เพื่อนักเขียนไส้แห้งคนนึงอ่านแล้วช่วยแนะนำติชมนกันหน่อยนะคะ1...
overdose_angle10บทสรุป
กลับดวงดาวของเธอ
เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อ วันเริ่มต้นแห่งสัปดาห์ วันจันทร์ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนักว่าทำไมเขาบัญญัติให้เราท่องจำมาแต่เด็กว่าด้วยเรื่องของวันทั้งเจ็ด ซึ่งเริ่มต้นด้วย... หนึ่งวันอาทิตย์สีแดง... ผมไม่เข้าใจ เพราะเมื่อโตมากลับกลายเป็นวันจันทร์คือวันเริ่มต้นสัปดาห์ที่เราเริ่มต้นอะไรๆเยอะแยะไปหมด เริ่มเปิดเรียน เริ่มทำงาน เริ่มอะไรทั้งหลายแหล่ ช่างหัวมันเถอะ ผมไม่สนใจ ผมรับรู้แค่เพียงว่าผมตื่นมาฉี่ตอนเกือบๆ 7 โมงเช้า และล้มตัวลงนอนต่อ
ด้วยเพราะว่า... วันนี้โดดคาบแรกดีกว่า อาจารย์ป้าแม่งน่าเบื่อเกินไป ผมเข้าเรียนคณะศิลปกรรมนะครับ ภาษาอังกฤษไม่ได้สำคัญกับผมเลย แต่ลงเรียนเพราะเธอเท่านั้น วันนี้อากาศน่านอนเกินกว่าจะไปนั่งเรียนกะอาจารย์ที่มีสำเนียงในการเปล่งภาษาต่างชาติ ได้เหมือนกว่าเจ้าของภาษาเองเสียอีก บอกตามตรง ผมแม่งโคตรรำคาญเลย ล้มตัวลงนอนไม่ถึง 5 นาทีกำลังเคลิ้มได้ที่
7:03 น.ของเช้าวันจันทร์ธรรมดาวันหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น...
ปลายสาย : ฮัลโหลนายเหรอ ตื่นรึยัง เธอผู้เป็นที่รักและเป็นอะไรหลายอย่างสำหรับการตั้งคำถามในชีวิตของผมโทรมา
ตัวผม : ไม่เชิงนะว่าตื่นรึเปล่า เอาเป็นว่าเธอมีอะไรล่ะ ถ้ามีก็จะตื่น ถ้าไม่มีก็จะนอนต่อ
ปลายสาย : นายไม่ไปเรียนเรอะวันนี้อาจารย์สุดใจที่รักนายเลยนะ
ตัวผม : ถ้าโทรมาพูดจารับประทานแล้วกวนเราแต่เช้าอย่างนี้ เอาเวลาไปเติมรูปนั้นให้เสร็จไป จะได้ส่งอาจารย์เสียที เธอกะจะเรียนวิชานนี้ ครบ 3 ปีรึไง ยัยบ้า
ผมพูดกระแทกน้ำเสียงใส่เธอไปกึ่งหงุดหงิดกึ่งรำคาญและกึ่งรักเธอ ใช่...ผมรักเธอละมั้ง รักในความบ้าบิ่นของเธอ และรักหลายๆอย่างของเธอที่สามารถตอบคำถามผมได้ อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นนั่นไง
ปลายสาย : ขอโทษนะที่ฉันยังวาดส่งไม่เสร็จและใบเกรดของปี 1 ยังไม่ออก เอาเถอะน่าฉันยังมีเวลางี่เง่าในรั้วมหาลัยอีก 1 ปีนี่นา จะรีบไปไหนฉันยังไม่ตายภายใน 1 ปี หรอก ไม่ต้องเดือดร้อน ก็ฉันยังหาแรงบันดาลใจไม่ได้นี่หว่า แต่วันนี้คิดว่าจะได้แล้ว จะไปด้วยกันมั้ย
