BHA กับ AHA นี่มันต่างกันยังไงแล้วมันช่วยเรื่องอะไรคะsakuraaa26 Sep 095ตามนั้นคะ แล้วช่วยบอกวิธีใช้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆคะDiscussion (5)SEND Anonymous11 yr.ครีมบางตัวมีส่วนผสมทั้ง AHA และ BHA ในขวดเดียวกัน ในสัดส่วนเฉพาะ มันเลยน่าจะใช้พร้อมกันได้ครับ REPLY bakatori16 yr.แอบสงสัยนิดนึงค่ะ แล้วถ้าใช้ AHA พร้อมกับ BHA ได้รึป่าวคะ REPLY kjg141216 yr.เพิ่มนิดนึงนะคะจากห้องแป้ง 1.AHA ละลายในน้ำ BHA ละลายในไขมัน เพราะเหตุนี้ BHA จึงสามารถซึมไปในรุขุมขนและช่วย ผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน ช่วยลดปัญหารูขุมขนอุดตันแล้วก่อปัญหาสิวได้ ส่วน AHA จะช่วยผลดเซลล์ผิว เฉพาะเซลล์ผิวชั้นบนสุดเท่านั้น 2.ทั้ง AHA BHA จะทำงานได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพวะ กรดเบสที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่ง pH ที่เหมาะสมในการทำงานของAHA BHA คือ 3-4 ถ้าเกินกว่านี้ BHA และ AHA ก็จะไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ เป้นได้แค่เพียงให้ความชุ่มชื้นและ antioxidiant บ้างเท่านั้น พูดง่ายๆคือ มันจะไร้ประสิทธิภาพในการผลดเซลล์ผิว 3.ห้ามใช้ AHA พร้อมกับ tretinoin (Ratin A)เป็นอันขาด แต่ BHA ใช้ได้ อันนี้หมายความว่า คุณสามารถใช้ AHA ในช่วงเช้า แล้วกลางคืนสลับไปใช้ BHA แทนในกรณีที่ใช้ tretinoin ร่วมด้วย 4.การใช้ BHA พร้อมกับ tretinoin นั้นสามารถทำได้ แต่ผิวหลายคนไม่สามารถรับได้ ทำให้ลอก แห้ง อันนี้ขึ้นอยุ่แต่ละบุคคล ต้องลองเอาเอง 5.หลังการทา BHA หรือ AHA ต้องทาทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาทีให้ BHA AHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ถ้า ไปทาครีมอะไรก่อนหน้านั้น จะทำให้ BHA AHA หยุดการผลัดเซลล์ผิวทันที เพราะว่า ค่า pH ที่ผิวเราเปลื่ยนเพิ่มขึ้นจากระยะ 3-4 ที่ BHA AHA ทำงานได้ 6.AHA BHA เป็น exfoliate ที่มีประสิทธิภาพ เหนือกว่าพวก mechanical พวกสครับ อยู่หลายขุมครับ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้ AHA BHA แล้วไม่จำเป็นต้องใช้พวก สครับแล้ว 7.เมื่อใช้ BHA AHA แล้วจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ดำง่ายขึ้น ฉะนั้น กันแดดเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทาทุกวัน แล้วต้องทาให้พอ อย่าให้ขาดครับ แล้วกันแดดต้องมีคุณภาพกันได้ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี ลองดูนะคะ REPLY naiwiiya16 yr.AHAs และ BHA คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? เหมาะกับผิวประเภทใด AHAs (Alpha Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มของ AHAs นั้นมีมากมายหลายตัว แต่ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Glycolic Acid และ Lactic Acid โดยที่ Glycolic Acid เป็นรูปแบบของ AHAs ที่มีประสิทธิสูงสุดเนื่องจากมันมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด นอกจากช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพแล้ว AHAs ยังช่วยให้กระบวนการ Skin Cell Turnover ดีขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้อีกด้วย (ถ้าใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม) นอกจากนี้ AHAs ยังมีคุณสมบัติเป็น Water-binding Agent ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อีกด้วย BHA (Beta Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มมีเพียง Salicylic Acid