ขอเคล็ดลับจากพี่ๆ ของผู้บรรลุ ภาษาอังกฤษด้วยค่า
congratulation9เยอะนะคะ แต่ช่วยอ่านหน่อยน้า ><
คือ ตอนนี้เห็นกระทู้ ประมาณ "ใครเก่งภาษาอังกฤษเข้ามาหน่อยนะคะ " แบบนี้เยอะอะค่ะแล้วก็มีพี่ๆมาตอบกันเยอะด้วย แต่ละคนเก่งๆทั้งนั้นเลยอยากรู้เคล็ดลับของพี่ๆ
หนูอายุ ยังไม่ขึ้น มหาลัย ค่ะ ฝึกภาษาอังกฤษทุกๆวัน ทางหลายๆด้าน
เช่น ฟัง : จากที่จะฟังคลื่น 95.5 ก็เปลี่ยนเป็น 105.5 เพื่อฟังภาษาอังกฤษ
ชอบทั้งสากลและไทยสากลค่ะ
พูด : อันนี้ หน้าด้าน เต็มที่ ไป รร ก็จะนั่ง BTS ไม่ก็ MRT กลับบ้านก็ เรือ ค่ะ
ประสบพบเจอฝรั่งมากมาย เราก็คุยกับเค้าเลย แบบคุยไปเรื่อยๆ + ครูที่ รร เป็นคนอังกฤษเยอะค่ะ
แล้วเค้าก็กลับเรือ ก็ชวนคุย เลยเป็นคนโปรดของคุณครูไปเลย แหะๆ
อ่าน : นิยายยยยยย Twilight ค่ะ (กำลังจะซื้อ ไม่อยากอ่านภาษาไทย อยากอ่านอังกฤษ)
ชอบอ่านของ oxford , se-ed อะไรพวกนี้ค่ะ ที่จะมีคำศัพท์มาให้ข้างๆ อ่านจนเกือบครบแล้ว
ก็อ่าน ดาวินชี่ โค้ด อยู่ ยากมากกก เราอาศัย มันจะใช้คำศัพทย์ซ้ำบ่อย ก็ถามพ่อครั้งแรก พอเจอมักจะลืมก็ถามอีก
ถ้าเป็นแบบนี้ถึง 3 ครั้งจะจำได้ทันที
แต่พวกหนังสือนิยายแบบของเด็กๆ 150 หน้า อะไรงี้ จะอ่านได้ค่ะ "Shiloh" มีไรรู้จักบ้าง 55 ชอบแฮะ
เขียน : วู้วว essay, assignment เยอะแยะ
โดยส่วนตัว เขียนฝึกน้อยมากค่ะ แต่ จะฝึก ฟังเยอะ
คือเป็นคนชอบดูหนังฝรั่งมาก เรื่องโปรดๆดูเป็น 10 รอบแล้ว
แรกๆก็เปิดเสียงอังกฤษ ซับไทย เดี๋ยวนี้ซุบก็อังกฤษด้วย
ปัญหา ในเรื่องการดูหนังนะคะ ถ้ามีซับอังกฤษ จะเก็ตหมดเลย คือเข้าใจที่เค้าพูด เพราะเราฟังแล้วอ่านซับอังกฤษไปด้วย
แต่พอมีแต่เสียงอังกฤษ แต่ไม่เปิดซับ จะฟังไม่ทัน คิดในใจว่าทำไมพูดเร็วจัง แต่ตอนมีซับ รู้สึกพูดไม่เร็ว
คืออยากเก่งอังกฤษมากค่ะ เฉลยอายุดีกว่า = = 14 เองค่า
ออกตัวไว้ก่อนว่าไม่แต่งหน้านะคะ แค่ขัดผิวอะไรพวกนี้ กันแดดก็ไม่ทา อิๆ ขี้เกียจ
สำเนียงด้วยค่ะ คือ เรามั่นใจนะ กล้าพูด กล้ากระแดะออกเสียงแบบฝรั่ง แต่คือลองพูดแล้วอัดเสียง ทำไมมัน อุบาทว์แบบนี้
ไม่รู้จะทำไงดี
หนูกำลังฟิตเข้า เตรียมอุดม ค่ะ พื้นฐานอังกฤษพอไหวเพราะหนูชอบวิชานี้มากๆ เป็นภาษาที่แบบ โตขึ้นมันต้องใช้แน่ๆ
เป็นภาษาสากล ทำงานมันต้องใช้ ฝึกแต่เด็กเลยดีกว่า