ตัวผม : ไปไหนอีกล่ะ ชวนเราไป เกือบทั่วไทยแล้ว นะ ไม่เห็นจะวาดเสร็จเสียที เอาเถอะยัยบ้า...วันนี้จะไปไหนล่ะ
ปลายสาย : กลับดาวของฉันไง (นั่นประลัย...เอากะเธอสิจะบ้าไปถึงไหน) ดาวศุกร์ไง
ตัวผม : อะไรของเธอวะเนี่ย เออๆตอนนี้อยู่ไหน เดี๋ยวออกไปหา
เมื่อเธอกล่าวนัดเจอผมเสร็จ เจอกันตอน 8 โมง ที่มหาวิทยาลัย... ผมอยากกรี๊ดถ้าผมทำได้ ผมคงกรี๊ด นี่มันเพิ่งกี่โมงเองวะ อยากนอนจะตายห่.. เอาเถอะๆ เธอคงพูดเล่นแก้เซ็ง อยากรู้เหมือนกันไอดาวศุกร์ที่เธอพูดถึงนี่มันที่ไหน เธอบอกว่าวางแผนไว้หลายสัปดาห์แล้ว วันนี้แหละเหมาะจะเดินทางกลับดาวที่สุด และบอกแผนคร่าวๆไว้ว่า เธอจะโบกรถไป...เอากะเธอสิ โบกรถ แล้วถามเค้าว่า พี่คะไปดาวศุกร์มั้ยคะ
หึหึ... เธอมันบ้า ดีนะที่เกิดมามีหน้าตาที่ใช้ออดอ้อนชาวบ้านได้ รูปลักษณ์ภายนอกของเธอมันยังกับความลำเอียงของโลกมนุษย์ ถ้าไม่ใส่ให้เธอผิด ก็ลืมใส่กริยาอ้อนแอ้นที่ควรจะสอดคล้องกับภายนอกของเธอ ไม่แปลกหรอกที่ผู้หญิงทั้งหลายในมหาวิทยาลัยจะอิจฉา และผู้ชายทั้งหลายในมหาวิทยาลัยกลับด่าเธอลับหลังว่าเธอแสนจะหยิ่ง แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น... เธอคือความถูกต้องบนโลกที่ผิดพลาดต่างหาก
เธอทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ควรมองอะไรและรีบตัดสินจากภายนอก ผมเข้าใจคำว่าเปลือกอย่างลึกซึ้งนับตั้งแต่ผมได้คุยกับเธอ เมื่อ 3ปีก่อนหน้านี้ เธอแม่งสุดจะบรรยาย ไม่มีวันไหนที่เธอจะซ้ำเลย การแต่งตัว การแต่งหน้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ เมื่อวานมาดคุณนาย วันนี้มาดทอมบอย พรุ่งนี้มาดเซอร์ เธอไม่มีสไตล์เป็นของตัวเองหรอก ถ้าจะนิยามเธอบอกได้คำเดียว สไตล์ที่จะบอกความเป็นเธอได้ ก็ชื่อเธอนั่นแหละอธิบายได้ครบถ้วนที่สุดแล้ว มีอย่างเดียวที่ซ้ำคือท่าทางแสนจองหองของเธอ แต่จะมีใครรู้ล่ะว่า แท้จริงแล้วเธอโคตรขี้อายเลย ถือเป็นบุญผมแล้วที่ไม่มีใครรู้ความจริงหลายๆอย่างในตัวเธอ ผมจึงได้ถือครองเธอแต่เพียงผู้เดียวด้วยความอิจฉาของใครหลายคน
7 : 33 น. ตายละวา เหลือเวลาไม่นาน ดีนะที่อยู่หอใน (หอในมหาวิทยาลัย)
8 : 03 น.หน้าตึกคณะคร่ำครึ ขณะที่ผมวิ่งกระหืดหระหอบมา ก็เห็น เธอที่ผมรักนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด...น่ารักเป็นบ้า
8: 04:03 น. ผมหยุดยืนตรงหน้าแม่สาวจอมเพี้ยน
เธอ : มาสายนะ... ตั้งหลายนาทีเชียว วางหูแล้วนอนต่อล่ะสิ
