!!เภสัชแนะนำให้กินกลูต้าไธโอน!!
beertk016พอดีว่าวันนี้ไปร้านขายยาประจำ แล้วเหลือบไปเห็นกลูต้าไธโอนมีวางขายในร้านขายยา
เลยเกิดอาการอยากรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของมัน ว่ามันขาวจริงรึเปล่า มีอันตรายตามข่าวบอกจริงไหม ( เพราะเอามาวางขายในร้านขายยา)
เภสัชกรเค้าแนะนำว่า ให้เราลองกินดู เพราะเรามีปัญหาตรงรูขุมขนกว้าง
รับประทานคู่กับวิตามินซี 1000 มิลลิกรัม
ภายใน 1 เดือน ให้ไปหาเพื่อนที่ไม่เจอกันมานาน รับรองว่าเพื่อนจะต้องทัก(เภสัชบอกมานะ)
และที่สำคัญเค้ายังบอกว่ามันไม่ได้มีโทษอย่างที่ อย.บอก
แต่ที่ออกมาต่อต้าน เพราะกระแสมันแรงเกินไป แล้วเอามาใช้กันอย่างแพร่หลายและโจ่งแจ้ง( ตามข่าวของคลินิคแห่งหนึ่ง)
เราก็ไม่รู้ว่าที่เค้าพูดมา มันน่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน ( หรือว่าต้องการขายสินค้า )
**เลยอยากรบกวนถามคนที่เคยรับประทานว่ามันใช้แล้วได้ผลจริงรึเปล่า
แล้วหลังจากที่ใช้ไปแล้ว มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองไหม**
..ขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันคะ ^ - ^
เลยเกิดอาการอยากรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของมัน ว่ามันขาวจริงรึเปล่า มีอันตรายตามข่าวบอกจริงไหม ( เพราะเอามาวางขายในร้านขายยา)
เภสัชกรเค้าแนะนำว่า ให้เราลองกินดู เพราะเรามีปัญหาตรงรูขุมขนกว้าง
รับประทานคู่กับวิตามินซี 1000 มิลลิกรัม
ภายใน 1 เดือน ให้ไปหาเพื่อนที่ไม่เจอกันมานาน รับรองว่าเพื่อนจะต้องทัก(เภสัชบอกมานะ)
และที่สำคัญเค้ายังบอกว่ามันไม่ได้มีโทษอย่างที่ อย.บอก
แต่ที่ออกมาต่อต้าน เพราะกระแสมันแรงเกินไป แล้วเอามาใช้กันอย่างแพร่หลายและโจ่งแจ้ง( ตามข่าวของคลินิคแห่งหนึ่ง)
เราก็ไม่รู้ว่าที่เค้าพูดมา มันน่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน ( หรือว่าต้องการขายสินค้า )
**เลยอยากรบกวนถามคนที่เคยรับประทานว่ามันใช้แล้วได้ผลจริงรึเปล่า
แล้วหลังจากที่ใช้ไปแล้ว มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองไหม**
..ขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันคะ ^ - ^
Discussion (6)
ส่วนตัว กินตัว H2O สัก เดือนนึง ไม่เลยค่ะ นี่ว่าอุตส่าห์ไม่กินแบบกระปุกแล้วนะ
กินที่เขาให้กิน อาทิตย์ละ 1 เม็ด แต่แอนกินไปอาทิตย์นึง 3 เม็ด
ซื้อไป 30 เม็ด กะกิน ไป 2-3 เดือน
..ที่ไหนได้..เดือนเดียวพอเลย ---> ไม่ดีขึ้นแถมแย่ลงอีก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือป่าว
จากเป็นคนไม่เป็นสิว(เป็นแค่ตอนมี ปจด.) แต่พอกินสังเกตได้ว่ามีแต่สิว
แถมรอยด่างดำจัดเลย ไม่มีบางลง มีแต่เยอะขึ้น ตอนนี้หยุดกินได้ อาทิตย์กว่าละค่ะ
ไม่รู้ว่าหน้าจะเป็นยังไงบ้าง เฮ้อ...++
กินที่เขาให้กิน อาทิตย์ละ 1 เม็ด แต่แอนกินไปอาทิตย์นึง 3 เม็ด
ซื้อไป 30 เม็ด กะกิน ไป 2-3 เดือน
..ที่ไหนได้..เดือนเดียวพอเลย ---> ไม่ดีขึ้นแถมแย่ลงอีก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือป่าว
จากเป็นคนไม่เป็นสิว(เป็นแค่ตอนมี ปจด.) แต่พอกินสังเกตได้ว่ามีแต่สิว
แถมรอยด่างดำจัดเลย ไม่มีบางลง มีแต่เยอะขึ้น ตอนนี้หยุดกินได้ อาทิตย์กว่าละค่ะ
ไม่รู้ว่าหน้าจะเป็นยังไงบ้าง เฮ้อ...++
เราก็เคยแนะนำให้พี่เรากินนะ กินประมาณ3อาทิตย์จะเริ่มเห็นผล ผลที่ได้คือผิวจะผ่องๆขึ้น ไม่ถึงกับขาวเวอร์อ่ะค่ะ สิวไม่ค่อยมี รูขุมขุนเล็กลง พี่เรากินประมาณ 2 เดือนอ่ะ แล้วก็เลิกกิน พอเลิกกินผิวก็กลับมาเหมือนเดิม สิวบุกยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ เราว่ากินพวกวิตามินเสริมดีกว่าค่ะ+ทาครีมบำรุง+ทากันแดดเป็นประจำ เป็นอะไรที่ชัวร์กว่าค่ะ
