สืบเนื่องจากกระทู้ของุคุณ กิ้วกิ้ว (เข้ามาอ่านหน่อยนะคะ)
dede5http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=44512 ก่อนอื่น พี่ไม่รู้ว่าทัศนคติ ของคุณแม่ของหนู ในเรื่องนี้ เป็นแบบไหน แต่สำหรับพี่ พี่เป็นแม่ที่มีลูกสาว 2 คน คนโตกำลังวัยรุ่น พี่เข้าใจดีว่า วัยรุ่นยุคนี้ ไม่เหมือนกับยุคที่พี่เป็นวัยรุ่นอีกแล้ว ถ้าลูกพี่มีแฟน(แม้ว่าพี่จะไม่ชอบหน้า ไอ้ผู้ชายคนนั้น) พี่ก็จำใจต้องยอมรับค่ะ ในขณะเดียวกัน พี่ก็จะต้องประคับประคองให้ลูกอยู่ในกรอบ คือ มีแฟนได้ แต่ลูกต้องรู้ว่า ตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และมีหน้าที่อะไร และ รักตัวเองให้เป็น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ พี่คิดว่า ถ้าคุณแม่ของน้อง ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าท่านใจดำ อยากกีดกันน้องนะคะ แต่พี่เป็นแม่ พี่เข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นแม่ดี สิ่งที่ต้องการ คือเห็นลูกประสบความสำเร็จในการเรียน ในการใช้ชีวิต และที่หวังไว้สูงสุดคือ ได้พบกับคนที่ดี ที่สุดสำหรับลูกสาวของตัวเอง
ขออณุญาตตั้งทู้ใหม่ได้ไหมคะ เผื่อน้องๆคนอื่นมาอ่านแล้วจะได้ ข้อคิดไปด้วย
ข้างบนนี้ คือข้อความจากทู้เดิมนะคะ
ทีนี้เรามาต่อกัน พี่ผู้ใหญ่ส่วน มาก จะมองว่าเด็ก ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ คิดอะไรไม่ค่อยใช้เหตุผล ยิ่งถ้ายังไม่ถึงวัยทำงาน ยิ่งยากที่จะรับผิดชอบตัวเองและแฟนได้
ดังนั้น หนู กิ้วกิ้วต้อง ลองชั่งใจ ดูนะคะ ว่านิสัยของคุณแม่ของหนู รับเรื่อง พวกนี้ได้แค่ไหน ตอนแรก หนูอาจจะชวนเพื่อนมากันเป็นกลุ่ม ก่อน รวมที้งแฟนของหนูด้วย อย่ามาเดี่ยว ค่อยๆ แสดง ออกทีละนิด ว่าเค้าคือคนพิเศษของหนู ในขณะเดียวกัน หนูและแฟนต้องแสดง ให้คุณแม่เห็น ก่อนว่า ทั้งสองคน มี ความประพฤติ ที่ถูกต้อง เหมาะสมกับวัย อีกทั้งสามารถ รับผิดชอบเรื่องเรียน และเรื่องส่วนตัวได้อย่างดี และรู้ว่าทั้งสองคน มีหน้าที่หลักที่สำคัญ คือ ต้องเรียนหนังสือให้จบ คุณแม่ก็อาจจะยอมรับได้มากขึ้น
แต่ถ้าคุณแม่ของหนู ดูท่าที่แล้วท่านยอมรับได้ หนูก็เปิดเผย เลยดีกว่าค่ะ การทำอะไร อย่างเปิดเผยถูกต้อง มันจะไม่เหนื่อยไม่เครียด เหมือนการที่ต้องคุอยปิดๆบังๆ คุณแม่อาจจะวางกฏเกณฑ์ให้หนูเช่น ต้องกลับบ้านก่อนกี่โมง อะไรแบบนี่ หนู ก็อย่าเพิ่งขัดใจคุณแม่นะคะ เรื่องจะได้ไม่บานปลาย และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายขึ้น พี่เข้าใจว่า เมื่อทุกอย่างเปิดเผยแล้ว คุณแม่คงอยากให้หนูอยู่ในสายตา มากกว่านะคะ
