ย้อนวัยกลับไป congratulation

Viva_Gin28 Jul 0941

การแต่งหน้าแต่ละรูปแบบ ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะงานนั้น ๆ และโครงหน้าของแต่ละคน รวมไปถึงความชอบของแต่ละบุคคล จึงจะกำหนดรูปแบบการแต่งหน้าได้ การแต่งหน้าตาแฟชั่น โดยไม่คำนึงถึงพื้นฐานเดิม จะไม่สามารถดึงความโดดเด่น และปิดข้อด้อยได้ ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์โดยแยกเป็นหัวข้อ ดังนี้

จุดประสงค์ของการแต่งหน้ารับปริญญา (Target)

1. ถ่ายรูปสวย ผิวเนียนกริ๊บ ๆ

2. เครื่องสำอางมีความทนทานสูง กันเหงื่อกันน้ำ ไม่ลบเลือน และไม่หมองระหว่างวัน (อาจต้องควบคุมความมันได้)

3. สีสันธรรมชาติ ไม่จัดจ้าน และไม่ทำให้ดูมีอายุ

วิเคราะห์ปัญหาโครงหน้าและผิวหน้าของตนเอง (Problem)

ผิวหน้า

1. มีกระ ริ้วรอยด่างดำพอสมควร

2. รูขุมขนกว้าง

3. หน้ามันบริเวณ T-Zone มากเป็นพิเศษ

4. มีริ้วรอยแห่งวัย (ก็แก่แล้วนิ)

โครงหน้า

1. โครงหน้าที่ยาว หน้าผากไม่สูงมาก คางที่ยาว

2. โครงคิ้วชัดเจน (กันให้ได้รูป)

3. หนังตาหนา ลักษณะชั้นตาตก มีสองชั้นเล็กน้อย ใต้ตาดำและดูเบ้าตาลึก

4. จมูก (เบี้ยว) เสริมมาแล้ว

5. ปากเล็ก เบี้ยวนิดหน่อย

6. แก้มเยอะ โหนกแก้มใหญ่แต่ก็ไม่มาก

การแก้ไขปัญหา (Solution)

1. ใช้รองพื้นเพื่อปกปิดริ้วรอย ที่มีความทนทาน ไม่เป็นคราบ ไม่หมอง ไม่หนาดูเป็นธรรมชาติ

2. แป้งควบคุมความมัน ไม่เป็นคราบ ไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี

3. เฉดดิ้งกรอบหน้าให้ชัดเจน เพื่อลดโหนมแก้ม เนื้อแก้มที่เยอะ

4. แก้ไขปัญหารูปตาที่ตกและลึกด้วยรองพื้นและการลงสีสันที่ชัดเจนเพื่อยกปลายหางตาขึ้นเล็กน้อย

5. ลดการเน้นจมูก (ก็เสริมมาแล้ว เบี้ยวด้วย) และรูปปากที่เบี้ยว (จากฟันเก)

อุปกรณ์จ้า

หน้า
1. Scarcare C&E และ Olay White Radiance เป็นตัวบำรุงก่อนการแต่งหน้า
2. Concealer Laura Mercier
3. รองพื้น Revlon เบอร์ 8 และ 15
4. รองพื้น Lunasol สี OC-03 (แถมมา)
5. รองพื้น Impress สี OC-C (แถมมา)
6. แป้งฝุ่น Revlon สี Trans 02
7. แป้ง Mineral Foundation จาก Maybelline สี Light Ochre
ตา
1. อายแชโดว์ 4U2 รุ่น impress.... สีโทนชมพู
2. อายแชโดว์พาเลทสี GD 240 จาก Castledew
3. พาเลทคิ้วจาก Tell me
4. Liquid Eyeliner จาก Aron สีดำ
5. Gel liner จาก Lotree สีดำ
6. No.7 Longer Lush กันน้ำ สีดำ
แก้ม
1. บรัชออนเบอร์ 06 จาก Gino McCray
2. บลอนเซอร์จาก Arty
3. ไฮไลท์ยี่ห้อตัว P ไม่รู้เรียกว่าอะไร เป็นภาษาเกาหลี
ปาก
1. กลอส Nars สี Bloodwork
2. กลอส Revlon Mineral Lipglaze เบอร์ 505

