อยากให้ผู้หญิงทุกคนได้อ่านค่ะ จากประสบการณ์ตรงของเด็กอายุ19 !! ซีสต์....ซีสสสสกว่าที่คิด
tatoto_ome82 ซีสต์......... Zeedd กว่าที่คิดจ้ะ
หวัดดีจ้า ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ ส้ม นะคะ อายุ 19 ปี
วันนี้ส้มมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังค่ะ อันนี้ขอบอกค่ะว่า เป็นเรื่องของส้มเอง อยากให้ผู้หญิงทุกคนอ่านนะคะ
โดยเฉพาะคนที่ปวดประจำเดือนทุกๆเดือน ปวดมาก ส้มก็เป็นคนนึงค่ะที่ปวดจนแทบเดินไม่ไหว ไปเรียนไม่ได้
แต่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย ว่าตัวส้มจะป่วยเป็น โรคถุงน้ำรังไข่ ส้มเริ่มปวดมาตั้งแต่อยู่ม.4 ค่ะ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่ตอนหลังๆ จากคนไม่มีสิว ก็เริ่มมี เริ่มมีอาการขนดก+หน้ามัน แถมน้ำหนักขึ้นลดลงแต่หน้าท้องใหญ่(อาการท้องมาร)
มากค่ะ กลมดึ๊ก กลมเหมือนคนท้องค่ะ (ของส้มนี่ขนาดประมาณคนท้อง6-7 เดือน ใหญ่มากใช่ไหมคะ) ต้องขอบอกว่าส้มสูง 170 ซม.
น้ำหนักเดิมอยู่ที่57กิโลค่ะ แต่น้ำหนักตอนเป็นเจ้านี่ประมาณ 70 กิโล ไปไหนชอบมีคนทักว่าท้องหรือเปล่าเสียเซลฟ์ไป
หลายกระบุง 555555+ ในใจคิดว่าแค่ อ้วนลงพุง แล้วมันก็ค่อยๆเผยอาการออกมาเรื่อยๆ โดยที่เราก็ไม่ใส่ใจ เราก็หาหมอรักษาสิว
+ลดความอ้วนไปเรื่อย 5555+ (แถมหลังๆ แค่เดินก็เหนื่อยแล้ว จุกหน้าอกบ่อยๆด้วย ไปหาหมอคลินิกใกล้บ้าน เค้าก็ว่าอาจเพราะ
เราอ้วน หึหึ.... แต่ความจริงคือ มันลามขึ้นไปทับลิ้นปี่ค่ะ ตอนผ่าหมอบอกว่าช้าอีกนิดก็ใกล้...แล้ว) จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาพยามลด
ความอ้วนลงมาอยู่ที่65 แต่หน้าท้องค่ะมันกลมบล๊อกไม่ยอมลง กดดูก็แข็งๆเด้งๆ จนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส้มป่วยเป็น
เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้สูง หายใจลำบาก แถมมีจุดแดงๆขึ้นเต็มตัว แล้วคุณแม่พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
(ช่วงนั้น 2009 กำลังระบาดค่ะ ) คุณหมอขอเจาะเลือดแล้วอยู่ดีๆคุณหมอก็ทักค่ะ "นู๋แต่งงานหรือยังลูก" ส้มตกใจรีบตอบแบบรนสุดๆ
"ยังค่ะหมอ นู๋ยังเรียนอยู่เลย" ตอนนั้นส้มกับคุณแม่หน้าเสียค่ะ คุณหมอเค้าก็อธิบายตามความสงสัยของเค้า ว่าทำไมอายุแค่นี้?
