฉุกเฉินทางจิตเวช และต้องอยู่ในโรงพยาบาล 9 วัน เนื่องจากมีอาการหวาดระแวงอย่างหนัก (หลายปีต่อมา เขากล่าวหา เทรนเนอร์ออกกำลังกายและแพทย์ประจำตัวของเขาว่า รวมหัวกันเพื่อลากเขาเข้าแผนกจิตเวช เนื่องจากทั้งสองเป็นชาวยิว แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายปีก่อนที่เขาจะสร้างเรื่องฉาวโฉ่จากคอมเมนท์เหยียดชาวยิวใน social media เสียอีก)
  • อดีตผู้จัดการการหาเสียงเลือกตั้งที่ร่วมงานกับ Ye ระหว่างสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีออกมาแฉพร้อมหลักฐานข้อความแชทว่า Ye ติด Nitrous Oxide หรือแก๊สหัวเราะ ซึ่งฤทธิ์ของมันได้เปลี่ยนพฤติกรรมของเขาราวกับเป็นคนละคน และไม่กี่ปีก่อน Ye เคยยอมรับเรื่องปัญหาติดยา opioid มาแล้ว
  • Ye เคยข่มขู่ชายคนใหม่ของอดีตภรรยา สื่อรายงานว่า Pete Davidson จะต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดมาคุ้มกัน แม้แต่ตอนที่ Kim ประชุมงานกับ Meek Mill ในห้องอาหารโรงแรมที่มีคนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ก็ถูก Ye พลิกเรื่องราวกล่าวหาว่า เธอนัดแร็พเพอร์รุ่นน้องไปหาที่โรงแรมอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ เมื่อเขาประกาศว่า เคยจับ Kim ตอนอยู่กับชู้อีกคนได้ เธอก็ได้แต่อธิบายอย่างเหนื่อยใจว่า การกล่าวหากันด้วยเรื่องเท็จเป็นแพทเทิร์นพฤติกรรมของ Ye ไปแล้ว และมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ Kim เลือกที่จะไม่เปิดเผยเรื่องคู่ควงคนใหม่
  • อดีตพนักงานหรือแม้กระทั่งศิลปินร่วมวงการพูดตรงกันว่า ต้องอึดอัดคับข้องใจเพราะ Ye ล่วงละเมิดเปิดภาพลามกให้ดู ถึงขนาดมีคลิปยืนยันว่า เขาเคยโชว์หนังโป๊ให้ผู้บริหาร Adidas ดูระหว่างการประชุมพวกเค้าสะดุ้งตกใจ และเขาเคยประกาศชัดเจนว่า เสพติดสื่อลามกมาตั้งแต่เด็ก
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า หากศาลตัดสินให้ Britney เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้พิทักษ์ ก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับ Ye ที่ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน นักแสดงตลก DL Hughley ถึงกับฟันธงว่า หาก Ye เป็นผู้หญิง เขาคงถูกจำกัดสิทธิในการตัดสินใจเหมือนกับที่ Britney ถููกกระทำมาแล้ว



Ye เข้าข่ายการใช้ conservatorship หรือไม่?

ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่า สถานการณ์ของ Britney มีความแตกต่างจาก Ye เนื่องจากเธอถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ไม่มีความสามารถจัดการการเงินและกิจการส่วนตัวด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่า จู่ๆ ศาลจะแต่งตั้งผู้พิทักษ์โดยไร้ที่มาที่ไป ครอบครัวของ Britney คือฝ่ายที่ก้าวเข้ามาเพื่อร้องขอต่อศาลเพื่อทำหน้าที่นี้ ทั้งยังต้องรับฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ แม้เธอจะไม่เต็มใจก็ตกอยู่ในสภาวะจำยอม

ส่วน Ye สูญเสียพ่อแม่ไปแล้วทั้งสอง นอกจากลูกๆที่เป็นผู้เยาว์ ครอบครัวคนสนิทที่สุดคือภรรยาปัจจุบันที่ไม่ได้แสดงความต้องการเข้ามาแทรกแซงเพื่อให้มีการแต่งตั้งผู้พิทักษ์ นอกเหนือจากนั้น เกณฑ์การตัดสินว่าผู้ใดจำเป็นต้องมี conservatorship ก็มีความเข้มงวด จะต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐานชัดเจนว่า บุคคลดังกล่าวบุคคลดังกล่าวไม่สามารถตัดสินใจได้เองอย่างเหมาะสมเพื่อจัดการสำคัญ แม้การแสดงออกของ Ye จะทำให้เกิดความวิตกกังวล แต่ในทางกฎหมาย มันอาจจะไม่เสี่ยงต่อสวัสดิภาพถึงระดับที่จะได้รับการตัดสินให้อยู่ภายใต้ conservatorship


ท่ามกลางเสียงก่นด่าและข้อสงสัยเกี่ยวกับ mental health ของ Ye ยังมีกลุ่มคนที่เชื่อว่า พฤติกรรมที่ดูสวนกระแสและหลุดโลกชวนตระหนกมาจากการวางแผนการตลาดแบบ “Any press is good press.” เพราะแม้ว่าเขาจะถูกมองติดลบหรือรับผลกระทบจาก cancel culture จนหุ้นส่วนธุรกิจหายวับ แต่เมื่อคิดหา project ใหม่มานำเสนอ ก็สามารถแย่งซีนได้เสมอ เห็นได้จากตอนควงคู่ภรรยาที่สวมชุดโปร่งใสประดุจเปลือยกายมาเดินพรมแดง Grammy เขาก็อวดอ้างถึงความสำเร็จที่สามารถปั้นให้ภรรยากลายเป็นผู้ที่ถูกค้นหาทาง Google มากที่สุด  จนมีเสียงวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าหรือปลาบปลื้มแร็พเพอร์ฉาวก็ต้องยอมรับว่า Ye คืออัจฉริยะทางการตลาด ยิ่งป่วนสังคมแบบไม่หวั่นว่าจะเป็นใครหน้าไหน ก็ยิ่งสร้างเสียงกล่าวขวัญให้กระหึ่ม

อาจจะมีเสียงแย้งว่า Ye เพียงแต่แชร์ความเห็นที่ไร้สาระ หลายครั้งก็กลับกลอกไปมาไม่น่าเชื่อถือ และไม่ควรไปใส่ใจจริงจัง หากเลิกให้ความสนใจก็จะเหมือนกับคนที่ตีอกชกลมอยู่ฝ่ายเดียว แต่ประสบการณ์ชีวิตทำให้พวกเราเรียนรู้ว่า คำพูดมีอานุภาพในการทำลายล้างสูง แต่ใครเล่าที่จะปรามให้เขาตระหนักถึงผลกระทบจากคำพูดตัวเองได้?

Discussion (3)

ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ
ขอบคุณค่ะ