พี่เอาใจช่วยหนู นะคะ และรู้สึกเป็นห่วงหนู ขอให้หนู ระลึกไว้อย่างเดียว ว่าในโลกนี้ คนที่รักหนูที่สุดคือ แม่ ไม่ว่าหนู จะผิดพลาด ล้มลุคลุกคลานอย่างไร แม่อาจจะโมโห หรือโกธร บ้าง แต่เชื่อพี่เถอะค่ะ คนเป็นแม่จะไม่มีวันเกลียด หรือเลิกรัก หนูได้เลย
พี่เองเป็นทั้งลูกสาว และเป็นทั้งแม่ของลูกสาว พี่เข้าใจ ความรู้สึกทั้งหนู และคุณแม่ของหนูดีค่ะ ทำอะไรทุกอย่างคิดให้รอบคอบนะคะ ชีวิตหนู ยังอีกยาวไกล มองไปข้างหน้า กว้างๆให้มากๆค่ะ พี่ขอให้หนูโชคดีนะคะ ผลเป็นยังไง ส่งข่าวให้ ชาว จีบันรู้บ้างนะคะ
ขออณุญาตตั้งทู้ใหม่ได้ไหมคะ เผื่อน้องๆคนอื่นมาอ่านแล้วจะได้ ข้อคิดไปด้วย
ข้างบนนี้ คือข้อความจากทู้เดิมนะคะ
ทีนี้เรามาต่อกัน พี่ผู้ใหญ่ส่วน มาก จะมองว่าเด็ก ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ คิดอะไรไม่ค่อยใช้เหตุผล ยิ่งถ้ายังไม่ถึงวัยทำงาน ยิ่งยากที่จะรับผิดชอบตัวเองและแฟนได้
ดังนั้น หนู กิ้วกิ้วต้อง ลองชั่งใจ ดูนะคะ ว่านิสัยของคุณแม่ของหนู รับเรื่อง พวกนี้ได้แค่ไหน ตอนแรก หนูอาจจะชวนเพื่อนมากันเป็นกลุ่ม ก่อน รวมที้งแฟนของหนูด้วย อย่ามาเดี่ยว ค่อยๆ แสดง ออกทีละนิด ว่าเค้าคือคนพิเศษของหนู ในขณะเดียวกัน หนูและแฟนต้องแสดง ให้คุณแม่เห็น ก่อนว่า ทั้งสองคน มี ความประพฤติ ที่ถูกต้อง เหมาะสมกับวัย อีกทั้งสามารถ รับผิดชอบเรื่องเรียน และเรื่องส่วนตัวได้อย่างดี และรู้ว่าทั้งสองคน มีหน้าที่หลักที่สำคัญ คือ ต้องเรียนหนังสือให้จบ คุณแม่ก็อาจจะยอมรับได้มากขึ้น
แต่ถ้าคุณแม่ของหนู ดูท่าที่แล้วท่านยอมรับได้ หนูก็เปิดเผย เลยดีกว่าค่ะ การทำอะไร อย่างเปิดเผยถูกต้อง มันจะไม่เหนื่อยไม่เครียด เหมือนการที่ต้องคุอยปิดๆบังๆ คุณแม่อาจจะวางกฏเกณฑ์ให้หนูเช่น ต้องกลับบ้านก่อนกี่โมง อะไรแบบนี่ หนู ก็อย่าเพิ่งขัดใจคุณแม่นะคะ เรื่องจะได้ไม่บานปลาย และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายขึ้น พี่เข้าใจว่า เมื่อทุกอย่างเปิดเผยแล้ว คุณแม่คงอยากให้หนูอยู่ในสายตา มากกว่านะคะ
พี่เอาใจช่วยหนู นะคะ และรู้สึกเป็นห่วงหนู ขอให้หนู ระลึกไว้อย่างเดียว ว่าในโลกนี้ คนที่รักหนูที่สุดคือ แม่ ไม่ว่าหนู จะผิดพลาด ล้มลุคลุกคลานอย่างไร แม่อาจจะโมโห หรือโกธร บ้าง แต่เชื่อพี่เถอะค่ะ คนเป็นแม่จะไม่มีวันเกลียด หรือเลิกรัก หนูได้เลย
พี่เองเป็นทั้งลูกสาว และเป็นทั้งแม่ของลูกสาว พี่เข้าใจ ความรู้สึกทั้งหนู และคุณแม่ของหนูดีค่ะ ทำอะไรทุกอย่างคิดให้รอบคอบนะคะ ชีวิตหนู ยังอีกยาวไกล มองไปข้างหน้า กว้างๆให้มากๆค่ะ พี่ขอให้หนูโชคดีนะคะ ผลเป็นยังไง ส่งข่าวให้ ชาว จีบันรู้บ้างนะคะ
Discussion (5)
เห็นด้วยกับ จขกท. ค่ะ
ตอนมีแฟน ก็คิดไว้แล้วว่าถ้าบอกทางบ้าน จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ
ปรากฏว่าเป็นดังคาดค่ะ... พอที่บ้านรู้ปุ๊บ ไปสืบมาเลยค่ะ ผู้ชายคนนี้เป็นลูกใคร ทำอะไร นิสัยยังไง