ผม : (คิดในใจ...อะไรวะ 12 นาที ยัยนี่โทรปลุกเค้ายังไม่สำนึกอีก)แต่ก็มานี่ครับคุณผู้หญิง
เธอ : ช่างเถอะ เธอว่าเราเริ่มต้นหน้า มอ. หรือไปแถวๆทะเลดี
ผม : ทะเลก็ได้ ตกลงจะไปไหนจ๊ะ เดือนนี้มีเงินไม่มากนะ ก็รู้นี้ว่าเราเพิ่งซื้อสีชุดใหญ่
เธอ : เออน่ารู้แล้ว... ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก วันนี้เราจะโบกรถกัน ตอนโทรคุยกันเราบอกนายแล้ว นี่นา หลับหูหลับตาฟังอีกแล้วสิท่า
ผมพัก ทำหน้างง มองหน้าเธอ อยากพูด แต่เหมือนมีเนื้องอกกระทันหันตรงคอหอย ไม่สิ มีที่ลิ้นด้วย ไม่ๆ มีที่ปากด้วย ไม่ๆไม่ใช่ที่ปากไม่ใช่เนื้องอก แต่เหมือนยาชาที่หมอฉีดให้ตอนผ่าฟันคุด ผมพูดไม่ไม่ออก...ไม่สิ ไม่รู้จะพูดอะไร
เธอ : อ้าวยืนทำหน้าโง่อีก... ก็โบกรถไง คันไหนจอดให้เรา ก็ถามว่า “พี่คะไปดาวศุกร์มั้ย”... มันต้องมีซักคันสิน่าที่ไป ตกลงจะตอบเราได้ยังว่าเราจะเริ่มต้นที่ไหนกันดี หน้ามอ. หรือ แถวๆทะเล แถวๆท่ารถก็ได้ เอาไงดีล่ะ(เธอยักคิ้วเป็นเชิงถาม)
ผม.. ไม่ๆปากผมเหมือนยาชาใกล้จะหมดฤทธิ์อาการลักษณะที่ว่าไม่ชาเท่าเมื่อกี๊ แต่เหมือนค้นหาปากตัวเองไม่เจออยู่ดี รู้ตัวอีกทีก็ตอบเธอไปว่า
ผม : ทะเลดีกว่ามั้ง
แล้วเราก็ตัดสินใจไปท่ารถริมทะเลกัน ที่เมื่อปลายเดือนที่แล้วเราเพิ่งนั่งรถไปเที่ยวเชียงใหม่กัน ตลกเธอว่ะ! จากใต้ขึ้นไปเหนือ จากเหนือกลับ กทม. กลับไปหาพ่อแม่เธอ เธอบอกผมว่าปกติเธอไม่ค่อยได้เที่ยวไหน เพราะพ่อแม่ไม่ปล่อยไปไหน ผมแสดงความคิดในช่วงที่เรายังไม่สนิทกันมาก ว่าเค้าคงหวงเธอล่ะสิ ลูกสาว(โคตรน่ารัก)นี่นา แต่เวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี ความคิดนั้นคงเดิมเปลี่ยนไปตรงที่ พ่อแม่เธอคงเป็นห่วงคนรอบข้างเสียกระมัง..หึหึ เธอชอบผมเพราะผมพาเธอไปได้ในทุกที่ที่เธออยากไป และไม่เคยไป เธอรักผมเพราะผมตามใจเธอทุกอย่าง... เธอรักผมเพราะผมเข้าใจเธอทุกอย่างมากกว่า
9:03 น. เรามาถึงท่ารถริมทะเลที่ว่า อันที่จริงเราควรมาถึง เร็วกว่านี้ราวๆ 30 นาที แต่เพราะผมเองที่ผิด ที่บ่นกกะเธอเรื่องไม่ค่อยมีเงินเมื่อหลายวันที่ผ่านมา เธอเลยสรุปเอาเองแบบทุกครั้งในความหมายว่าผมไม่มีตังค์แล้ว เธอเลยใช้วิธีการเดินเท้าจากมหาวิทยาลัยมายังริมทะเลแทน เธอนี่ก็แปลกเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เธอเดินเข้ามาหาผมในห้องนอนพร้อมกับวิสาสะที่เธอไม่เคยปล่อยและถือมันไปด้วยทุกครั้งที่เข้ามาในห้องผม โดยพละการ จำได้เลยคืนนั้น ตี 3 กว่าๆได้ เธอออกมาจากหอพักหญิงแล้วเดินตุปัดตุเป๋เมาแอ๋หน้าแดงเข้ามายังห้องผม กุญแจห้อที่ผมปั๊มให้เธอล่วงแหมะลงพื้น
