Kris Jenner เผยไม่กั๊ก ชี้ตัวตนหมอที่เนรมิตหน้าใหม่สุดไฉไล

ชาวเน็ตอาจจะไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายนักเมื่อได้ยินการคอนเฟิร์มว่า นายแพทย์ผู้ที่เนรมิตลุคใหม่สวยพริ้งให้กับคุณแม่ผู้จัดการชื่อดัง คือคนเดียวกันที่เคยมีกระแสข่าวลือเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนโฉมให้กับ Lindsay Lohan, Brad Pitt และ Demi Moore

เขาคือใครกันนะ?

ไม่กี่เดือนก่อน ภาพความงามของ Lindsay Lohan ได้สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนจนเกิดคำถามถึงแพทย์เจ้าของผลงานอื้ออึงโลกออนไลน์ ใครบางคนก็ได้ปล่อยข่าวชี้ตัวตนไปยัง Dr. Steven Levine แพทย์ศัลยกรรมความงามที่สร้างชื่อกระฉ่อนด้วยเทคนิคการดึงหน้าสร้างความอ่อนเยาวที่ดูเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันแน่ชัดจาก Lindsay แต่มีรายงานว่า นางเอกสาวกดติดตามบัญชีทาง Instagram ของเขา และก่อนหน้านี้ก็เคยมีเสียงเม้ามอยว่า นายแพทย์ชื่อดังแห่ง NYC ได้ผ่าตัดดึงหน้าให้กับ Brad Pitt จนแทบดูไม่ออกว่าเขาอายุเหยียบเลข 6 แล้ว รวมถึง Demi Moore ที่เคยถูกชาวเน็ทจิกกัดมาก่อนว่า โครงหน้าดูผิดสัดส่วนจากการทำศัลยกรรมที่ผิดพลาด ก็มีคนอ้างชื่อของ Dr. Steven Levine ขึ้นมาอีกครั้งว่า เขาอาจจะเป็นผู้ที่ผ่าตัดแก้ไขให้ Demi ให้กลับงามเฉิดฉาย ซึ่งนักแสดงชั้นนำเหล่านี้ต่างนิ่งเงียบต่อข่าวลือ ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ทำให้หลายฝ่ายปักใจใช่แน่! 

ชาวเน็ตหลายคนอาจจะกลอกตาเบาๆ เมื่อสาวๆบ้าน Kardashian - Jenner ยืนกรานว่า รูปโฉมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างได้ชัดนั้นไม่ได้มาจากคมมีดหมอ เนื่องจากคนเหล่านั้นเชื่อว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป การแสดงความจริงใจชัดเจนเรื่องการสร้างเสริมความมั่นใจด้วยการศัลยกรรมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกมองในแง่ลบอีกต่อไป  ตรงกันข้าม หากคนดังตรงไปตรงมาเรื่องนี้ แฟนๆจะยิ่งชื่นชมและยกให้เป็นแรงบันดาลใจเรื่องความงาม หากพวกเค้าอยากเก็บเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้โลกได้รับรู้ ก็นิ่งเฉยบอก no comment ก็พอ ไร้ความจำเป็นที่จะยืนกรานว่า สวยตามธรรมชาติ หรือบ่ายเบี่ยงสาเหตุที่ดูแตกต่างออกไป โดยเฉพาะที่มักจะมีการเปรียบเทียบภาพ Before - After ที่ค้านกับสายตาชาวเน็ต

(Kim ประกาศว่า เธอฉีดเพียงโบท็อกซ์มาบ้างและไม่เคยทำจมูกหรือศัลยกรรมอื่นๆ และเคยโชว์ผล X-ray ยืนยันว่า เธอไม่เคยเสริมก้นด้วยซิลิโคน, Kylie โต้กลับข้อสงสัยของชาวเน็ทว่า ปากของเธออวบอิ่มขึ้นผิดตาด้วยเทคนิคการเขียนขอบปาก ไม่ใช่สารเติมเต็ม แต่หลังจากที่เธอยอมรับเคลียร์ใจในภายหลังว่า ทำมาจริงๆ ก็กลายเป็นผู้นำเทรนด์ฉีดปากและสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงามจนร่ำรวย ส่วนข่าวลือเรื่องเสริมหน้าอก Kylie ก็แจงว่า อึ๋มขึ้นแค่ชั่วคราวเพราะเมนส์มา แต่หลายปีต่อมาก็ยอมรับว่า เธอไปผ่าตัดอัพขนาดเต้ามาตอนอายุ 19 จริงๆ ส่วน Khloe บอกปัดการจ้องจับผิดเรื่องเสริมก้นด้วยวิธี BBL ว่า นั่นเป็นเพียงข่าวลือ ส่วนเรื่องยกเครื่องหน้าใหม่จนดูเป็นคนละคนก็ไม่ใช่ความจริง เพราะเธอเคยทำจมูกครั้งเดียวเท่านั้น)

แต่การปกปิดและเฉไฉไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของคุณแม่ยอดผู้จัดการระดับตำนานอย่าง Kris Jenner เพราะเจ้าตัวชัดเจนถึงขนาดขึ้นเตียงผ่าตัดต่อหน้ากล้องถ่ายทำ reality show ครอบครัวซะด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการดึงหน้าครั้งแรกในวัย 55 เสริมหน้าอก จนไปถึงผ่าตัดติ่งหูให้เล็กลง แม่ Kris ก็ชัดเจนแทบทุกอย่าง

แต่หลายปีที่ผ่านมา เสียงตอบรับเรื่องเส้นทางสู่ความงามเยาว์วัยของแม่ Kris นั้นดูตรงกันเซเลบรุ่นใหญ่อีกหลายที่ถูกแซะว่า ทำมากเกินไปจนดูปลอม ดังที่รู้กันว่า ชาวเน็ตและแทบลอยด์ไม่เคยวิจารณ์กันอย่างอ่อนโยน หลายครั้งที่เธอปรากฏตัวในอีเวนท์ก็ต้องถูกจับผิดว่า ใบหน้าที่แท้จริงของเธอดูห่างไกลจากภาพที่ใช้ filter รูปทรงรูจมูกเบี้ยวจากการศัลยกรรมที่ผิดพลาด โครงสร้างใบหน้าแปลกไปเพราะฉีดสารเติมเต็มจนล้น โดยเฉพาะโหนกแก้มพุ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ซึ่งแม้แต่เซเลบผู้ร่ำรวยก็อาจจะประสบกับผลลัพธ์ไม่พึงใจจากการศัลยกรรมจนอาจจะต้องผ่าแก้ไขซ้ำๆ และยังมีคอมเมนท์เสนอแนะให้เธอเลือกหมอคนใหม่ที่มีฝีมือดีกว่านี้

แต่ช่วงไม่นานมานี้ ชาวเน็ทต่างจับตามองถึงลุคใหม่ของแม่ Kris และลงความเห็นว่า เธอดูสวยสดใสดูเป็นธรรมชาติกว่าเมื่อก่อนอย่างผิดหูผิดตา และแม้จะเป็นภาพการปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนแบบไร้ filter ก็ดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนชัดเจน เดากันแทบไม่ถูกว่า แม่จะอายุครบ 70 ในปีนี้แล้ว! โลกออนไลน์กระหึ่มไปด้วยเสียงวิจารณ์และการตั้งคำถามว่า เธอจะต้องค้นพบแพทย์ศัลยกรรมฝีมือขั้นเทพที่ช่วยให้ย้อนวัยได้จริงๆ และเค้าคนนั้นคือใคร?? (เผื่อจะลอกการบ้าน!) จากนั้นไม่นาน สื่อชื่อดัง Pagesix และ People ก็ได้ยืนยันว่า Dr. Steven Levine ผู้มีชื่อเสียงในกลุ่มคนดังระดับ A-List นี่แหละคือเจ้าของผลงาน

หลังจากที่หน้าใหม่ของแม่ Kris กลายเป็นไวรัล ตัวแทนของเธอก็ส่งแถลงการณ์ยืนยันว่า Dr. Steven Levine คือผู้ผ่าตัดจริงๆ แต่ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นการศัลยกรรมเสริมความงามวิธีใด ข้อสันนิษฐานส่วนใหญ่ของขาวเน็ตนั้นชี้ไปทางเดียวกันว่า น่าจะเป็นงานดึงหน้าและลำคอที่เป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุณหมอคนนี้