สุดท้ายค่า อยากขอเคล็ดลับพี่ๆ ว่า ทำไมเก่งกันจังคะ >< ช่วยหนูหน่อยน้าาา
ปล. เรียนพิเศษเยอะมากกว่าาา ปวดหัว T T ปิดเทอมก็เรียน วันละ 7 ชั่วโมง =[]= (บ่น)
แต่หนูทน อีก 6 เดือนหนูก็จะหายเหนื่อย
หายเหนื่อยได้ 1 เดือน ก็เรียนต่อ สอบ O-A NET,GAT, PAT, Etc. วู้วว
(หนูอยู่ ม.3 แต่ วางแผนว่า ป.โท - ป.เอก จะเรียนอะไรแล้วอะค่ะ แรงบันดาลใจมาจากท่านพ่อแต๊ๆเลย)
Discussion (9)
โอ้โห อ่านที่น้องโพสต์พี่ว่าสำหรับอายุขนาดนี้ พยายามและทำมากเท่านี้ จัดว่าน่าชื่นชมมาก
คุณพ่อคุณแม่น้องท่านคงปลื้มใจมากๆ เลยค่ะ
ส่วนคอมเมนต์จากสาวๆ จีบันก็เป็นประโยชน์มากๆนะคะ โดยเฉพาะของพี่ yol หวังว่าน้องจะนำไป
ใช้จริง ความสำเร็จก็อยู่ใกล้แค่มือคว้าค่ะ (พี่เองก็ต้องจำไปพัฒนาตัวเองเช่นกัน ^o^)
เอาวิธืของพี่บ้างนะคะ ถ้าเทียบความพยายามแล้วพี่คงมีน้อยกว่าน้องเยอะเลย แต่ที่พี่ทำก็คือ
ฟัง:: พี่เป็นคนชอบฟังเพลงค่ะ ทุกภาษา ไม่ว่าจะไทย อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนตัวพี่คิดว่า การฟังนั้น
ไม่จำกัดว่า ต้องมุ่งไปทางเดียวคือภาษาอังกฤษ เพราะการฟังคือการฝึกหูของเราให้แยกเสียง พี่ไม่
แน่ใจว่าน้องเรียนดนตรีด้วยหรือเปล่า แต่คิดว่าดนตรีจะช่วยมากทีเดียวในการพัฒนาทักษะด้านนี้ค่ะ
การดูหนังก็ช่วยมากค่ะ แต่พี่ว่าจะยากกว่าเพลงเพราะ เพลงส่วนใหญ่เน้นเรื่องรักๆ นะคะ ฟังไปเยอะๆ
จะเริ่มเดาเนื้อเพลงได้โดยไม่ต้องฟัง ฮ่าๆๆ แต่เรื่องหนังเนี่ย ความยากง่ายขึ้นอยู้กับประเภทหนังค่ะ
ถ้าพวกหนังวัยรุ่นก็ฟังง่าย เริ่มด้วยพวกนี้ก็ได้ ส่วนหนังออกสืบสวนนี่ก็จะยากขึ้นมาก ส่วนหนังผี พี่ว่า
ยากมาก เพราะเค้าก็ชอบพูดแบบ กระซิบๆ หรือใช้เสียงแปลกๆ
พูด:: ส่วนนึงคือเรื่องความกล้าแสดงออก ซึ่งน้องมีมากกว่าพี่เยอะอยู่แล้ว เพราะกล้าที่จะไปพูดกับ
คนอื่นก่อนอย่างทีบอก ก็ฝึกไปต่อเนื่องแบบนั้นค่ะ ดีแล้ว ส่วนเรื่องสำเนี่ยง อันนี้พี่ก็ยังรักเสียงเพลงต่อ
ไปคราวนี้เราร้องเลยค่ะ แต่อันนี้ต้องเป้นเพลงภาษาอังกฤษอย่างเดียวนะ อิอิ การร้องนอกจากสนุก
แล้ว มันเป็นการฝึกเลียนเสียงค่ะ พี่ว่าสำเนียงเป็นสิ่งสำคัญเพราะครูฝรั่งเคยบอกว่า คนที่สำเนียงดีเนี่ย
แม้ว่าจริงๆ แอบผิดแกรมม่าบ้าง แต่ทำให้เจ้าของภาษาฟังง่ายมากกว่าแกรมม่าแน่นร้อยเปอร์เซนต์