พร้อมกับที่เธอยื่นหนังสือที่หนากว่าปกติ แต่เป็นความหนากว่าปกติที่เป็นปกติของเธอ เพราะเธอแม่งชอบพับหนังสือ ทั้งๆที่ชอบสรรซื้อและเสียเวลาคราวละหลายๆวันทำที่คั่นไว้หลายๆอัน แต่เธอไม่ใช้ ไม่ต่างกับอะไรหลายๆอย่างที่สรระซื้อสรรสร้างแต่ไม่ใช้ เก็บลงกรุ “ ก็ถ้าใช้มันก็เก่าสิ... เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนสีหรอก... ไม่รู้จะใช้อันไหนดี... ไม่มีเสลาเลือกเลยเมื่อเช้าเรามัวแต่เลือกนั่น นู่น นี่ โน่น...” สารพัดคำอ้างของเธอ อ้อ!!ผมลืมเรื่องหนังสือหนาของเธอไปเสียได้ นั่นแหละหนังสือที่มีการแปลทั่วโลก และยอดจำหน่ายสูงปรี๊ดบ่อยๆ เธอบอกว่าได้มาหลายสัปดาห์แล้ว อ่านแล้วร้องไห้(อีกแล้ว) อยากให้ผมอ่าน เธอบอกว่ามันจะทำให้เรา 2 คนเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งที่วันก่อนเธอยังบอกว่าผมเข้าใจเธอดีที่สุด
แต่เมื่อหลายวันก่อนเราก็เพิ่งทะเลาะกัน แล้วเธอก็เพิ่งบอกว่าผมไมเคยเข้าใจเธอเลย หนังสือเล่มนี้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินจนชนหูสำหรับนักอ่านอย่างผม แต่ก็เหอะไม่ค่อยคุ้นเลยว่ะ แล้วเธอก็แก้ตัวตามนิสัยชอบเอาชนะของเธอ “ เห็นนานแล้วล่ะ.. แต่มันแพงเลยไม่ได้ซื้อ พอดีเล่มนี้แอบหยิบของพี่สาวมาเรามาน่ะ อ่านแล้วมันโดนจริงๆ...” ตุ๊บ!!! แล้วเธอก็ล้มลงนอนบนโซฟาในห้องผม ตื่นอีกทีก็บ่าย3 ของอีกวัน ตอนที่ผมเลิกเรียนคาบบ่าย แน่นอนเธอไม่ได้เข้าเรียน
MEN ARE FROM MAR, WOMEN ARE FROM VENUS…. ผมว่าหนังสือเล่มนี้กระมังที่ทำให้เธออยากไปดาวศุกร์ เธอมันบ้าระห่ำ
9:30 น. เรากิอาหารเช้าแถวๆนั้นแหละ เสร็จ ผมนั่งปล่อยพุงเรื่อยเปื่อยกำลังจะหันมาชวนเธอกลับห้องผมดีกว่า ท่าทางวันนี้ฝนจะตก มืดครึ้มเสียจริง
9:33 น. มันเริ่มขึ้นแล้ว
เธอ : วันนี้อากาศเป็นใจซะด้วยสิ ไม่มีแดดเลย แต่ถ้านายยังไม่ตื่นดี ไปนอนรอแถวนั้นก็ได้นะ (เธอชี้ไปที่ใต้ต้นมะพร้าวใกล้ๆ )เดี๋ยวเราไปยืนเรียกรถเอง(แล้วเธอก็ชี้ไปที่ริมถนนใกล้ๆต้นมะพร้าว) เราไปก่อนนะ... (แล้วเธอก็วิ่งไปริมถนน)