เท่านั้น โดย Salicylic Acid นั้นเป็นสารกลุ่ม Salicylates เช่นเดียวกับ Aspirin ดังนั้นถ้าคุณแพ้ Aspirin ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA BHA มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่เหมาะกับคนผิวมันหรือเป็นสิวมาก อย่างแรกคือ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ จึงซึมลงไปในรูขุมขนเพื่อ Exfoliate ปรับสภาพรูขุมขนและลดการอุดตันได้เป็นอย่างดี อย่างที่สองคือ BHA มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้ออ่อน ๆ จึงช่วยลดสิวอักเสบได้บ้าง อย่างที่สามคือ Salicylic Acid มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต้านระคายเคืองได้ดี นอกจากนี้ BHA ยังช่วยทำให้สารอื่น ๆ ซึมลงผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย ความแตกต่างหลัก ๆ ก็คือ AHAs เป็นสารที่ละลายในน้ำ ส่วน BHA เป็นสารที่ละลายในน้ำมัน AHAs และ BHA สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่หลัก ๆ แล้ว AHAs จะเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวธรรมดา หรือผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด มีจุดด่างดำ ส่วนBHA จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวเป็นสิว หรือมีผิว Sensitive เครดิต บลอคคุณปูเป้ค่ะ REPLY zlockaop16 yr.เรารู้แต่AHA มันเปนกรดผลไม้มี10% 20% ช่วยในการลบจุดด่างดำบนใบหน้า หน้า ขาว ขึ้น ลองไปหาข้อมูล ในGoogle นะ REPLY
Anonymous11 yr.ครีมบางตัวมีส่วนผสมทั้ง AHA และ BHA ในขวดเดียวกัน ในสัดส่วนเฉพาะ มันเลยน่าจะใช้พร้อมกันได้ครับ REPLY
kjg141216 yr.เพิ่มนิดนึงนะคะจากห้องแป้ง 1.AHA ละลายในน้ำ BHA ละลายในไขมัน เพราะเหตุนี้ BHA จึงสามารถซึมไปในรุขุมขนและช่วย ผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน ช่วยลดปัญหารูขุมขนอุดตันแล้วก่อปัญหาสิวได้ ส่วน AHA จะช่วยผลดเซลล์ผิว เฉพาะเซลล์ผิวชั้นบนสุดเท่านั้น 2.ทั้ง AHA BHA จะทำงานได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพวะ กรดเบสที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่ง pH ที่เหมาะสมในการทำงานของAHA BHA คือ 3-4 ถ้าเกินกว่านี้ BHA และ AHA ก็จะไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ เป้นได้แค่เพียงให้ความชุ่มชื้นและ antioxidiant บ้างเท่านั้น พูดง่ายๆคือ มันจะไร้ประสิทธิภาพในการผลดเซลล์ผิว 3.ห้ามใช้ AHA พร้อมกับ tretinoin (Ratin A)เป็นอันขาด แต่ BHA ใช้ได้ อันนี้หมายความว่า คุณสามารถใช้ AHA ในช่วงเช้า แล้วกลางคืนสลับไปใช้ BHA แทนในกรณีที่ใช้ tretinoin ร่วมด้วย 4.การใช้ BHA พร้อมกับ tretinoin นั้นสามารถทำได้ แต่ผิวหลายคนไม่สามารถรับได้ ทำให้ลอก แห้ง อันนี้ขึ้นอยุ่แต่ละบุคคล ต้องลองเอาเอง 5.หลังการทา BHA หรือ AHA ต้องทาทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาทีให้ BHA AHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ถ้า ไปทาครีมอะไรก่อนหน้านั้น จะทำให้ BHA AHA หยุดการผลัดเซลล์ผิวทันที เพราะว่า ค่า pH ที่ผิวเราเปลื่ยนเพิ่มขึ้นจากระยะ 3-4 ที่ BHA AHA ทำงานได้ 6.AHA BHA เป็น exfoliate ที่มีประสิทธิภาพ เหนือกว่าพวก mechanical พวกสครับ อยู่หลายขุมครับ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้ AHA BHA แล้วไม่จำเป็นต้องใช้พวก สครับแล้ว 7.เมื่อใช้ BHA AHA แล้วจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ดำง่ายขึ้น ฉะนั้น กันแดดเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทาทุกวัน แล้วต้องทาให้พอ อย่าให้ขาดครับ แล้วกันแดดต้องมีคุณภาพกันได้ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี ลองดูนะคะ REPLY
