ขอบคุณค่ะ...สำหรับสิ่งที่คิดว่าโดนดูถูก
pimmymylove11สืบเนื่องจากกระทู้ที่ตั้งและระบายขอคำปรึกษาทุก ๆ คนในเวปจีบัน
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=51867 กระทู้นี้ค่ะ
อยากจะบอกว่าขอบคุณค่ะสำหรับทุก ๆ ความคิดเห็น และจะขออนุญาตมาแชร์ความรู้สึกอีกครั้งค่ะ
เนื่องด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมา 5 - 9 สิงหาคม 2552 ที่ไปปฏิบัติหน้าที่โรงแรมดุสิตมาค่ะ
วันแรกจะยุ่งมาก เพราะเนื่องจากผู้มาร่วมงานอบรมสัมมนาครั้งนี้ นับเจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่ 300 ท่าน
วันแรกต้องมีการดูแลบุคคลเข้าสัมมนา เข้าห้องที่พัก และนำกุญแจห้องแจกให้แต่ละคน
ช่วงที่ทำงาน ได้เจอพี่เลขาท่านผู้ใหญ่ที่เคยนัดเจอ และเคยเสียความรู้สึกกับพี่เขาเมื่อคราวก่อน
พี่เลขาท่านนี้ก็เดินมาทักทาย และถามห้องที่พัก พิมพ์ก็บอกไปตามหน้าที่ และช่วยเขาถือกระเป๋าบางใบ
ช่วงที่เดินไปส่งเขาที่ห้องพัก พี่เลขาท่านนี้ก็พูดว่า "วันนี้ยังไม่เรียบร้อยนะค่ะน้อง การดูแลคนยังมีบางคน
ไม่ทราบว่าพักห้องไหน ตรงไหน ต้องประสานงานให้ดีกว่านี้นะค่ะ ถ้าเป็นพวกพี่ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่
ต้องไม่ให้ท่านมาถามว่าพักห้องไหนนะค่ะ" พิมพ์ก็ขอบคุณค่ะ เริ่มแอบเซ็งๆ อีกครั้ง แต่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
แต่ที่จะนำมาเล่าวันนี้ เพื่ออยากจะบอกว่า จริง ๆ อยากที่ทุกคนออกความคิดเห็นเรื่องเสื้อผ้าค่ะ
เพราะช่วงที่ไปทำงาน พิมพ์ใส่แต่ชุดสูท ทั้งกระโปรง และกางเกงผ้า สีที่ใส่ก็จะเน้นสีครีม สีกรมท่า สีน้ำตาล
และตลอดที่ได้ทำงาน มีอยู่วันหนึ่งได้เชิญวิทยากรซึ่งมีชื่อเสียงท่านหนึ่งมาร่วมงาน และตอนนั้นพวกหัวหน้างาน
และผู้ใหญ่ของพิมพ์ได้ออกไปต้อนรับ พี่เลขาท่านนี้เดินมาจากไหนไม่ทราบ พี่เขามาถามว่า "หนูมายืนทำไมตรงนี้"
พิมพ์ก็บอกว่า "ดูความเรียบร้อยข้างนอกค่ะ" พี่เขาก็บอกว่า "ทำไมไม่ไปต้อนรับวิทยากรกับคนอื่น"
พิมพ์ก็บอกไปตรง ๆ "พิมพ์เป็นผู้น้อยไม่ต้องไปหรอกค่ะ" ความที่ตอบไปแบบนี้นึกว่าจะจบ ที่ไหนได้พี่เลขาดึงมือพิมพ์เลย
เธอดึงมือพิมพ์ และพูดไปพร้อมกันตอนเดินว่า "เราเป็นทีมงานนะค่ะ ไม่ว่าหัวหน้าหรือใครก็ตามไปไหนต้องไปด้วยกัน"
"และอีกอย่างนะค่ะคุณพิมพ์ ผู้ใหญ่เขาไม่สนหรอกว่าคุณตำแหน่งอะไร ขอแค่มีคนมาต้อนรับดูแล เขาก็ยินดีแล้ว
คุณต้องฝึกอีกมากนะค่ะ ถ้าจะทำหน้าที่นี้" และก็เดินไปทันเวลาที่อาจารย์วิทยากรที่ได้เชิญมาบรรยายวันนั้นลงมาจากรถพอดี