เอาไงละครับ ผมจะทำไงดี ทำตามที่เธอบอกแล้วกัน ไปนอนใต้ต้นมะพร้าว แต่ไม่ได้หลับตามที่เฮบอกหรอกนะ ผมห่วงเธอ ยังไงยัยนี่ก็เป็นผู้หญิงน่ารักสำหรับคนที่แรกเจอ เกิดสุ่มสี่สุ่มห้าโบกแล้วไอพวกบ้าจี้ที่ไหนยอมไปกะเธอ ผมคงบ้าแน่... กลายเป็นผมนั่งดูเธอโบกรถตั้งแต่ตอนนั้น เธอยิ้มหวาน เสียงแจ้วๆลอยลมมาแต่ไกล บางครั้งผมก็มองเธอสลับกับทะเล วันนี้ฟ้าเป็นใจจริงๆฟ้าร่มแต่ไม่มีแดด สบายอย่างบอกไม่ถูก ก็ดีสำหรับผมสำหรับช่วงเวลาร้ายๆหลายวันที่ผ่านมา กับอาการจิตตกของผมถึงขั้นไม่ยอมออกไปเจอเธอเกือบสัปดาห์ทีเดียว นั่นค่อนข้างใจร้ายกับคนขี้เหงาอย่างเธอ แต่เธอเข้าใจความบ้าของผมเช่นกับที่ผมเข้าใจเธอ ไม่รู้อีท่าไหนเธอตัดสินใจติดต่อผมก่อน ไม่เหมือนทุกครั้งที่ต้องรอผมหายบ้าแล้วติดต่อเธอเอง
13:13 น. ผมผลอยหลับไปได้ สัก เกือบครึ่งชั่วโมงและสะดุ้งตื่น
เธอ : เฮ้ย!!!! ตื่น หิวแล้วหาไรกินก่อน
แล้วเราก็เดินกลับไปนั่งร้านเดิมกับเมื่อตอนเช้า เธอกินกับเหลือแต่ข้าวอีกแล้ว กับกาแฟเย็น ค่อนแก้วแล้วยิ้มหวานให้ผม แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าบูดเบี้ยวและก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ ตอนที่ผมหลับไปผมพลาดอะไรแน่ๆ
เธอ : เมื่อกี๊ที่นายหลับน่ะ มีรถ 2 ประตูสีขาวอย่างหรูเลยนะจอดแล้วบอกว่าไปดาวศุกร์ครับ แล้วเราก็ดีใจฉีกยิ้มปากถึงหู แล้วก็บอกว่ารอแป๊บนะคะเดี๋ยวเราเรียกแฟนก่อน แล้วก็ชี้มาที่นายน่ะแล้วไอบ้านั่นมันก็บ่นห่.. ไรไม่รู้แล้วก็บอกว่าวันนี้มันไม่ว่างไปก่อนนะ แล้วค่อยไปดาวศุกร์กันใหม่
ผม : เหรอ ทำไมไมรีบขึ้นรถมันแล้วทิ้งเราไว้ล่ะ(ผมหงุดหงิดบ้าไรวะเนี่ย)
เธอ : หึงเหรอ ไม่เอาน่า..นายก็รู้ว่าเราไม่ใช่แบบนั้น นายก็รู้(เธอหน้าจ๋อยๆ เหมือนทุกครั้งที่น้อยใจและงอนผม)
13:53 น.เรากินอิ่ม เธอกุลีกุจอเอาหูฟังกะมือถืออวัยวะชิ้นที่ 33 ของเธอ แล้วโยนกระเป๋าสะพายหนัง ที่ได้มาเพราะกลิ่นของมัน เธอบอกว่าใบนี้กลิ่นดีที่สุด... คล้ายๆเมื่อเช้าเลย ต่างกันตรงที่ผมเดินตามเธอไปด้วย ไม่ใช่หึงเธอนะ!!แต่อยากเห็นตอนเธอทำบ้าใกล้ๆ
ยัยต๊องเอ๊ย... ยิ้มให้ใครมั่งวะทั้งวันเลย บางคนก็ส่งตาหวานเชียว บางคนแม่งก็หัวเราะเยาะเธอ บางคนก็มองเธอหางตา พวกผู้หญิงมองกันน่ากลัวจริงๆ ไม่รู้สิระหว่างนั่งมองเธอผมแอบยิ้มไปไม่รู้กี่รอบ รถผ่านมาทีเธอก็เอาหูฟังออกข้างนึง ช่วงไหนไม่มีรถ เดี๋ยวเธอก็เดินเล่นตามฟุตบาธที่เธอชอบ เดินแบบไม่เหยียบเส้นฟุตบาธไงล่ะ หรือบางทีก็งึมงำไปตามเพลงที่เธออุดหู แล้วก็หันมายิ้มให้ผมที หรือหยิกแก้มผมที เออสนุกดีว่ะ... แม่งนั่งเครียดมาตั้งหลายวัน รู้อย่างนี้ออกมาเจอเธอดีกว่าตั้งเยอะ
