★ ข้อมูลดีๆ ---> ทาโลชั่นหรือครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผล ★

ใครที่ต้องตากแดดเป็นประจำ ควรซื้อครีมกันแดดมาทา มีวิธีเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝาก...

      ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิด ที่รู้จักกันดี ก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVA และ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนัง

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

    1. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้

    2. ปริมาณ ควรใช้ปริมาณที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป

    3. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง

    4. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่นตา ใส่หมวก เนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 %

    5. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น

    6. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน เกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย



วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ผล

1. ต้องทาครีมเพื่อปกปิดผิวหนังทุกรูขุมขน แต่โดยทั่วไปผู้บริโภคมักนิยมทาเพียงเบาบาง ทำให้รังสีดวงอาทิตย์สามารถกระทบและทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้บางส่วน นักวิชาการจึงแนะนำว่าหากต้องการทาให้ได้ผลควรทาบ่อย ๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง


2. หลังทาครีมกันแดด ผู้บริโภคมักมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ออกกำลังด้วยการตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรืออื่น ๆ ทำให้เหงื่อออกทางผิวหนังและครีมกันแดดจะถูกชะออกหมดโดยง่าย ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือหมดไป


3. สารกรองรังสี UV ที่เป็นองค์ประกอบในครีมกันแดดหลายชนิดไม่คงตัว สลายตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ครีมกันแดดเสื่อม สินค้าบางตัวอาจเสื่อมตั้งแต่ยังไม่ทันใช้ก็มี หากผู้ขายเก็บไว้ในร้านค้าที่ร้อน หรือผู้บริโภคเองซื้อไปเก็บในที่ร้อน ทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพก่อนเปิดใช้
ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เก็บสินค้าในสถานที่ปรับอากาศ และอย่าลืมดูวันเดือนปีที่ผลิตว่าเก่าเก็บหรือไม่ เพราะนอกจากครีมกันแดดจะหมดประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพิษระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีกด้วยหากครีมหมดอายุ

------------------------------------------------------------------------------------
เนื่องจากแสงแดดมีรังสีอุลตร้าไวโอเลต (UV) A และ B ซึ่งมีอันตรายต่อผิวหนังทั้งคู่ ทำให้มีการสร้างเม็ดสีที่ผิดปรกติไป เช่น เกิดเป็นวงด่างที่หน้า หรือเกิดเป็นจุดดำ กระ ฝ้า รอยหมองคล้ำ

ถ้าถูกแสงแดดแรงจัดเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้ผิวไหม้เกรียม แสบร้อนและลอกได้ นอกจากนี้รังสี UV ยังสามารถทะลุผิวหนังชั้นนอก เข้าไปทำลายผิวหนังชั้นใน ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ

แต่ถ้าจะให้ทุกคนทาครีมกันแดดทั้งตัวทุกวัน เพื่อปกป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้นก็คงไม่เหมาะสม เนื่องจากแสงแดดไม่ได้มีแต่โทษเท่านั้น แสงแดดยังมีประโยชน์ในการสร้างวิตามินดีที่ผิวหนัง ดังนั้นการใช้ครีมกันแดด จึงขึ้นอยู่กับลักษณะการถูกแสงแดดของแต่ละคน ว่ามากหรือน้อยเพียงใด เช่น ถ้าจะไปเที่ยวทะเล ไปว่ายน้ำ ไปเล่นสวนสนุกกลางแจ้ง

ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นและควรทาซ้ำ เพราะเหงื่อที่ออก น้ำที่เปียกผิว การซับเหงื่อ การเช็ดหน้า ก็ทำให้ครีมกันแดดหลุดไปได้ ดังนั้น ถ้าจะลงเล่นน้ำ แนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 1 ชั่วโมง

ถ้าไปเที่ยวทะเลแต่ไม่ลงว่ายน้ำ หรือนั่งเล่นทรายอยู่ใต้ร่มไม้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผิวหนังเราจะไม่ถูกรังสี UV กระทบ หรือถูกกระทบน้อยลง เพราะรังสี UV สามารถสะท้อนทราย พื้นน้ำมาที่ผิวเราอยู่ดี ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง อาจดูยุ่งยากน่ารำคาญ

แต่ก็ดีกว่าการที่เราปล่อยให้ผิวถูกไหม้ แสบ หรือผิวหน้าของคุณเกิดเป็นฝ้า หรือกระเข้มขึ้น ต้องมารักษากันอีกนาน ทำให้เสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายด้วย





ที่มา:

http://jooyza.igetweb.com/index.php?mo=14&newsid=28122

ที่มา : นิตยสารฉลาดซื้อ เดือนธันวาคม 2550
รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล เขียนไว้ในคอลัมน์ “สวยอย่างฉลาด”


http://www.yanhee.co.th/yanhee/yhh/th/inf/inftipsview.asp?ID=18


ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า ^^