ขั้นตอนการลงรองพื้น (เยอะนิดนึงนะค่ะ แต่วันสำคัญหน้าต้องเนียนกริ๊บ ๆ)

1. ลง scarcare C&E เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ ไม่มีความมัน

2. ลงกันแดด อันนี้ใช้ olay white radiance spf 24 ไม่มันดีค่ะ

3. ลงคอนซิลเลอร์ใต้ตาด้วย LM แค่เพียงบาง ๆ เพราะจะเป็นคราบได้ง่าย

4. ใช้รองพื้น cle de peau เบอร์ 02 แทนคอนซิลเลอร์ (ที่มีมันขาวไปใช้รองพื้นแทน) เก็บรอยสิวจิ๊บ ๆ และกระทั่วใบหน้า ใช้นิ้วกดเบา ๆ ให้สม่ำเสมอ

5. เลือกรองพิ้น Revlon เพราะคุมมัน ทนอึดใช้ได้ การเลือกสี ให้เลือกสว่างกว่าผิว 1 ระดับ และสีเข้มทำกรอบหน้า

6. ใช้รองพื้นสีอ่อนทา 5 จุด เว้นกรอบหน้า โดยใช้นิ้วค่อย ๆ กดจนเนียนบาง ห้ามปาดเด็ดขาด ตัวรองพื้นเกลี่ยง่ายอยู่แล้ว

7. ใช้สีเข้มตีกรอบหน้า โดยขึ้นกับรูปหน้า ในกรณีนี้ต้องการลดโหนกแก้ม จึงทาเข้ามาเยอะพอสมควร

8. ใช้ฟองน้ำกดเบา ๆ ระหว่างรอยต่อให้เนียน อย่าให้เกิดเป็นแนวแยก แล้วกดฟองน้ำให้ทั่วหน้าเบา ๆ เพื่อซับรองพื้นส่วนเกิน

9. ใช้รองพื้น lunasol สี OC03 จะได้ลุควาวขึ้นเล็กน้อย แต่ชอบความเนียน ปกติจะไม่ค่อยทนอึด แต่ใช้ทาทับรองพื้น Revlon อึดใช้ได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือไม่หนาด้วย

10. ใช้รองพื้น impress สี OC-C ทาบริเวณร่องแก้ม สีอ่อนมาก เอามาลบรอยของร่องแก้มได้บ้าง

11. ใช้รองพื้น Revlon สีเข้มเช่นเดิม เก็บปีกจมูกให้ดูแคบลง

12. ใช้ฟองน้ำเกลี่ยให้สีเนียนกลมกลืนกันอีกครั้งหนึ่ง

13. ใช้แป้งฝุ่น Revlon สี Tranlusent 02 ตอนทาเสร็จเหมือนสีรองพื้นเปลี่ยน แต่รอเซ็ตตัวจะเข้ากันได้ดี ไม่หมอง

14. ใช้แป้งผสมรองพื้น Mineral ของ Maybeline สี natural Light Ochre ทาทับเล็กน้อย บริเวณรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้บ้าง แต่อย่าทามาก อย่าเอาแปรงปาด ให้ค่อย ๆ ทาลงบนผิวเบา ๆ บริเวณจุดบกพร่องเพียงเล็กน้อยพอ พอเซ็ตตัวก็จะเนียนไปกับหน้า แป้งพวกนี้มีความทนสูง จะทำให้รองพื้นเซ็ตตัวบนผิวได้นาน

15. ลงบรอนเซอร์ของ Arty ใครเห็นนึกว่าเครื่องปั้นดินเผาเหอะ ใหญ่มาก ๆ ชอบใช้มากกว่าเฉดดิ้ง เพราะได้ผิวที่ดูมีมิติดีกว่า

16. ลงไฮไลท์ของ P เนี่ยแหละ ทำกล่องหาย รู้แต่สัญลักษณ์ P ใช้ดีเหมือนกันค่ะ เกล็ดละเอียด ไม่หลุดมาเป็นผง ๆ ไม่มีเกล็ดใหญ่ผสมอยู่ ให้ใช้แปรงของเขาปาดเบา ๆไปบนผิว อย่าปาดมาก จะไปเน้นรูขุมขนและหน้าลอยเป็นจุด ๆ