15:51 น. เธอหันมาหาผมในขณะที่ผมนั่งอยู่ตรงหลัก กม3.ริมฟุตบาธขณะเดียวกันนั้นหมวกเธอก็ปลิวด้วยแรงลม ลอยไปกลางถนน หมวกสีขาวใบเก่งของเธอ... แล้วเธอก็วิ่งอย่างบ้าเลือดตามหมวกไปกลางถนน ผมได้แต่ยืนขานิ่ง เพราะได้ยินเหมือนเสียงรถใหญ่ใกล้เข้ามา ทำอะไรไม่ถูก เพราะครั้งแรกที่เห็นมันปลิวผมกำลังจะบอกว่าเดี๋ยวผมเก็บให้ แต่เธอเร็วกว่าใจผม...
...............
.........................
........................................
...........................................
........................................
...........................
..............
15:53 น. ช่วงเวลา 2-3 นาทีที่หัวใจผมเต้นเร็วจนเหมือนหยุดเต้น หน้าร้อนผ่าว รู้สึกราวกับว่าทั้งร่างกายชาไปทั้งตัว ชั่ววินาทีที่เหมือนน้ำอุ่นๆพาลจะไหลออกจากตาทั้งสองข้าง
เธอ : เป็นไรนั่งแข็งเป็นหินเลย ปวดท้องหรอ... ไปเหอะ ไว้เราค่อยกลับดาวกันวันหลังแล้วกัน วันนี้ขอกลับไปนั่งวาดรูปต่อก่อน
ผม : (นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรโต้ตอบเธอแม้แต่น้อย ไม่กล่าวว่าเธอที่ทำให้ผมเกือบหัวใจวายตายเมื่อครู่ ไม่ยินดียินร้ายกับท่าทางกระหืดกระหอบของเธอ สิ่งเดียวที่สมองผมสั่งการได้คือดึงเธอเข้ามากอด และเรียกน้ำตาให้กลับคืนที่ๆมันออกมา)
ผมกอดเธอแน่นมากๆ 3 ปีที่เราคบกัน 3 ปีที่เรารู้จักกัน 3 ปีที่ผมมีเธอและเธอมีผม ณ วินาทีนี้ผมเพิ่งรู้ตัวและตอบคำถามตัวเองได้อย่างแน่ชัดที่สุด คือผมรักเธอมมาก และถ้าเมื่อครู่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่ผมคิดไว้ผมคงเป็นบ้านับแต่นี้แน่ๆ ผมสัญญากับตัวเองทันทีว่านับแต่นี้ต่อไปผมจะอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา จะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน จะรักษาเรื่องราวระหว่างเราและต่อเติมมันเรื่อยไป เคียงข้างเธอ
เธอ : เป็นไงวันนี้อาการบ้าเงียบงึมของนายดีขึ้นมั้ย คิดว่าเราจะไปดาวศุกร์จริงรึไง เราก็แค่ชวนนายออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ...