สารพัดจะเป็นห่วงสุดชีวิต... เราก็เข้าใจพ่อแม่ และใจหนึ่งก็ม่ได้อยากปิดบัง
จะคบใคร และถ้าจะมั่นใจกับเค้าคนนั้นก็เปิดเผยไปเลยดีกว่า ให้มันชัดเจน
...ให้พ่อแม่รู้ เค้าจะได้ช่วยดู... ยังไงผู้ใหญ่ก็อาบน้ำร้อนมาก่อน
ส่วนตัวแล้ว ใช้เวลาตั้ง 4 ปีค่ะ กว่าที่บ้านจะยอมรับแฟนคนนี้ได้ ฮะๆ
เพราะที่จริงที่บ้านไม่อยากให้มีแฟนเลย กลัวลูกสาวถูกหลอก อิอิ ยิ่งป้ำๆเป๋อๆอยู่
จะว่าไปคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงลูกตัวเองเสมอค่ะ ถึงแม้เค้าจะโกรธเรามากขนาดไหนแต่ในใจลึกๆย่อมรักและเป็นห่วงลูกมากๆ ในกรณีนี้ก็เข้าใจค่ะกับการที่เป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ต้องห่วงมากเป็นพิเศษเลยล่ะ ก็เห็นด้วยกับ จขกท นะคะ พูดไปแล้วสมัยนี้สังคมเปิดรับอะไรๆหลายอย่างค่อนข้างเยอะแต่ก็ยังมีคนหัวโบราณที่ยังไม่เปิดรัยเรื่องอะไรสมัยใหม่มากจนเกินเหตุ เหมือนกับหนูเหมือนกันค่ะถูกเลี้ยงมาจนโตแต่ก็ได้รับอิทธิพลจากพ่อแม่คือการที่ยังเป็นคนหัวโบราณและสมัยใหม่เข้าด้วยกันคือพ่อแม่จะนำทั้งสองอย่างนี้มาสอนรวมๆกันเพื่อให้เราได้เรียนว่าสิ่งไหนควรทำและไม่ควรทำสิ่งควรอยู่ในศีลธรรมและสิ่งไหนที่ผิดศีลธรรมและก็เลี้ยงแบบลูกฝรั่งเลยค่ะคือปล่อยให้เรียนรู้เผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าพึ่งพาตัวเองมาตลอด โดยส่วนตัวแล้วถ้าหากมีแฟนทางครอบครัวก็เป็นห่วงเหมือนอย่างน้องเค้าเหมือนกันค่ะแต่ว่าอายุก็บบรลุนิติภาวะแล้วพ่อแม่เลยปล่อยให้คิดเองได้แล้วแต่ท่านก็ยังคงเป็นห่วงเหมือนเดิมยิ่งไม่เคยมีแฟน (เป็นโรคจิตขนานหนึ่งค่ะชอบอยู่สบายไม่มีโซ่ อิอิ) พ่อแม่เลยเฉยๆ แต่ถ้ามีนี่สิบ้านอาจโกลาหลกันแน่ๆเพราะเค้าพูดว่า "ยังไงๆแกคงไม่มีแฟนใช่ไหม" พูดแบบปลงๆเพราะรู้ว่าทางหนูไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไร ยังไงก็แล้วแต่การที่ลูกมามีใครสักคนที่เรียกว่า "เพื่อน หรือ แฟน" คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมต้องเป็นห่วงลูกเป็นเรื่องธรรมดาค่ะเพราะกลัวว่าถ้าคบเพื่อนไม่ดีคือลูกอาจไม่ดีเลย คบแฟนหากเค้าเป็นคนไม่ดีลูกอาจทำร้ายตัวเองหรือถลำลึกไปมากกว่านี้ยังไงต้องคิดให้ดีและเชื่อในสิ่งที่ทำเป็นดีที่สุดค่ะ
พ่อและแม่ จะเป็นคนที่ช่วยเคลียร์ให้เราเห็นภาพคนนั้น ได้ชัดขึ้น
คิดเป็นสองทางค่ะ
ถ้าพ่อแม่ไม่สนับสนุน เราก็จะได้ดูว่า คนของเราจะทำไง จริงจังกับเราพอที่จะพิสูจน์ตัวเองมั้ย
ถ้าพ่อแม่ไม่คัดค้าน เราก็จะมีคนช่วยสกรีนเพิ่ม
พ่อแม่นะคะ กว่าจะเลี้ยงเราโตมาเป็นคนดีๆ ขนาดนี้ ต้องทุ่มเทแค่ไหน
รักไปเท่าไหร่
ดังนั้นพ่อแม่จะไม่มีทางปล่อยลูกที่ตัวเองเลี้ยงมาอย่างดีให้ไปกะใครที่ไหนไม่รู้หรอกค่ะ