แต่หน้าท้องใหญ่มาก น่าจะป่วยเป็นถุงน้ำในรังไข่ เลยขอส่งไปหาหมอสูติฯให้ช่วยอัลตร้าซาวด์ค่ะ ตอนนั้นกลัวมาก โชคดีวันนั้น
ส้มไปเจออาจารย์หมอศรีจำนงค์ ท่านใจดีมาก ท่านก็ฟังเสียงในท้อง แล้วก็พาไปอัลตร้าซาวด์ พอคุณหมอเห็นท่านก็ตกใจมากค่ะ
ในท้องส้มมีถุงน้ำขนาดใหญ่มาก (เส้นผ่าศุนย์กลาง28 ซม.) อยู่ที่รังไข่ด้านซ้าย คุณหมอท่านรีบถามค่ะ ว่าอาการท้องมารของนู๋
เป็นมานานแค่ไหนว่ารู้ไหมว่ามันใหญ่และถ้ามันแตกจะยิ่งอันตรายมาก แล้วจะผ่าเลยไหม ถ้าผ่าคุณหมอจะนัดผ่าวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ
แต่ตอนนั้นคิดว่า ราคาคงสูงมาก ( ตอนนั้นที่นั่นเปิดมาอยู่ที่55000บาท+/- รวมค่าห้องพิเศษ+ค่าอาหาร2วัน ) +เรากำลังช๊อคเลย
ขอกลับบ้านมาก่อน มาปรึกษาครอบครัวว่าจะเอายังไง เพราะในครอบครัวส้มเป็นผู้หญิงคนเดียวเป็นลูกคนสุดท้อง ทุกคนคิดว่าน่าจะไป
ผ่าที่โรงพยาบาลศิริราชเพราะน่าจะรักษาดีกว่า พอวันรุ่งขึ้นก็เลยรีบไปศิริราชแต่ตี 5 ครึ่งแต่ได้หาหมอประมาณ11โมงค่ะ ตอนนั้น
เหนื่อย+เครียดมากกกกๆๆๆ แถมให้เราเป็นเคสศึกษา ให้นักเรียนแพทย์มาดูให้เราตวจ ต้องอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง
ภายในแถมล้วงเข้าไปคลำในมดลูกเราด้วย เจ็บมาก แถมตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆค่ะ คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้ที่นี่ก็เป็น ดร.
แต่พูดจาแย่มาก (แต่พอไปเจอที่เอกชนต่างกันราวฟ้ากับเหว หึหึ) หมอเลยนัดเจาะเลือด (เจาะไปเยอะมากค่ะ เข็มใหญ่มาก) +
เอ๊กซเรย์วันรุ่งขึ้น เพื่อวางแผน+จองเตียงผ่าตัด ซึ่งราคาผ่าตัดที่นี่เปิดมาที่ 40000 บาท (ไม่รวมค่าห้องนะคะ ส้มต้องอยู่ห้องพิเศษ
เพราะเคยมีประวัติแผลติดเชื้อค่าห้องเดี่ยวอยู่ที่ 2150 บ./ คืน+ค่าอาหารอีก 200 บาท ส่วนค่าพยาบาลจำไม่ได้ค่ะ) แถมต้องรอไป
เรื่อยโดยไม่รู้จะผ่าเมื่อไหร่ เพราะส้มเจาะจงค่ะ ว่าต้องการให้ท่านอาจารย์เรืองศิลป์ เชาวรัตน์เป็นคนผ่า เพราะญาติไปทำเด็กหลอด
แก้วกับของท่านค่ะ แถมเค้าเคยป่วยเหมือนส้มแต่ก้อนเล็ก(ผ่าตัดผ่านกล้องได้)แล้วท่านเป็นคนผ่าตัดให้ (แถมตอนนั้นท่านยังไม่ได้รับ
เราเป็นเคสเพราะวันที่มาท่านไม่ได้เข้าเวรค่ะ เราต้องไปตามหาท่านที่คลินิกเพื่อนัดท่านเอง) ถามแล้วพยาบาลที่ดูแล ให้ช่วยนัดให้
ได้ไหม เค้าก็เฉยค่ะ เค้าบอกว่าเรื่องของคุณต้องจัดการเอง ถ้าจะรอก็น่าจะ2 เดือนอย่างต่ำ โหหหหหหห....ตอนนั้นรู้สึกแย่มากค่ะ