แล้วผมก็ห้ามไม่ได้ ขณะที่มือยังสวมกอดน้ำตาที่เธอไม่เคยเห็นก็ไหลออกมา ราวกับเด็กเล็กๆที่แม่ปิดบ้านไปซื้อของตอนเราเผลอหลับ แล้วพอตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอแม่ เลยเอาแต่ร้องไห้ตอนแม่เปิดประตูกลับเข้าบ้าน เธอไม่พูดอะไรสักคำ แต่ลูบหัวผมไม่หยุด อยู่ตรงฟุตบาธริมทะเล ที่ๆที่จะกลับดาวของเธอนั่นเอง
Discussion (10)
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
และขอโทษสำหรับการสะกดด้วยค่ะเป็นคนชอบพิมรัวและไว้เล็บอะค่ะเลยพิมผิดบ่อยๆ...แหะๆ
เรื่องนี้ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่ามันขัดๆหรือมันเหมือนไม่จบ
ไม่ต้องแปลกใจค่ะ
มันเป็นหนึ่งในสี่เรื่องสั้นที่รวมเป็นหนึ้งเรื่องยาว
รอซักวันได้รวมเล่มน่ะค่ะ
ระหว่างนี้ติดตามผลงานจากนิตยสารcrushไปก่อนนะคะ
แล้วก็Yoga Journalฉบับเดือนพ.ย./ธ.ค.เป็นต้นไปค่ะ
ปล.ลืมแนะนำตัว...ชื่อแนทนะคะเป็นสมาช้กใหม่ไม่กี่วันที่แล้วค่ะ^^
เราว่าก็น่าสนใจดีค่ะ
เพียงแต่ขอแอบติดนิดนึง ตรงความต่อเนื่องนะคะ เพราะเราอ่านดูคร่าวๆ รู้สึกเหมือนฟังคนเล่าอะไรมากกว่า คิดว่าถ้าเป็นการเขียน น่าจะมีการเกลาคำมากกว่านี้ เพื่อให้คนอ่านเข้าใจตลอดทั้งเรื่องค่ะ แล้วที่สำคัญ ต้องระวังเรื่องการสะกดคำด้วยนะคะ
สู้ๆค่ะ
โดยรวมก็โอเคแล้วนะคะ
แต่จะติดตรงภาษา และการใช้คำ
ตัวสะกด ลองศึกษาเพิ่มเติม
(ดูการเรียงประโยคและการสื่ออารมณ์ก็ดีนะคะ เราว่ายัง
ขัดกันอยู่)
สู้ๆๆๆค่ะ
มาชี้แจงเรื่องประลัยค่ะ
ประลับในที่นี้หมายความว่า นั่นไง เอาแล้วไง(ซวยแล้วกรู...ชิบหายแล้ว) เอาแวจุ้ย ทำนองนี้น่ะค่ะ
ส่วนคำว่าว่าประไรไม่มีความหมายค่ะ
ปะไรเป็นแสลงมาจากคำว่าเป็นไรค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคำค่ะ
ทำให้แนทไปค้นราชบัณฑิตฯมาเลยทีเดียว
แต่ดีค่ะ ชอบๆๆๆ จะได้ไม่หยุดนิ่ง@^^@
ขอบคุณจริงๆค่ะ