naiwiiya16 yr.AHAs และ BHA คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? เหมาะกับผิวประเภทใด AHAs (Alpha Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มของ AHAs นั้นมีมากมายหลายตัว แต่ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Glycolic Acid และ Lactic Acid โดยที่ Glycolic Acid เป็นรูปแบบของ AHAs ที่มีประสิทธิสูงสุดเนื่องจากมันมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด นอกจากช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพแล้ว AHAs ยังช่วยให้กระบวนการ Skin Cell Turnover ดีขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้อีกด้วย (ถ้าใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม) นอกจากนี้ AHAs ยังมีคุณสมบัติเป็น Water-binding Agent ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อีกด้วย BHA (Beta Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มมีเพียง Salicylic Acid เท่านั้น โดย Salicylic Acid นั้นเป็นสารกลุ่ม Salicylates เช่นเดียวกับ Aspirin ดังนั้นถ้าคุณแพ้ Aspirin ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA BHA มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่เหมาะกับคนผิวมันหรือเป็นสิวมาก อย่างแรกคือ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ จึงซึมลงไปในรูขุมขนเพื่อ Exfoliate ปรับสภาพรูขุมขนและลดการอุดตันได้เป็นอย่างดี อย่างที่สองคือ BHA มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้ออ่อน ๆ จึงช่วยลดสิวอักเสบได้บ้าง อย่างที่สามคือ Salicylic Acid มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต้านระคายเคืองได้ดี นอกจากนี้ BHA ยังช่วยทำให้สารอื่น ๆ ซึมลงผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย ความแตกต่างหลัก ๆ ก็คือ AHAs เป็นสารที่ละลายในน้ำ ส่วน BHA เป็นสารที่ละลายในน้ำมัน AHAs และ BHA สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่หลัก ๆ แล้ว AHAs จะเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวธรรมดา หรือผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด มีจุดด่างดำ ส่วนBHA จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวเป็นสิว หรือมีผิว Sensitive เครดิต บลอคคุณปูเป้ค่ะ REPLY
zlockaop16 yr.เรารู้แต่AHA มันเปนกรดผลไม้มี10% 20% ช่วยในการลบจุดด่างดำบนใบหน้า หน้า ขาว ขึ้น ลองไปหาข้อมูล ในGoogle นะ REPLY
Discussion (5)
1.AHA ละลายในน้ำ BHA ละลายในไขมัน เพราะเหตุนี้ BHA จึงสามารถซึมไปในรุขุมขนและช่วย ผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน ช่วยลดปัญหารูขุมขนอุดตันแล้วก่อปัญหาสิวได้ ส่วน AHA จะช่วยผลดเซลล์ผิว เฉพาะเซลล์ผิวชั้นบนสุดเท่านั้น
2.ทั้ง AHA BHA จะทำงานได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพวะ กรดเบสที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่ง pH ที่เหมาะสมในการทำงานของAHA BHA คือ 3-4 ถ้าเกินกว่านี้ BHA และ AHA ก็จะไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ เป้นได้แค่เพียงให้ความชุ่มชื้นและ antioxidiant บ้างเท่านั้น พูดง่ายๆคือ มันจะไร้ประสิทธิภาพในการผลดเซลล์ผิว