แย่สุดๆ เพราะมาที่นี่ว่า 2 วัน เสียไปประมาณ5000 บ. ไม่ต่างจากเอกชนเลย เราดิ้นรนมาทำไม (เรื่องอะไรก็ไม่เดือดร้อนเท่าที่
เรารู้สึกเจ็บ เหมือนว่ามันมีอะไรมาดันตรง สะดือเราตลอดเวลา ปวดจุกไปหมด ปวดหลังมากขึ้นเรื่อยๆ แปลกเนอะคนเรา ตอนไม่รู้
ว่าป่วย!! เราเฉยๆ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน พอรู้แล้วเราเป็นไปเรื่อย ตอนนี้เข้าใจคนที่เค้าป่วยหนัก...แล้วว่า ทำไมเค้าถึงทรมาน
แล้วอาการทรุดเร็ว ของแบบนี้จิตใจมันสำคัญจริงๆ) แถมต้องรอ...ตอนนั้นไม่ไหวแล้วค่ะ เลยกลับมาที่บ้านมาคุยกันอีกที พอเล่าให้
ที่บ้านฟังทุกคนก็ตัดสินใจว่าไม่รออีกแล้ว ไปผ่าที่โรงพยาบาลเอกชนที่เราตรวจเจอดีกว่า ใกล้-สะดวก ราคาไม่หนีกันเท่าไหร่ ไม่
ต้องรออะไรทั้งนั้น เมื่อบ้านเลยตัดสินใจไม่รอ วันรุ่งขึ้น(ศุกร์ที่ 12) เลยกลับไปหาอาจารย์หมอศรีจำนงญ์อีกครั้งค่ะ เพื่อวางแผนผ่าตัด
+จองห้องพัก ทุกอย่างดุไม่วุ่นวาย แล้วท่านก็อธิบายรายละเอียดของการผ่าตัดว่า ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้องแต่ต้องผ่าแนวดิ่งค่ะเหนือ
สะดือชนหัวเน่า ผ่าแนวบิกินี เหมือนผ่าคลอดไม่ได้ คุณหมอก็นัดค่ะ แล้วขอเจาะเลือดเพิ่ม+เอ๊กซเรย์ปอดอีกครั้งตอนเช้าของวันที่
มาผ่าตัด ให้งดน้ำ+อาหารตั้งแต่วันที่ 15 ตอนเที่ยงคืน (นัดเข้าไปผ่าตัดในวันที่ 16 มิถุนายน) จัดการเสร็จเดินออกจากโรงพยาบาล
แบบสบายใจสุด ไม่ต้องมาเครียด+กังวล+เหนื่อย+ทรมานสุดๆ อย่าง2-3วันที่ผ่านมา ตอนนั้นส้มขอบอกเลยว่าอยากผ่าให้เร็วที่สุด
ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ไม่ร้องไห้ ยิ้มตลอดให้กับทุกคนเวลา รู้สึกว่าตัวกำลังใจดีมากถึงจะเจ็บมากแล้ว ต่างกับคนในครอบครัวที่เค้า
ร้องไห้ เค้าเศร้า กลัว+กังวลแทนส้ม ) พอถึงเวลาเราก็งดน้ำตั้งแต่วันที่ 15 ตอนเที่ยงคืน พอเช้าไปถึงโรงพยาบาลตอน 9 โมงเช้า
วัดความดัน+ชั่งน้ำหนัก(วันนั้นหนัก64.5กิโลค่ะ) +เอ็กซเรย์+เจาะเลือด+เสียบสายน้ำเกลือ แล้วไปนอนเล่นรอที่ห้องพัก
เพื่อโกนขน+สวน...ทำความสะอาดลำไส้ค่ะ แล้วประมาณเที่ยง จนท. เค้าก็มาพาไปห้องผ่าตัดค่ะ พอไปถึงทางเข้าห้อง
ส้มยิ้มชู 2 นิ้วให้คุณแม่ค่ะ เห็นคุณแม่แล้วสงสารท่านมาก ตอนที่พี่ๆ ทีมผ่าตัดที่มารับ เค้าก็มาซักถามประวัติ+อาการ ตอนนั้น
ส้มก็ตอบ+คุยกับเค้าแบบสบายขำๆ เค้าก็ชมว่าส้มกำลังใจดีมากๆ เพราะเค้าว่าไม่กลัวเลยหรอที่อายุน้อยแล้วป่วยขนาดนี้
ตอนนั้นส้มตอบว่า ไม่กลัวค่ะ นู๋อยากหาย อยากผ่าให้เร็วสุด นับวันอยากมาโรงพยาบาล อยากกลับไปเรียน อยากให้ทุกคนสบายใจ
