ก็เพราะชั้นสวย ชั้น (ถึง) เลือกได้!
~บุลภรณ์~115ตั้งหัวกระทู้ได้สิ้นคิดมาก นั่งเขียนเนื้อหาใน word ตั้งนาน แต่หัวกระทู้คิดไม่ออก
(ซะงั้น)
กลับมาอีกแล้วค่ะ กลับมาหลังจากโดน ‘เหวี่ยง’ ใส่จนมึนงง (ว่าฉันทำไรผิด)
ก็เลยกลับไปหานู่นนี่มาบอกกันอีกแล้ว เรียกว่า ชอบอ่านมากๆ
ก็เลยชอบนำความรู้ที่อ่านมาบอกกัน หวังว่าดิฉันคงไม่ผิดนะคะ
ช่วงนี้ (จริงๆ หลายช่วงมาแล้วล่ะ) เห็นหลายๆ คน
กำลังลดความอ้วนกันอย่างขะมักเขม้น
โดยส่วนตัวดิฉันไม่ได้ถือว่าอ้วนนะ (คิดเอง)
เพราะตัวสูง ดิฉันสูง 172 หนัก 57 ดูสิ มันเยอะมาก
มากกว่าคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำไป
แถมหลายๆ คนก็โดนต่อว่ากันอย่างหนาหูเหมือนกัน
ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจว่า ไปว่าเขากันทำไม
โดยส่วนตัวแล้วตัวเองก็ชอบคนอ้วนนะ
บ้านเรามีแต่คนอ้วนๆ ด้วยซ้ำไป
เราก็เลยไม่ชอบให้ใครมาดูถูกคนอ้วนเท่าไหร่
รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนทุกที
เราว่าคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะกว่าเกณฑ์
เขาสุขภาพจิตดีกว่าคนผอมๆ หลายๆ คนด้วยซ้ำ
คนที่น้ำหนักเยอะกว่าเกณฑ์บางคนชอบดูหุ่นนางแบบแล้วมาติหุ่นตัวเอง
ติเสร็จสุขภาพจิตห่อเหี่ยว ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
สู้เราไปคิดว่า เออ... เราชักจะน้ำหนักเยอะเกินไปแล้วนะ
เดี๋ยวโรคนั่นนี่จะถามหาเรานะ ออกกำลังกายบ้าง เดินเที่ยวเล่น
ทานนู่นนี่ตามที่เราชอบบ้าง สุขภาพจิตดีกว่าเยอะ
เหมือนสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดี
เมื่อจิตใจมีสุขภาพดี ความสวยก็จะเปล่งประกายออกมาทางร่างกาย
แถมความสวยจากภายในอยู่กับเราได้นานกว่าสวยเพียงแค่
‘เปลือก’
มากนัก
มาดูเรื่องผิวๆ กันสักหน่อย
ผิวมี 3 ชั้น
ผิวชั้นนอก : เป็นผิวที่อยู่นอกสุด แบ่งเป็นชั้นย่อยๆ อีก 5 ชั้น
โดยผิวชั้นนอกสุดจะเป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ซึ่งจะหลุดลอกออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเซลล์ผิวข้างใต้ดันตัวขึ้นมาแทน
ผิวชั้นกลาง : เป็นชั้นผิวที่ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกันไปมา
ซึ่งก่อตัวขึ้นจากคอลลาเจนและอิลาสติน
ผิวชั้นใน : เป็นชั้นผิวที่ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและเนื้อเยื่อไขมัน
นอกจากนี้ ยังมีเส้นใยจากผิวหนังชั้นกลางโยงใยมาถึงผิวชั้นล่าง
และทำหน้าที่ยึดผิวหนังเอาไว้ ส่วนผิวชั้นล่างนี้จะยึดอยู่กับ
เนื้อเยื่อด้านล่างและอวัยวะต่างๆ
ความร่วงโรยของผิวมีอยู่หลายปัจจัยที่เร่งให้ผิวของเราร่วงโรยได้เร็วขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม สภาพผิวตามธรรมชาติ การโดนแดดและการสูบบุหรี่
ก็เป็นผลทำให้ผิวร่วงโรยได้เร็วขึ้นเช่นกัน
คนผิวขาวจะเกิดรอยเหี่ยวย่นได้เร็วกว่าคนผิวคล้ำ
เพราะคนผิวคล้ำได้รับการปกป้องจากปริมาณเม็ดสีผิวบนผิวหน้ามากกว่าคนผิวขาว
นั่นแน่ คนผิวคล้ำๆ อย่างเรา เริ่มดีใจในผลดีของมันแล้วใช่ไหมละคะ
มาดูกันว่าสาวๆ หนุ่มๆ เลขไหนควรดูแลผิวกันยังไงบ้างค่ะ
*ยิ่งหนุ่มคนนี้ยิ่งอยากดูแล ตอนนี้กำลังจ้อง (ตาเป็นมัน) อยู่ว่า ตรงนั้นขนหรือ