บางคนตั้งข้อสังเกตว่า เขามีวิธีนำเสนอตัวเองแบบเงียบเชียบผิดคาด เพราะถึงจะมีข่าวลือฮือฮาว่า เขาช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับคนดัง แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะแสดงตัวเพื่อเคลมเครดิต บัญชีทาง social media ก็มีความเคลื่อนไหวไม่มากนัก มีเพียงการอัพเดทบทให้สัมภาษณ์กับสื่อและการเสวนาเรื่องเทคโนโลยีใหม่ในการศัลยกรรมและหัตถการต่างๆ ไม่ได้ปรากฏภาพคู่กับคนดังบ่อยๆ แต่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งหนึ่งในศัลยแพทย์ตกแต่งที่เก่งฉกาจมากที่สุดใน New York  โดยเฉพาะความโดดเด่นเรื่องศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างเพื่อความสวยงามดูเป็นธรรมชาติ และในตอนนี้ แม้ว่าคุณหมอจะไม่ได้อัพเดท Instagram มาพักใหญ่ แต่ชาวเน็ตก็เข้าไปชื่นชมผลงานของเขากันรัวๆ

reaction จากชาวเน็ต

"เขาคือหมอศัลยกรรมพลาสติกที่ร้อนแรงที่สุดแห่งนาทีนี้ เป็นเพราะลุคใหม่ของ Kris แท้ๆ"

"คุณหมอที่ใครๆก็กล่าวขวัญ ผลงานน่าประทับใจจัง"

"ตอนแรกคุณก็ดังในสายงานศัลยกรรมเพื่อความงามอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าคุณปั้นหน้าใหม่ให้กับ Kris Jenner เตรียมตัวพร้อมรับคนไข้ที่จะแห่แหนมาหาได้เลย"

"อย่าเพิ่งขึ้นราคานะหมอ!"

"คุณหมอช่วยมาโปรดพวกเราทุกคนด้วยเถอะ!"

"ขอเป๊ะเหมือนกับ Kris Jenner ด้วยคน"

"Instagram ของคุณกำลังลุกเป็นไฟ! Kris สวยเริ่ดไปเลย งานดีมากค่ะหมอ!"

จากเดิมที่มาตรฐานความงามทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจที่ถูกด้อยค่าเรื่องรูปโฉมที่ร่วงโรยตามวัย และหันไปพึ่งพาการศัลยกรรมยกกระชับและหัตถการต่างๆเพื่อทวนเข็มนาฬิกาแห่งวัยชรา แต่ในบางครั้ง ผลลัพธ์ของการผ่าตัดอาจจะยังไม่ตรงใจนักวิจารณ์ หรือทำหัตถการมากและถี่เกินไปทำให้ใบหน้าดูแน่นตึง ขาดความเป็นธรรมชาติ ดึงดูดคำพูดเปรียบเปรยเย้ยหยันไปต่างๆนานา เช่น ทำหน้าจนแข็งปลอมราวกับใส่หน้ากาก ฉีดหน้าจนล้นดูเป็นรูปหมอน (pillow face) หรือบวมตุ่ยราวกับแก้มตัว chipmunk

แม้จะมีผู้ชี้ว่า มุมมองความงามเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล ไม่ควรใช้มาตรฐานของตัวเองไปกะเกณฑ์ผู้อื่น แต่เหล่าคนมีชื่อเสียงก็มักตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการทำศัลยกรรมที่ดูเยอะสะดุดตาจนมองออกได้ในแว้บแรก มาถึงทุกวันนี้ แทนที่จะโฟกัสกับการลบเลือนริ้วรอยและเพิ่มความเต่งตึงแบบจัดหนัก aesthetic ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คือความ glow-up ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า ความสวยด้วยมีดหมอ (และปลายเข็ม) ที่ดูแนบเนียนเป็นธรรมชาติจะสร้างกระแสชื่นชมจากโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม นับว่าเป็นวิธีการ rebrand ที่นำไปสู่ความสำเร็จได้อีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Dr. Steven ย้อนไปเมื่อสถานการณ์โรค Covid ระบาดในปี 2020 เขาได้เปิดเผยกับนิตยสาร People ว่า สนนราคาค่าใช้จ่ายของการดึงหน้าเริ่มต้นที่ $45,000 (ตีเป็นเลขกลมๆ ประมาณ 1,460,000 บาท) ขึ้นไป ความต้องการของผู้ใช้บริการพุ่งสูงจนต้องจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อรับสายและจัดคิว ถึงขั้นที่เคยมีลูกค้ากระเป๋าหนักเสนอให้เขาเข้าพักใน Hamptons บ้านพักตากอากาศในชุมชนเศรษฐียาวหนึ่งเดือนและเพิ่มเงินจูงใจให้เขายอมฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาล แอบปิดคลีนิคทำศัลยกรรมและหัตถการในช่วงที่ต้องปฏิบัติตามกฎกักตัวที่บ้าน (เขาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว)

ตัว mom ให้เครดิตขนาดนี้ โทรศัพท์ที่คลีนิคคงดังไม่หยุดจนคุณหมออาจจะต้องจ้างพนักงานเพิ่มอีกครั้ง