พอไปนอนบนเตียงผ่าตัดไม่ถึงนาทีเค้าก็เริ่มวางยาสลบค่ะ พอนับ 1...2...คร๊อกกก.... (เริ่มผ่าตอนบ่ายโมงรู้สึกตัวอีกก็ตอนออกมาจาก
ห้องผ่าตัดประมาณ 5 โมงเย็น) ตอนนั้นได้ยินแค่ว่า "น้องเค้าจะปวดมากนะคะคุณแม่ ให้ยาอะไรไม่ได้เลย เพราะเค้าแพ้ยามากๆเลย"
ตอนนั้นเจ็บมาก รู้สึกตัวเบาหวิวแบบว่าจากยัยอืด ตอนนี้แบนติดเตียงค่ะ(เพื่อนๆมาเฝ้ายังเอ๋อไปเลยค่)ะ เจ็บสุดๆแล้วค่ะ ทรมานมากมาย ต้องขอมอร์ฟีนทุก2 ชม.(ซึ่งมีผลข้างเคียงคือ มันทำให้จะคลื่นไส้
อาเจียนมาก ต้องให้ยาแก้อาเจียนควบคู่ ) แถมตอนนั้นขยับเองไม่ได้ พยาบาลต้องมาพลิกตัวให้ทุก 2 ชม. จนวันรุ่งขึ้นตอน9โมงเช้า
คุณหมอมาเยี่ยมพร้อมพี่ๆทีมผ่าตัด เปิดแผลให้ดูน่ากลัวมากมาย ไม่สวย เพราะไม่ได้เย็บค่ะ ใช้สแคร๊บเปิล...อันนี้ไม่มั่นใจนะคะว่า
เรียกถูกหรือเปล่า ขออภัยจริงๆ เพราะว่าต้องการความแข็งแรงให้แผล คนผ่าตัดมักจะไอ เด๋วไอแล้ว แผลแตก (ยิงแม็กค่ะประมาณ 50
ก่าอัน) คุณหมอก็อธิบายผลการผ่าตัดให้ฟัง ถุงน้ำที่ผ่าออกมามันใหญ่มาก แล้วคุณหมอไม่อยากเจาะ กลัวมันแตก แล้วถ้าเป็นมะเร็ง
ก็จะขั้น3 ทันที จึงต้องกรีดแผลยาวและใหญ่ เพื่อดึงออกมาทั้งก้อน พอเอาออกมา ดูด้วยแล้วไม่สงสัยน่าจะมีเชื้อมะเร็ง แต่ยังไงก็ต้อง
ส่งไปตรวจ หมอพยายามให้แผลเล็กที่สุดแต่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ และที่ต้องใช้คลิ๊ปก็เพราะแผลยาวมากค่ะเย็บสอยไม่ได้ เย็บแล้วพอเราไอมันปริแน่ๆ เพราะเจ้าถุงน้ำมันใหญ่เหลือเกิน แล้วเค้าก็เอารูปให้ดูค่ะ (ไม่ได้เห็น
ของจริงเพราะต้องส่งไปพิสูจน์ที่สถาบันมะเร็งฯค่ะ) พี่ๆทีมผ่า เค้าก็แซวว่า มันอยู่ในท้องส้มได้ยังไง ตกใจใช่ไหม พวกเค้าก็ตกใจ
เหมือนกันค่ะ เพราะใหญ่เหลือเกิน (ผ่าออกมาแล้ว ได้ถุงน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 28 ซม.จริงๆ และ หนัก 7 กิโลแบบว่าเต็มกาลามัง
(แถมมันไม่ได้เป็นข้างซ้ายเหมือนที่ตอนตววจเจอ มันเป็นที่ข้างขวาแต่ดันออกมาสุดแล้ว) เห็นแล้วก็รีบถามถึงอาการปวดชายโครง
ด้านซ้ายค่ะ พี่เค้าก็บอกว่า ตอนเอาถุงน้ำออกออกคุณหมอต้องถ่างช่องท้องสุดๆ อาการปวดเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
( T_T ) " และได้รับข่าวดีอีกค่ะ พอเอาก้อนใหญ่ออก เจอที่รังไข่ข้างซ้ายอีกก้อนเป็นก้อนเล็กขนาดเซนกว่าๆ อันนี้คุณหมอบอกว่า
อายุประมาณ 3 เดือน คุณหมอเลยตัดทิ้งแล้วเอาไฟฟ้าจี้เพื่อยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก. (สรุปว่าตัดรังไข่ทิ้งไปข้าง) ให้เสียบสายน้ำเกลือ