รอยสัก เอ๊ะ หรือจะ... ดูดี
อ๊ะ... คิดไรน่ะ
ฮ่าๆ
(เดี๋ยวมีเสียงตามมา คิดเหมือนแกแหละว้า 555+)
เลข 2
เป็นช่วงเวลาที่ผิวเปล่งปลั่งสดใสมากที่สุด
สิวที่เป็นเมื่อสมัยวัยรุ่นก็เริ่มหายไป ผิวชั้นนอกดูเรียบเนียนมากขึ้น
แต่อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะการผลัดเซลล์ผิวของช่วงเลข 2 นี้
จะทำงานลดลงถึง 28% ทำให้เริ่มเห็นริ้วรอยเล็กๆ
จากการแสดงอารมณ์ เช่นที่มุมปาก ตรงคิ้ว เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
ริ้วรอยเล็กๆ มันจะกลายพันธ์เป็นตีนกา เหยียบย้ำซ้ำเติมเราได้
-ถ้ายังไม่เริ่มทาครีมกันแดด เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายค่ะ
และการทาครีมกันแดดนี้จะต้องทำเป็นประจำ เพราะอย่างที่บอกว่า
แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญของความแก่ เนื่องจากรังสี UVA
มีอำนาจทะลุทะลวงสูง เข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน
ในผิวชั้นกลางเสียหาย
-ต่อสู้กับอนุมูลอิสระ
เราสามารถทานหรือใช้ครีมที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
หรือแอนตี้ออกซิแดนส์ได้ อย่างเช่น วิตามินซี อีและสารสกัดจากเม็ดองุ่น
ช่วยเพิ่มความกระชับให้แก่ผิวได้
-อย่าลืมใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
โดยเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
ป้องกันการเกิดสิวที่เกิดขึ้นในวัยนี้ แล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆ ค่ะ
เลข 3
กระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะทำงานช้าลง เพราะปัจจัยทางสภาพแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ ฝุ่นควัน และแสงแดด
ในผิวชั้นกลางเส้นใยคอลลาเจนเริ่มหย่อนตัว
ขาดความตึงกระชับ และพัฒนาไปเป็นริ้วรอยเล็กๆ ไปจนถึงเหี่ยวย่น
ต้องขยันดูแลผิวให้มากขึ้นกว่าเดิม
ทำความสะอาด เติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการทามอยเจอร์ไรเซอร์
ซึ่งควรหันมาใช้ให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ลองมองหาส่วนผสมอย่างกรดไฮยาลูรอนิก
มาช่วยเก็บกักน้ำไว้บนผิว แล้วอย่าลืมปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดเช่นเดิม
-ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
หรือจะใช้วิธีทาครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระก็ได้
วิตามินพวกนี้ช่วยให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง คงความชุ่มชื้นและผลิตเอมไซม์
ที่ทำให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้อย่างคงที่ อาจจะใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ
วิตามินซี อี และชาเขียว
โดยใช้ทาในตอนเช้าก่อนทามอยเจอร์ไรเซอร์ปกติ
-ลดการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผิวแห้ง
ถ้าไม่ระวังก็อาจเกิดริ้วรอยถาวรและขาดความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง
และเช่นเดิม ดื่มน้ำเยอะๆ ค่ะ
-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
และอย่าลืมใช้ไนท์ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ เป็นประจำทุกคืน