คือ เราก็เรียนเภสัชอ่ะ่ค่ะ= = จริงๆแล้วกลูต้าไทโอนเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้วค่ะ ตับเป็นตัวสร้าง ส่วนที่ช่วงนี้เห่อๆกินกัน อ. ท่านบอกว่า ส่วนที่ไม่ม่ว่าจะกิน รึ ฉีด เพิ่มเข้ามา ที่นิยมๆกันเนี่ย มันมีส่วนผสมอื่นๆเยอะมาก ร่างกายดูดซึมได้น้อยมากๆค่ะ(น้อยกว่า1% อีกค่ะ ประมาณ0.7 รึเปล่าหว่า จำไม่ได้แล้ว)ที่เหลือจะขับออกทางอุจจาระ ซึ่งอย่าว่าแต่อันตรายเลยค่ะ มันไม่น่าจะมีผลอะไรด้วยซ้ำ
ตัวน้องกลูต้าไทโอนเอง ที่บอกว่าขาวขึ้นๆ เพราะมันมีผลข้างเคียงลดเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง(และดวงตาด้วย!!) เลยมีคนเอามาทานเพราะอยากขาว
แต่ยังไงเราก็เห็นเพื่อนมันกินน่ะคะ ก็ขาวขึ้นค่ะ พอข่าวออก+มันขี้เกียจ มันก็เลิกกิน เราว่ามันดูโทรมกว่าก่อนกินอีกหง่ะ
ตัวน้องกลูต้าไทโอนเอง ที่บอกว่าขาวขึ้นๆ เพราะมันมีผลข้างเคียงลดเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง(และดวงตาด้วย!!) เลยมีคนเอามาทานเพราะอยากขาว
แต่ยังไงเราก็เห็นเพื่อนมันกินน่ะคะ ก็ขาวขึ้นค่ะ พอข่าวออก+มันขี้เกียจ มันก็เลิกกิน เราว่ามันดูโทรมกว่าก่อนกินอีกหง่ะ
(รึว่าชินตากับตอนมันขาวๆ พอมาเห็นแบบนี้มันเลยดูโทรมพิเศษมากกว่าก็ไม่รู้)
ถ้าได้กิน ต้องกินต่อ เหมือนมันเสพย์ติดความสวยยังไงไม่รู้อ่ะค่ะ
ถ้าได้กิน ต้องกินต่อ เหมือนมันเสพย์ติดความสวยยังไงไม่รู้อ่ะค่ะ
ส่วนเรื่องที่เภสัชแนะนำคุณจ.ข.ก.ท. ส่วนตัวเราว่า เชื่อ อ.ย. ดีกว่าค่ะ เพราะน้องกลูต้าใช้นานๆ ผลข้างเคียงมันมีอ่ะค่ะ เภสัชกรบางคนก็ใช้ความน่าเชื่อถือในอาชีพตัวเองสร้างภาพลักษณ์ เพื่อจะได้ขายของเกี่ยวๆสวยๆงามๆจริงๆนะค่ะ(เจอมากะตัว)
ความสวยไม่มีทางลัด อยากขาวนานๆ หมั่นทากันแดด และบำรุงผิวดีกว่านะค่ะ
กลูตาไธโอน (glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย
ในทางการแพทย์พบว่ามีการนำกลูตาไธโอนมาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติข้อบ่งใช้จากองค์การอาหารและยา เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก วิธีการรักษามักทำโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูตาไธโอนนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น เนื่องมาจากกลูตาไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดอีกรูปแบบหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนที่พบในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นเอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน ซึ่ง กลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหารของมนุษย์ ดังนั้นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย ที่ผ่านมาจึงพบว่ามีผู้พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทานกันมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากลูตาไธโอนชนิดฉีดนั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่าและเห็นผลเร็วกว่ากลูตาไธโอนชนิดรับประทาน
ข้างเคียงที่น่ากลัว คือการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ มีโอกาสที่จะแพ้ได้ ทั้งการแพ้สารกลูต้าไธโอน เอง หรืออาจจะแพ้ สารฆ่าเชื้อ หรือ สารกันเสีย หรือสารปนเปื้อน ขณะนี้มีรายงานในต่างประเทศว่าผู้ ที่ได้รับการฉีดกลูต้าไธโอนขนาดสูงที่ใช้กันอยู่มีอาการช็อค ความดันต่ำ หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ทว่า..ที่สำคัญการฉีดกลูต้าฯเข้าเส้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย!