เจ้าสาวที่กลัวฝน / อยากตากฝน(อ่านแล้วอาจจะได้ข้อคิดดีดีค่ะ)

 อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่ก็เป็นข้อคิดที่ดี

เจ้าสาวที่กลัวฝน

 

 

เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยเข้าใจและให้นิยามกับคำนี้เท่าไหร่
เพราะมันเป็น"ความรัก กับ ผู้หญิง"

 

....

 

 

แต่พอโตมาในระดับหนึ่ง
ทำให้ฉันคิดว่า มันน่าคิด น่าสนใจเหมือนกันนะ
เมื่อฉันได้เห็นความรักของผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย
ตามวัยที่เพิ่มขึ้นของตัวฉันเอง
ทำให้มองเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่น่าพูดถึง
คือเรื่องความรักของผู้หญิงแต่ละช่วงวัยที่มีปัญหา
มีความน่าสนใจแตกต่างกัน
ฉันแอบสังเกตความรักของเพื่อนๆ หลายคน
ตั้งแต่ยังวัยรุ่น
ผู้หญิงวัยรุ่นจะแบ่งเป็นสองพวก
คือพวกสนใจความรัก
กับไม่สนใจความรักเลย

จนเวลาผ่านไปหลายปี
ฉันยังแอบสังเกตความเป็นไป
เรื่องความรักของพวกเขาอยู่
คราวนี้เป็นความรักในวัยผู้ใหญ่
เป็นความจริงขึ้น คือความสุข ความทุกข์
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เพราะเป็นความรักที่ต้องหาใครสักคน
มาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต

พอถึงเวลานี้ ฉันยังคงเห็นผู้หญิงแบ่งเป็นสองพวก
แต่เป็น "เจ้าสาวที่ กลัวฝน"
กับ "เจ้าสาวที่อยากตากฝน"

เจ้าสาวคนไหนที่กลัวฝนก็ช่างเขาเถอะนะ
เพราะฉันไม่รู้ความละเอียดอ่อนในใจเขา
หรือเขาอาจจะมีความสุขดี
กับการอยู่ในที่ร่ม อบอุ่น สบาย
ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนพ้อง พี่น้อง
เรื่องอะไรจะต้องไปเดินตากฝนให้มันวุ่นวาย

ที่ฉันสนใจตอนนี้ คือเจ้าสาวที่อยากตากฝน
ผู้หญิงที่อยากมีความรัก อยากมีคนรักแต่ยังไม่มี
และพยายามที่จะมีจนเป็นกังวลเกินไป
มักจะเกิดกับผู้หญิงที่อยู่ในวัยที่เหมาะสมแล้ว
เป็นผู้ใหญ่พอแล้ว แต่ยังไม่มีแฟน
ผู้หญิงรอบๆ ตัวฉันหลายคนเป็นแบบนี้
แล้วยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่กังวลกับเรื่องแบบนี้

เมื่อไม่มีแฟน ก็พยายามมี
ผู้ชายหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
จึงรักกันได้ไม่นานนัก
เพราะความรีบตากฝนนี่แหละ

ฉันทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่งเป็นประจำกับเรื่องนี้
แล้วก็ยังคงทะเลาะกันอยู่สม่ำเสมอ
"เธอคนนั้นอยากตากฝน แต่ฝนไม่ตกสักที"

ส่วนฉัน !
ไม่อยากให้เธอรีบตากฝน
เพราะไม่อยากเห็นเธอเป็นหวัดซ้ำๆ ซากๆ
ก็หลายครั้งที่ความรักเธอไปไม่รอด
ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติของผู้หญิงกับผู้ชาย
ฉันถามเธอว่าจะรีบไปไหน...
(อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ !)

เธอตอบว่า
เธอไม่อยากอยู่คนเดียว
กลัวมีลูกช้า เดี๋ยวลูกปัญญาอ่อน
เดี๋ยววิ่งไล่จับลูกไม่ไหว กลัวไม่มีใครดูแล
กลัวคนว่าทำไมหาแฟนไม่ได้สักที
เพราะคนอื่นเขามีกันหมดแล้ว

อ่านถึงตรงนี้เธอคงคิดว่า
เพื่อนฉันเป็นสาวแก่ ไม่มีใครมาจีบ
ไม่เลย เธอเพิ่งจะ 20 ต้นๆ และก็เป็นคนสวย
และที่ว่ามีลูกช้าแล้วลูกจะปัญญาอ่อน
ก็ไม่เห็นจะจริงเลย โกหกทั้งเพ !