พอผ่านจากเหตุการณ์นั้น และสามสี่วันที่ได้ทำงานร่วมกัน พิมพ์ถึงเข้าใจและรู้สึกผิดที่คิดไม่ดีกับพี่เลขาท่านนี้เลยค่ะ
เพราะช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกัน เธอออกจะบ่นหรือว่า แต่ทุกอย่างเป็นการชี้แนะพิมพ์ทั้งนั้น
และคืนวันงานเลี้ยง มีแขกท่านหนึ่งได้ชมว่า พิมพ์แต่งตัวสุภาพ เรียบร้อยดีมากในการทำงาน ทำให้พิมพ์นึกถึงคำพูดพี่เลขา
และคำแนะนำจากเพื่อนในจีบันที่พูดถึงเรื่องการแต่งตัว และพิมพ์ได้มาคิดและปฏิบัติ เอาแต่ชุดสูทไปทั้งนั้น ถึงได้รับคำชมมา
แม้ว่าจะเป็นคำชมที่ธรรมดาสำหรับบางคน แต่สำหรับพิมพ์รู้สึกมีค่า ส่วนเรื่องกระเป๋าที่พี่เลขาเคยพูด พิมพ์มาคิดอีกมุมหนึ่ง
แกอาจจะบอกว่า ทำงานไม่ต้องใช้ของแพงก็ได้ คือแกอยากจะเน้นว่าให้แต่งตัวให้ดูดีเป็นพอก็ได้นะค่ะ
ปล. ที่มาบรรยายเล่าในวันนี้เพื่อจะบอกว่า ขอบคุณทุก ๆ คนในเวปนี้ที่ได้ชี้แนะ และแนะนำพิมพ์
และให้กำลังใจพิมพ์ในช่วงที่พิมพ์รู้สึกเสียความรู้สึก ขอบคุณมาก ๆ นะค่ะ เพราะพิมพ์ได้รับการชี้แนะ
จึงให้การทำงานในคราวนี้ผ่านไปได้ด้วยดี...สวัสดีทุก ๆ คนค่ะ
Discussion (11)
เราเคยเจอนะ
คือแบบผู้ใหญ่คนนึงอ่ะท่านคิดดีนะ แบบอยากสอนอยากอะไรอย่างงี้
แต่เปนคนที่พูดไม่เปนหน่ะ นึกออกป่ะค่ะ
อย่างเช่นสมมติว่าเราแต่งตัวแบบแหยมไรงี้ใช่ป่ะคะ
แทนที่เค้าจะบอกว่า พี่ว่าเสื้อสีนี้ ถ้าใส่กับสีนี่น่าจะสวยขึ้นได้มากกว่านี้นะจ๊ะ
เค้าก้อจะบอกว่าว่าพี่ว่าสีที่คุณใส่มานี่มันดูบ้านนอกมากเลยนะ ทำไมไม่ใส่สีบลาๆๆๆ
พอจะนึกออกป่ะคะ(เราก้อแอบงงเอง 55+)
ก้อคือเปนคนความคิดดี จิตจัยดี แต่คำพูดชวนมีเรื่องเท่านั้นเองอ่ะค่ะ
ยังไงก้อเปนกำลังจัยให้นะคะ
เมนต์กระทู้ก่อนไปแล้ว กระทู้นี้ตามมาอีก ^^ ยินดีกับคุณพิมพ์ด้วยนะคะ
เราไม่คิดว่า คำชมเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย ตรงกันข้าม คำชมจากแขกเป็นสิ่งสำคัญมากๆค่ะ
สำหรับชีวิตการทำงาน
ที่สำคัญ เรารู้สึกดีใจแทนพี่เลขาคนนั้นด้วยค่ะ ที่คุณพิมพ์รู้สึกดีด้วย
จริงๆแล้ว พี่เค้าไม่จำเป็นต้องมาคอยบอก คอยติ คอยเตือนเราก็ได้ จะปล่อยผ่านไปก็ได้
แต่พี่เค้ายังเสียเวลามาคอยบอก คอยเตือนเรา แสดงว่าพี่เค้าหวังดีค่ะ
"ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน" ขอยกคำของคุณแม่มาใช้นิดนึง
ไม่แน่ว่า สิ่งที่พี่เลขาคนนั้นเตือนคุณ อาจจะเป็นสิ่งที่เค้าเคยเจอมาก่อนแล้วก็ได้ค่ะ
เราจะยกตัวอย่างเรื่องของตัวเอง คือ คุณแม่อยู่ฝ่ายบัญชี ท่านก็จะละเอียดเป็นพิเศษ
มีอยู่วันนึง งานเร่ง ท่านก็ให้เราช่วยพิมพ์งาน (ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่นะคะ เด็กกว่านี้ 555)