เพราะมีการวิจัยว่า ผิวหนังของเราจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นในตอนกลางคืน
ส่งผลให้สารบำรุงต่างๆ ซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น
-ขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
เมื่อกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง
ความหมองคล้ำไม่เปล่งปลั่งสดใจจะมาเยือน
ฉะนั้นก็จำเป็นที่จะต้องช่วยผิวขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วนั้นออกไป
ใช้สครับที่เป็นเม็ดขัดเล็กๆ ขัดเป็นแนววงกลมทั่วใบหน้าแล้วล้างออก
ทามอยเจอร์ไรเซอร์ตามทันทีเพื่อเก็บความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้
เลข 4
ช่วงนี้เส้นใยคอลลาเจนจะลดลงอย่างมาก
เส้นใยอิลาสตินก็ขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น
และในวัยนี้ ผิวก็จะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง ซึ่งเป็นผลดีของคนผิวมัน
แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้ง ก็จำเป็นต้องเติมความชุ่มชื้นลงไปขนานใหญ่
เพราะยิ่งผิวแห้ง ริ้วรอยก็จะยิ่งถามหาค่ะ
-ขัดผิว ไม่จำเป็นต้องขัดบ่อยเกินไป
การขัดผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ทำงานช้าลง
ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมา แต่ไม่ต้องขัดบ่อยจนเกินไป
แค่สัปดาห์ละครั้งก็พอแล้ว ถ้าหากสครับใช้แล้วไม่ได้ผล
เนื่องจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วมากเกินไป
ก็อาจต้องใช้วิธีลอกหน้าด้วยกรด AHA หรือสารเคมีอื่นๆ
(ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนัง)
การทำทรีตเมนต์แบบนี้อาจก่อความระคายเคืองให้ผิวได้
โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่ายยิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ
-เปลี่ยนครีมบำรุงที่ใช้อยู่ให้มีส่วนผสมของวิตามินเอ
อย่างเช่น เรติน-เอ หรือเรตินอลด์
เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยในการสร้างคอลลาเจนบนผิวหนังได้อย่างดี
นอกจากนี้ส่วนผสมที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นานอย่าง
เปปไทด์ก็ได้รับการยืนยันว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
และป้องกันไม่ให้คอลลาเจนสลายตัวด้วย
-ป้องกันแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเช่นเคยค่ะ
และอีกอย่างที่แนะนำคือ การผ่อนคลาย ความเครียดทำให้ผิวแย่ลง
เกิดริ้วรอยและความแก่ ฉะนั้นก็อาจจะไปนวดสปา ไปเที่ยว
หรือคิดอะไรในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นจะมีคำว่า
‘ผู้หญิงคิดบวก ยิ่งสวยขึ้น’ หรือคะ
อีกทั้งการที่เราเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับช่วงอายุและความต้องการของผิว
นั่นก็ช่วยประหยัดเงินไปอีกทางหนึ่งด้วยเหมือนกันค่ะ
การทาครีม
เห็นมีคนถามเยอะมากว่า ครีมนี่ๆ นั่นๆ ทาอะไรก่อนดี
ก็เลยช่วยเรียงลำดับการทามาฝากกันค่ะ
หลังจากล้างหน้าให้สะอาดและเตรียมผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ควรจะเริ่มด้วย
1.ยาแต้มสิว
2.ครีมลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ
3.เซรั่มลดริ้วรอย
4.โลชั่นบำรุง
และปิดท้ายด้วยครีมให้ความชุ่มชื้น อันนี้เป็นเพียงแค่กรณีสมมติเท่านั้น
เอาเป็นว่าหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการทาก็ต้องดูที่เนื้อครีมเป็นหลักค่ะ
ครีมหนามากก็ให้ทาเป็นอันสุดท้ายเพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตันบนใบหน้า
อย่างเช่นเราใช้ของเยอะก็จะเขียนแปะไว้เลย 1,2,3,4
ไม่อย่างนั้นงงแน่ แต่ช่วงนี้หน้าแหกจากอะไรก็ไม่รู้
เป็นผื่นขึ้นที่แก้ม อนาถใจ
ก็เลยไม่ได้ใช้อะไรนอกจากล้างหน้าด้วย tree tea
เช็ดโทนเนอร์ของ LRP ทาวิตามินอี กันแดด
แค่นั้นจบ ไม่กล้าลงเยอะ กลัวพังกว่าเดิม
ส่วนผสมที่ไม่ควรใช้คู่กันเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ก็อย่างเช่น AHA, BHA, Retinol และ Benzoyl peroxide
และหากจะใช้ก็ไม่ควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มี แอลกอฮอล์
เพราะจะเพิ่มความระคายเคืองให้กับผิวได้
หรือถ้าใช้พวก AHA, BHA ก็ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ให้เพียงพอ
และอย่างลืมทาครีมกันแดดด้วย
วิธีทาครีมที่ได้ผลดีที่สุด
ขั้นตอนและวิธีการทาครีมเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
บางคนเทครีมใส่ฝ่ามือแล้วลูบที่ใบหน้าเลย
การทาครีมแบบนี้ทำให้ประสิทธิภาพของครีมลดลง
ควรใช้ปริมาณ 1 ข้อนิ้วแล้ววอร์มครีมก่อนทา
จึงแต้มครีมลงบนใบหน้าจากนั้นใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนาง
เกลี่ยย้อนขึ้นไปในทางเดียวกัน
การทาครีมบริเวณลำคอ ใช้ปริมาณครีมเท่ากับที่ทาใบหน้า
ลูบขึ้น ห้ามลูบลงเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผิวหย่อนยานไปตามแรงโน้มถ่วง
การเก็บรักษาครีม
จำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาฯ
และเพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนจึงต้องเก็บให้ห่างจากแสงแดดส่องถึง
เพราะเมื่อครีมโดนความร้อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
จึงทำให้เสียสภาพได้ การตักครีมควรใช้ไม้พายตัก
การที่เราใช้นิ้วแตะลงไปนั้นไม่รู้ว่านิ้วของเราสะอาดหรือไม่
จะทำให้ครีมติดเชื้อแบคทีเรียได้ หรือจะใช้สำลีใหม่ๆ แทนไม้พายก็ได้
แต่ใช้แล้วต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อความสะอาดนะคะ
...อย่างก ^^
แล้วก็อันนี้เก็บทริกเล็กๆ จากนางแบบในยูทูปค่ะ
เรื่องการเพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับดวงตา
ด้วยการใช้วาสลีนทารอบดวงตาและใช้วิตามินอีแบบออยล์ (เขียนยังไงเอ่ย?)
ทาบริเวณขนตา ช่วยทำให้ขนตาแข็งแรงขึ้น
ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อครีมบำรุงรอบดวงตาแพงๆ เลย
แต่อันนี้เราใช้ Shea butter ทาค่ะ ขนตาไม่ร่วงด้วย ดีจัง
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Elle , Ray Lisa และ youtube ค่ะ
Discussion (15)
ต้อง save เก็บไว้อ่านกันเลยที่เดียว ขอบคุณความรู้มากมายค่ะ
แบบเดียวกัน อิชั้น สูง 175
โอวว นายแบบหล่อมากค่ะ
ขอบคุณพี่เดือนนะคะมีแต่สิ่งดีๆมาแบ่งปันอยู่ตลอดเลย
อยากดูแล น้องผู้ชายคนนั้น ดูกล้ามท้องสิ อิอิ
มีประโยชน์มากกก
ขอบคุณนะคร๊า... ^^