ก็พ่อแม่เพื่อนฉันเกือบทุกคน
ก็มีพวกเขาหลังอายุ 30 กันทั้งนั้น
ฉันเห็นพวกเขาเรียนเก่งกันทุกคน
เป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นครูเป็นอาจารย์กันทั้งนั้น
สอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอกได้ก็เยอะ
ไม่เห็นมีใครเอ๋อ ! เด๋อด๋าสักคน
เพราะพ่อแม่ของพวกเขา มีลูกในวัยที่พร้อม
ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ อีกทั้งฐานะทางการเงิน
สามารถดูแลลูกให้โตมามีคุณภาพในทุกๆ ด้าน
สามารถสร้างครอบครัวและสังคมที่แข็งแรงต่อไป

เนี่ยแหละที่ฉันพยายามหาคำตอบ
และก็เหมือนจะได้คำตอบที่เป็นเหตุผลฟังขึ้นดี
เลยอยากเล่าสู่กันฟัง...

เอาล่ะ ! เจ้าสาวที่อยากตากฝนทั้งหลาย
อย่าเพิ่งซีเรียส ถ้าเธอยังไม่มีแฟนหรือยังหาแฟนไม่ได้
มีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือ
(อันนี้ ฉันไม่ได้คิดเอาเองหรอกน่า)
และเป็นไปได้เกี่ยวกับผู้หญิงในวัยหนึ่งอย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า ตามธรรมชาติของจิตใจผู้หญิง
เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่ง
อาจเป็นรอยต่อของความเป็นเด็กกับผู้ใหญ่
ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น
แต่ยังขาดความมั่นใจ
เมื่อต้องพึ่งพาครอบครัวน้อยลง
จึงกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว
เลยอยากแต่งงาน มีครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นของตัวเอง
คือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 20 จนถึง 25 ปี

ในขณะที่ผู้ชายในวัยเดียวกัน
เขากำลังก้าวผ่านพ้นวัยรุ่น
และภูมิใจกับความเป็นผู้ใหญ่

ทางด้านจิตใจ
ผู้ชายจะโตช้ากว่าผู้หญิงนิดหน่อย
เขาเลยสนุกกับชีวิตผู้ใหญ่ที่ทำอะไรได้อิสรเสรี
สนุกกับงาน สนุกกับการใช้เงินของตัวเอง
และพึ่งพาตัวเองได้
เขาจึงหวงแหนอิสระ
และกลัวการผูกมัดเป็นที่สุด

ความต้องการมันสวนทางกัน
คล้ายๆ กับผู้ชายพยายามวิ่งหนี
ส่วนผู้หญิงพยายามวิ่งตาม
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้หนีเธอหรอก
เขาแค่กำลังเห่อชีวิตที่เป็นของเขาอย่างเต็มที่

เดี๋ยวอีกสักพักความรู้สึกของเจ้าสาว
ที่อยากตากฝนจะเปลี่ยนไป

เมื่อพ้นช่วงนี้ไปจนอายุเกิน 27 ปีไปแล้ว
ผู้หญิงจะเริ่มมีความมั่นใจ
นับถือตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง
ไม่เดือดร้อนกับความสวยหรือไม่สวยของตน
ยอมรับและนับถือตัวเองมากขึ้น
เธอจะมีความสุขและสนุกกับชีวิต
มีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบ
จนลืมเรื่องแฟน หรือเรื่องแต่งงาน

แต่ผู้หญิงมักจะได้แต่งงาน หรือมีแฟนที่ดีในช่วงนี้
เพราะความนับถือตัวเอง ความมั่นใจ
จะทำให้ผู้หญิงค่อยๆ คิด ค่อยๆ เลือก
จะมีแฟนหรือไม่มีแฟนก็อยู่ได้
พึ่งพาตัวเองได้

ส่วนผู้ชายที่เคยเป็นเด็กซน
จนถึงวัยหนึ่ง
เขาจะนิ่งพอและอยากมีครอบครัว และที่แน่ๆ
คนที่อยากตากฝนจริงๆ น่ะ คือผู้ชายต่างหากล่ะ
ผู้ชาย...
เป็นเพศที่กลัวการอยู่คนเดียวมากกว่าผู้หญิงเสียอีก
แล้วเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาผู้หญิง
และขอผู้หญิงแต่งงานเอง