3.ห้ามใช้ AHA พร้อมกับ tretinoin (Ratin A)เป็นอันขาด แต่ BHA ใช้ได้ อันนี้หมายความว่า คุณสามารถใช้ AHA ในช่วงเช้า แล้วกลางคืนสลับไปใช้ BHA แทนในกรณีที่ใช้ tretinoin ร่วมด้วย
4.การใช้ BHA พร้อมกับ tretinoin นั้นสามารถทำได้ แต่ผิวหลายคนไม่สามารถรับได้ ทำให้ลอก แห้ง อันนี้ขึ้นอยุ่แต่ละบุคคล ต้องลองเอาเอง
5.หลังการทา BHA หรือ AHA ต้องทาทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาทีให้ BHA AHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ถ้า ไปทาครีมอะไรก่อนหน้านั้น จะทำให้ BHA AHA หยุดการผลัดเซลล์ผิวทันที เพราะว่า ค่า pH ที่ผิวเราเปลื่ยนเพิ่มขึ้นจากระยะ 3-4 ที่ BHA AHA ทำงานได้
6.AHA BHA เป็น exfoliate ที่มีประสิทธิภาพ เหนือกว่าพวก mechanical พวกสครับ อยู่หลายขุมครับ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้ AHA BHA แล้วไม่จำเป็นต้องใช้พวก สครับแล้ว
7.เมื่อใช้ BHA AHA แล้วจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ดำง่ายขึ้น ฉะนั้น กันแดดเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทาทุกวัน แล้วต้องทาให้พอ อย่าให้ขาดครับ แล้วกันแดดต้องมีคุณภาพกันได้ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี
ลองดูนะคะ
AHAs (Alpha Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มของ AHAs นั้นมีมากมายหลายตัว แต่ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Glycolic Acid และ Lactic Acid โดยที่ Glycolic Acid เป็นรูปแบบของ AHAs ที่มีประสิทธิสูงสุดเนื่องจากมันมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด
นอกจากช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพแล้ว AHAs ยังช่วยให้กระบวนการ Skin Cell Turnover ดีขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้อีกด้วย (ถ้าใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม) นอกจากนี้ AHAs ยังมีคุณสมบัติเป็น Water-binding Agent ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อีกด้วย
BHA (Beta Hydroxy Acids) : สารที่อยู่ในกลุ่มมีเพียง Salicylic Acid เท่านั้น โดย Salicylic Acid นั้นเป็นสารกลุ่ม Salicylates เช่นเดียวกับ Aspirin ดังนั้นถ้าคุณแพ้ Aspirin ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA
BHA มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่เหมาะกับคนผิวมันหรือเป็นสิวมาก อย่างแรกคือ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ จึงซึมลงไปในรูขุมขนเพื่อ Exfoliate ปรับสภาพรูขุมขนและลดการอุดตันได้เป็นอย่างดี อย่างที่สองคือ BHA มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้ออ่อน ๆ จึงช่วยลดสิวอักเสบได้บ้าง อย่างที่สามคือ Salicylic Acid มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต้านระคายเคืองได้ดี นอกจากนี้ BHA ยังช่วยทำให้สารอื่น ๆ ซึมลงผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย
ความแตกต่างหลัก ๆ ก็คือ AHAs เป็นสารที่ละลายในน้ำ ส่วน BHA เป็นสารที่ละลายในน้ำมัน
AHAs และ BHA สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่หลัก ๆ แล้ว AHAs จะเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวธรรมดา หรือผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด มีจุดด่างดำ ส่วนBHA จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวเป็นสิว หรือมีผิว Sensitive
เครดิต บลอคคุณปูเป้ค่ะ
เรารู้แต่AHA
มันเปนกรดผลไม้มี10% 20%
ช่วยในการลบจุดด่างดำบนใบหน้า
หน้า ขาว ขึ้น
ลองไปหาข้อมูล ในGoogle นะ