จนกว่าจะกินข้าวได้ ( ใส่ 3 วัน 9 กระปุกเอง แหะๆ อืดพะย่ะค่ะ ) แล้วต้องพยายามเดินค่ะ เพื่อให้ลำไส้ทำงาน ไม่งั้นท้องจะอืดแล้ว
ต้องใส่สายยางระบายลม คิดสภาพคนเพิ่งผ่าตัดเมื่อวาน พอรุ่งขึ้นต้องเดินค่ะ ทรมานสุดๆ ต้องมาเดินมึนๆ เพราะยาสลบ หึหึ
แบบว่าเวียนหัวจะอาเจียนตลอดเวลา...คนที่เคยผ่าจะเข้าใจดี!! แล้วต้องอยู่โรงพยาบาลดูอาการไปอีกอย่างน้อย 5 วันค่ะ
หรรษากันไป รวมแล้วอยู่ไป 5 คืน6วัน ( คนที่มาเยี่ยมแล้วเห็นรูปถุงน้ำที่ผ่าออกมา มีแต่คนตะลึง!! 5555+ แอบเสียวไปตามๆกัน
ปล.ต้องขออภัยที่ไม่ได้เอารูปมาลงให้ดู พอดีไม่ได้ขอเค้ากลับมา คุณแม่ไม่อยากให้เอามาอ่ะแหะๆ)
ค่ารักษารวมๆแล้วประมาณ80000 กว่าๆ เพราะว่าใช้ยานอกค่ายาจึงแพงมากๆ พอกลับมาดึงคลิ๊ปออกในวันที่ 7 ชั่งน้ำหนัก เหลือ
54 กิโลค่ะ (ใช้เวลาในการเอาคลิ๊ปออกประมาณชั่วโมงนึงค่ะ ดึงสดๆ เจ็บมาก เจ็บจนร้องไม่ออก นอนน้ำตาไหล นึกถึงตอนตัดไหม
เราไม่เคยเจ็บ มาเจออันนี้ทนแทบไม่ไหวค่ะจะเป็นลม) แถมพอเอาออก ปรากฏว่าแผลยังไม่สนิทค่ะ ต้องเอาพลาสเตอร์รั้งไว้อีก 7 วัน
ห้ามไม่ให้โดนน้ำด้วย (เน่าไปอีก 7 วันซวยซับซวยซ้อน หึหึ) แถมกลับต้องมาพยายามหัดเดินให้ตัวตรงๆ ตอนนั้นแผลมันตึงมัน
ทรมานมากมาย แถมต้องมานอนทำใจกับแผลเป็นยาวคืบกว่าๆที่หน้าท้อง และนึกถึงอนาคต เพราะตอนนี้ส้มกลายเป็นคนมีลูกกยาก
ไปแล้วค่ะ เศร้าใจจริงๆ ต้องวางแผนการรักษาระยะยาว คอยระวังว่ามันจะเกิดอีกไหม อีก7วันต่อมากลับไปหาคุณหมออีกที
เพื่อให้คุณหมอดูแผลและวางแผนการรักษาต่อ คุณหมอบอกว่าช่วงแรกจะขอนัดอัลตร้าซาวด์ทุก 3 เดือนไปก่อน จนแน่ใจว่ามันจะ
ไม่เกิดขึ้นอีกแล้วจะลดความถี่ในการอัลตร้าซาวด์ให้ห่างมากขึ้นเรื่อยๆ (อาจจะ 6 เดือน-1ปีต่อครั้ง)
หลังจากผ่านพ้น 14 วันที่สุดทรหดมาได้ ก็มาเจอตารางนัดของคุณหมอค่ะ สำหรับส้มมันน่าเศร้าค่ะ เพราะคุณหมอนัดมาโรงพยาบาล
เพื่อตรวจ+อัลตร้าซาวด์ ครั้งแรกในวันที่ 14 กันยาที่จะถึงนี้ มันเป็นวันเกิดส้มอ่ะ (เพราะสองปีที่ผ่านมา วันเกิดตอนอายุ18 ก็หกล้ม
กระดูกร้าว,วันเกิดอายุ19 คุณน้ามาเสียอีก วันเกิดปีนี้...จะเจออะไรอีก ต้องลุ้นต่อไปค่ะ!!) และตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้ว
แถมใกล้วันนัดไปทุกที ทุกวันส้มก็ดูแลตัวเอง พยายามกินแต่ของที่มีประโยนช์ ดูแลตัวเองตลอด ให้ร่างกายแข็งแรง
เพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ในอนาคต ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ส้มก็เป็นส้มที่ยิ้มร่าเริงให้ทุกคน ทำใจสู้รับทุกอย่างต่อไป อิอิ...