แต่ปรากฎว่า เราเว้นวรรคไม่สวยงาม (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ แต่วรรคตอนไม่สวย)
พอปริ้นท์งานไปให้เท่านั้นแหล่ะ หูชาค่า
"เห็นรึเปล่าว่าวรรคตอนไม่มันสวยไม่เหมาะนะ โอเค เราอ่านเองไม่เป็นไร
แต่ถ้าต้องส่งให้ลูกค้าล่ะ เวลาไปทำงานจริงๆ ลูกต้องละเอียดมากกว่านี้นะ
เรื่องแค่นี้ไม่มีใครเค้ามานั่งสอนกันหรอก แต่เค้าจะคิดในใจว่า เราเป็นคนไม่รอบคอบ"
แง๊ววววววววววว ..โดนเป็นชุด นี่คุณแม่คงคิดว่าเราเป็นลูกน้องอยู่เป็นแน่แท้ 555
พี่ HR ที่บริษัทเคยบอกว่า "ลูกค้าว่ามาน่ะดีแล้วนะ แสดงว่าเค้ายังใช้บริการ product
ของบริษัทอยู่ ถ้าเค้าไม่มี feedback กลับมาสิ ,, เค้าเปลี่ยนไปหาบริษัทคู่แข่งแล้ว"
555555555 อันนี้เราว่าก็ท่าจะจริงนะคะเนี่ย
แต่เรื่องแต่งกายสุภาพนี่มีผลอย่างมากค่ะ เพราะอย่างที่เราเคยบอกไปในกระทู้ที่แล้ว
ว่ามันคือ "First impression" ลูกค้า แขกผู้ใหญ่ หรือคนที่ไม่ได้เจอกันมาก่อน
เค้าไม่รู้หรอกค่ะ ว่าจริงๆแล้ว คุณเป็นคนยังไง จะดี จะเลิศมาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร
เพราะสิ่งที่เค้าได้เจอคุณ ซึ่งเพิ่งจะได้รู้จักกันครั้งแรก เค้าดูจาก "ภายนอก" ทั้งนั้นค่ะ
ลองสมมติตัวเองเป็นแขกผู้ใหญ่ดู คุณจะรู้สึกดีกับใครมากกว่ากัน
ระหว่าง คนที่ใส่กางเกงยีนส์ กับ คนที่ใส่สูท กับกางเกงสแลค
คุณพิมพ์เลือกคนที่ 2 เหมือนกันรึเปล่าเอ่ย??
(ว่าไปแล้วก็แอบอิจฉาคุณผู้ชาย..เวลาทำงานนี่เสื้อเชิ๊ต กางเกงสแล๊ค ก็ดูเรียบร้อย
แต่ผู้หญิงเซ่ !!!!!!!!!! )
จะบอกว่า ...เราเห็นด้วยกับคำพูดพี่เลขาทุกคำที่บอกคุณพิมพ์เลยอ่ะค่ะ แหะๆ
พยายามต่อไปนะคะ อย่าเพิ่งท้อ ทำให้ดีที่สุด เราเชื่อว่าคุณพิมพ์ทำได้ค่ะ
ปล..เราก็จะพยายามเหมือนกัน 5555555555
(ตอนเราทำงานๆใหม่ๆ ก็มีหวั่นโน่นกลัวนี่ พอหลังๆได้คำชมจากลูกค้า เริ่มใจชื้นขึ้น ^^)
มาพยายามด้วยกันนะค๊า
เรื่องความสุภาพ แต่ละบ.ไม่เท่ากันจริงๆค่ะ
เพื่อนเราทำงานเซลล์ เคยเข้าไปติดต่อทางแบงค์ใหญ่ๆของไทย เพื่อนเราใส่สูทกางเกงไป สูทนะคะ สูทเต็มยศเลย แต่เป็นกางเกงน่ะ แต่เจอพนักงานที่นั่นมองหัวจรดเท้า แล้วบอกว่า คุณแต่งตัวแบบนี้มาหาลูกค้าเหรอ คือถ้าใครเคยทำงานแบงค์บางแบงค์คงเข้าใจว่าเค้า conservative มากๆๆๆๆๆๆๆ ชุดต้องกระโปรงคลุมเข่า รองเท้าหุ้มส้นเท่านั้น
ทางทีดีนะคะ เรียบร้อยไว้ก่อนไม่มีเสียค่ะ โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คนนอกองค์กร หรืองานที่เจอคนตำแหน่งใหญ่ๆ งานบางตำแหน่งเรื่องแต่งตัวก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งเหมือนกันจริงๆ