รถไฟขบวนสุดท้ายไม่มีในโลกหรอก
เพราะคนเราต้องเดินทางตลอดชีวิต
ยอมตกรถสักพักเถอะ
รอให้เช้า และมีขบวนใหม่มา ดีกว่ารีบโดดขึ้นขบวนสุดท้าย ที่มันสนิมเขรอะ ผุๆ พังๆ ระวัง ! จะเป็นบาดทะยักตาย

"ใจเย็นน่าเจ้าสาวทั้งหลาย
รับรองได้....ไม่ว่าเธอจะสวยมาก สวยน้อย
หรือสวยพอดีๆ
พอถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่
เจ้าสาวทุกคนจะได้ตากฝนแน่นอน..."

Discussion (16)

อายุ 22 ค่ะ คบแฟนคนปัจจุบันมา 5 เดือน แล้ว ก่อนหน้านี้ก้รักๆเลิกๆ ผ่านบทเรียนความเจ็บปวดมาสามสี่ครั้ง

หลังจากเลิกกับแฟนคนแรกก้น้ำหนักลด 11 กิโลเลยค่ะ เสียใจมาก ตอนนั้นยังอายุ 18 อยู่เลย

มุมมองความรักตอนนั้นมันแบบ สดใส รักแท้ อารมณ์ประมาณเจ้าชายของช้าน

วัยปลี่ยนไป ความคิดก้เปลี่ยนค่ะ เราโตขึ้น มองอะไรกว้างขึ้น พึ่งตัวเองได้มากขึ้น เข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น ประสบการณ์ความรักอันเลวร้ายเป็นเหมือนบททดสอบชีวิตที่พระเจ้าส่งมาทดสอบความแข็งแกร่งของเราค่ะ

ที่ว่า     

 "เธอตอบว่า
เธอไม่อยากอยู่คนเดียว
กลัวมีลูกช้า เดี๋ยวลูกปัญญาอ่อน
เดี๋ยววิ่งไล่จับลูกไม่ไหว กลัวไม่มีใครดูแล
กลัวคนว่าทำไมหาแฟนไม่ได้สักที
เพราะคนอื่นเขามีกันหมดแล้ว "

เคยคิดแบบนั้นค่ะ ตอนก่อนจะคบกับแฟนคนปัจจุบัน
แต่ตอนนี้คิดด้แล้วค่ะว่า ยังไงชีวิตก้ต้องเดินต่อไป
อะไรจะเกิด ก้ต้องเกิด we must survive
เราต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ > live and learn <
อยากให้รักคุณพ่อคุรแม่ รักตัวเราเองมากๆ
และที่สำคัญคือ รักคนที่เค้ารักเราค่ะ
ทุกวันนี้ก้ไม่รุ้ว่าเหตุการณืภายภาคหน้าจะเป้นยังไง
แต่เราก้พร้อมที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุดและพร้อมจะเผชิญกับสิ่งต่างๆค่ะ
ฟ้าหลังฝน ยังไงก้สวย สดใส เสมอแหละค่ะ 
 

ชอบมากคะ

เราเองเป็นพวกกำลังจะตากฝน ตัดสินใจด้วยวัยเพียง 23 คะ ไม่ใช่มั่นใจตนเองมากมาย แต่มั่นใจในสายฝนที่เรากำลังจะฝ่าต่างหาก เป็นฝนปรอยๆทำให้ชีวิตชุ่มช่ำได้อย่างพอดีเลยคะ  

ยังไม่ถึงวัย ตากฝน ค่ะ

แต่ก็แวะมาอ่าน อื้มมม!!! น่าจะจริงค่ะ

สุดยอดดดดดดดด
ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันค่ะ

ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะที่เอาเรื่องดีๆ ข้อคิดดีๆมาให้อ่านกัน
นู๋อายุ 21 บางครั้งก็มีความคิดที่อยากจะมีแฟน อยากจะมีใครซักคน
แต่บางครั้งก็คิดว่า เราอยู่กับครอบครัว เพื่อนพ้องได้ ไม่เห็นจำเป็นเลยกับคำว่า..แฟน
ตอนนี้นู๋รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ และควรให้ความสำคัญกับมันมากที่สุด
นั่นก็คือ....ตัวเราเอง
และ...เมื่อถึงเวลา ผู้ชายดีๆ กับความรักดีๆ จะวิ่งมาหาเราเอง ^^