ที่มาเขียนไม่ได้มาระบายอะไรนะคะ เพียงแค่อยากให้ประสบการณ์ของส้ม เป็นสิ่งเตือนใจ ให้ทุกคนใส่ใจตัวเองนิดนึง
เพราะแค่เราปวดประจำเดือนมันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสมอไป หากสาวๆที่เข้ามาอ่านเรื่องของส้มแล้ว มีอาการคล้ายๆส้ม
ขอให้รีบไปตรวจนะคะ อย่าปล่อยให้เนิ่นนานเหมือนส้มจนมันลุกลามใหญ่โต(เกือบตาย) ส้มโชคดีแล้วหวังว่า...ในอีกไม่กี่วัน
ข้างหน้าส้มจะยังโชคดี ไม่เจออะไรอีก อิอิ
สาวๆ คะ ซีสต์ บางชนิดเอาออกไม่ได้นะ บางคนต้องรอให้หมดประจำเดือนถึงผ่าเอาออกได้ ส้มเป็นซีสต์ที่ผ่าตัดแล้วหาย
บางคนต้องทรมาน ทนท้องบวมๆไปเรื่อย อยากบอกว่า คนอายุ 20 ต้นๆฮิตเป็นกันมาก หึหึ แต่อย่าเป็นเลยเนอะ
ถ้าใครป่วยเหมือนส้มก็ขอให้สู้ๆนะคะ ส้มเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ ค่ะ ยิ้มเข้าไว้ ทำใจสบายๆ อย่ากลัว เราแค่เจ็บนิดๆ เด๋วเราก็หาย
แค่เราต้องหาวิธีที่ดีที่สุด เพื่อตัวเราเองเนอะ ~
Discussion (82)
ดีใจด้วยนะค่ะ
*ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆค่ะ
อ.ศรีจำนงค์นั่นเอง
หะๆ
บ้านเมเองก็รักษากับท่านนะคะ
แต่เหมือนเคสของเม หมอศรีจะยังไม่เคยเจอหนักเยี่ยงนี้
คอนเฟิร์มว่าแกใจดีมากเลย
เคยหนักๆแบบทนไม่ไหว แล้วแกไม่ได้อยู่ที่บางปะกอก 1
แกบอกให้รีบมาที่บางกอก 9
เทคแคร์ดีมาก
อ้อ
เมอยู่สุขสวัสดิ์ 74 อะ เอิ้กๆๆ
(ปล. แอบบอกว่าอายุเท่ากัน ^^)
เป็นเราคงจะร้องไห้ไปแล้ว
เพื่อนเราปวดประจำเดือนแบบเดินไม่่ได้เลยมาตั้งแต่สาวจนตอนนี้เค้าจะสามสิบแล้ว
ป่านนี้เค้ายังไม่ยอมไปหาหมอตรวจเลยค่ะ คิดว่าเค้ากลัวการตรวจภายใน
ขนาดแม่ของเค้าเองป่วยเป็นโรคร้ายเกี่ยวกับช่องคลอดก็มัวแต่อายไม่ยอมไปตรวจเหมือนกัน
กลัวอายมากกว่ากลัวตาย ไม่รู้จะพูดยังไงกับคนบ้านนี้ดี