การลงเฉดดิ้งและไฮไลท์ (ส่วนตัวนะค่ะ)

ตอนนี้หน้าเหมือนหนา ยังไม่สวย (ก็แน่ล่ะ ลงอะไรกันมากมาย) แต่รับปริญญาต้องมีผิวสวยนิ เน้นความทนด้วย คอนเฟิร์มค่ะว่าทนจริง แต่เสร็จ 11 โมง ไปเดินห้างกลับมา กว่าจะล้างเกือบเที่ยงคืน ซับมัน 1 ครั้ง เติมแป้งครั้งเดียว ยังเด้งอยู่ มันจะเซ็ตตัวกับน้ำมันบนหน้า จะดูสวยขึ้นมา สักพักเดียว

ส่วนของตาค่ะ

1. ใช้พาเลทเขียนคิ้วของ tell me ให้คิ้วเป็นนางเอกค่ะ เขียนให้เข้มชัดเจน

2.-4. ใช้พาเลทสีของ 4U2 ทั้งสามสี ดังรูป

5. ใช้สีดำของ Gino Mccray ตัดขอบตาบนและลงปลายของตาล่างเล็กน้อยพอค่ะ

6. ใช้สีขาวหมายเลข 1 บริเวณหัวตา เพราะตาลึกและดูชิด จะใช้สีขาวช่วยให้ดูสว่างสดใส และห่างออกจากกันเล็กน้อย

7. ใช้สีที่ 5 และ 6 ของ castledew ให้วิ้ง ๆ สวยงาม

8. ลงอายไลเนอร์ Aron (ไม่มีแพนด้า) และอินเนอร์ตาล่างบริเวณกลางตาให้มาบรรจบกับอายแชโดว์สีดำที่ลงไว้เดิมด้วย gel liner Lotree ลงบริ้เวณหัวคิวลงมาถึงจมูก ให้เป็นแนวชัดเจน(เวลาถ่ายรูปจะดูสวยดีด้วยอ่ะ) ด้วยพาเลทคิ้วเดิม

9. ปัดมาสคาร่า No.7 กันน้ำ ให้ขนตายาวเด้งสวย ไม่ใช้ขนตาปลอม ถ้าขนตาเดิมยาวพอก็ไม่ได้เน้นอะไรมากมาย เพราะจะเสียงกับการหลุดระหว่างวันได้ง่าย ถ้าเหงื่อเยอะ

ส่วนของแก้มและปาก

แก้ม
ปัดแก้มด้วยสีชมพูจาก Gino ให้สีบางเบาใส ไล้สีบนเฉดดิ้งที่ลงไว้จะได้สีผิวแบบอมชมพู

ปาก
1. ใช้สี bloodwork ของ Nars ทาด้านใน ตามด้วยกลอสนูดของ Revlon เบอร์ 505
2. ซับด้วยทิชชู และทาทับด้วยแป้งฝุ่น (วิธีนี้ทนดีมาก)
3. ทากลอสทับอีกครั้ง จะได้ปากนู๊ตน้ำตาลกำลังสวย ไม่เน้นรูปปาก

ถ่ายรูปค่ะ ไม่มีการรีทัชค่ะ แสงแดดจริงส่องที่ระเบียงห้องตรง ๆ เลย
คอน่าเกลียดอ่ะ เหี่ยวมากเลย

เทียบ BF and AT
สามารถแก้โจทย์ปัญหาของเราได้ค่ะ
เพราะฉะนั้นการแต่งไม่ใช่แต่งตามใคร ๆ
แต่ต้องรู้ปัญหาและแก้ให้ถูกจุดค่ะ

ทำผมทรงรวบค่ะ
อ่อ อย่าลืมย้อมสีผมก่อนวันรับจริงนะคะ
อิอิ แอ๊คได้แค่หน้า ไม่มีคนถ่ายรูปให้
ไม่มีเสื้อนักศึกษาด้วย เศร้าได้อีก เอารูปแอ็คแค่หน้า
ทำตาแบ๊ว ๆ (แอบเด็กไปล่ะกัน)

ทรงผมสั้นปล่อย

ทางผมยาวรวบ (ใครจะประยุกใส่วิกก็ได้นะ)

ทรงม้าปัด