ซะอีกค่ะ
อ่าน:: อันนี้แนะนำมากก็ไม่ค่อยได้ เพราะพี่ไม่ค่อยรักการอ่าน ไม่ว่าจะไทยเทศ ทำได้มากสุดคืออ่าน
บล๊อกความงามที่เป็นภาษาอังกฤษ เอิ๊กกกกก
เขียน:: ถ้าน้องรักการอ่าน นอกจากได้พัฒนาทักษะการอ่านให้มีความเข้าใจดีและอ่านได้เร็วแล้ว
ยังช่วยเรื่องการเขียนด้วยค่ะ เพราะเราจะซึมซับแนวการเขียน รูปประโยค และคำศัพท์ที่เหมาะกับ
สถานการณ์เฉพาะค่ะ คำศัพท์หลายคำความหมายเดียวกัน แต่การใช้ให้ถูกนั้นต่างกันค่ะ
เรื่องดิกชันนารี อันนี้ส่วนตัวพี่คิดว่า ถ้ามีเป็นอิเล็กทรอนิกส์จะดีมากค่ะ แต่ต้องเลือกที่มี eng-tha,
tha-eng, eng-eng เป็น oxford จะดีมาก เพราะ คำศัพท์ไทยอังกฤษจะช่วยมากสำหรับศัพท์
บางคำทียากจริงๆ แบบอ่าน eng-eng แล้วไม่แน่ใจความหมาย แต่พี่ก็จะกลับไปหา eng-eng
ทุกครัั้งนะคะ เพื่อไปอ่านตัวอย่างประโยค และการใช้ที่ถูกต้อง ส่วนที่เป็นเล่มๆ ที่แนะนำมากๆ
เลยคือหนังสือที่เป็นคล้ายๆ ดิกชันนารี แต่รวบรวมพวก synonym antonym ไว้น่ะค่ะ พวกนี้ช่วย
ให้การเลือกใช้คำในงานเขียนของเราหลากหลายมากขึ้น และย้ำว่าหาคำพ้องความหมายมาแล้ว
อย่าลืมกลับไปเช็คใน eng-eng อีกทีนะคะว่า คำที่หามาเหมาะกับการใช้ในรูปประโยค หรือความ
หมายที่เราต้องการสื่อจริงๆ รึเปล่านะคะ
โชคดีจ้ะ
1. พยายามอ่านภาษาอังกฤษในลักษณะที่หลากหลาย เพราะหนังสือพิมพ์ หนังสืออ่านเล่น นิตยสาร ข่าวภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ส่วนราชการ โฆษณา หรือแม้แต่สุนทรพจน์ของบุคคลระดับผู้นำประเทศในที่ประชุมนานาชาติที่สำคัญ ฯลฯ จะมีลีลาของภาษาที่แตกต่างกันไป และมีการใช้คำศัพท์ที่แตกต่างกัน บางอย่างเราจะได้ภาษาพูด บางอย่างเราได้ภาษาสมัยใหม่ บางอย่างเราได้คำศัพท์ทางการ
2. การฝึกฟังที่ทำอยู่ถือว่า OK แล้วค่ะ แต่ลองทำแบบนี้ คือ หนังเรื่องหนึ่งให้เปิดดูหลายๆ ครั้ง
ครั้งแรกครั้งสองเปิด Subtitle ภาษาอังกฤษ แล้วอย่าอ่านอย่างเดียว พยายามทำความเข้าใจกับประโยค แล้วจำบางประโยคไว้ ครั้งสามเปิดใหม่ไม่ต้องดู Subtitle แล้วลองเดาๆ ว่าประโยคต่อไปตัวแสดงตัวนั้นจะพูดอะไร เดาถูกในการไม่เปิด Subtitle ครั้งแรก สัก 50% ก็ถือว่า OK แล้วค่ะ ครั้งที่สี่ห้า (ถ้ายังไม่เบื่อซะก่อน) ทำแบบเดียวกับครั้งที่สาม ดูว่าเราเดาภาษาจุดใหม่ๆ ได้เพิ่มหรือเปล่า
3. การเขียน อันนี้ก่อนอื่นต้องมี Dictioary ดีๆ ที่บอกความหมายเป็นภาษาไทยสักเล่มนึง บอกความหมายเป็นภาษาอังกฤษอีกเล่มนึง หรือเปิดเว็บที่สามารถค้นคำศัพท์ได้ "ค้นคำศัพท์" ในที่นี้ ไม่ใช่แค่หาความหมายของคำศัพท์ตัวนั้นๆ เท่านั้น แต่ควรบอกวิธีเข้าประโยคด้วย ( อันนี้คงต้องซื้อเป็น Dic เล่ม ซึ่งเค้าจะเขียนหน้าปกว่า Dictionary of Convocation ) รวมทั้ง Dic ที่มีการบอกคำคล้าย ( synonymes ) แล้วเปรียบเทียบให้ดูว่า คำเหล่านั้นแม้ว่าจะความหมายคล้ายกัน แต่อาจมีวิธีหรือระดับการใช้ต่างกัน ( เช่น Dic ของ Longman Essential Activator หรือของ Readers' Digest ก็มีค่ะ ) หรือถ้าจะเข้าเว็บ ลองดู http://www.dictionary.com ดูนะคะ พอเข้าไปแล้วใส่คำหลักที่ต้องการหาความหมายเข้าไป พอได้ความหมายแล้วก็คลิก link เชื่อมต่อได้ไปหาพจนานุกรมคำเหมือน ( Thesaurus ) เพื่อดูว่าในคำศัพท์ที่เราต้องการ ความหมายแต่ละความหมาย มีคำศัพท์อื่นที่ใช้แทนกันได้กี่คำ อะไรบ้าง ( แต่พอเวลาจะนำมาใช้แทน ให้เปิด Dic ดูคำแทนนั้นแต่ละคำอีกทีนะคะว่าตรงกับที่เราต้องการจะสื่อสารหรือเปล่า)
4. การพูด เริ่มต้นถ้าอายก็พูดตามหนังที่ดูไปก่อน แล้วลองคุยกับต่างชาติตามแหล่งท่องเที่ยวดู (ระวังตัวด้วยนะ มองคนที่ดูแล้วไม่น่าเป็นอันตรายหรือคิดไม่ดีกับผู้หญิงไทย)
5. การเพิ่มความรู้ในด้านคำศัพท์ ให้มีคลังคำศัพท์ในสมองไว้ก่อน ด้วยการศึกษาเพิ่มเติม นอกจาก Dic ที่แนะนำในข้อ 3. แล้ว ก็ศึกษาด้วยตนเองทาง Internet มีหลายเว็บเลยค่ะที่เข้าไปศึกษาได้
ขอแนะนำไว้ตรงนี้สัก 4-5 เว็บนะคะ
http://wordsmith.org/awad/subscribe.html
เป็นเว็บภาษาอังกฤษวันละคำ ไม่มีค่าใช้จ่าย รู้สึกว่าต้นทางเป็นมหาวิทยาลัยทางออสเตรเลีย ส่งทางออนไลน์มาที่ e-mail ของเรา
( มีคำศัพท์ + รากศัพท์ + คำแปล + ตัวอย่างการใช้ ( บอกที่มาด้วยว่าเอาตัวอย่างมาจากเอกสาร/หนังสืออะไร วันเดือนปีอะไร ) + แถมสำนวน/คำคม ให้ด้วยวันละหนึ่งสำนวน ( บอกที่มาด้วย ) แล้วก็สามารถเปิดฟังเสียงอ่านคำศัพท์ประจำวันนั้นๆ ได้ด้วย มีประโยชน์มากๆ
http://www.tolearnenglish.com/
เป็นเว็บที่สอนภาษาอังกฤษ ทั้ง grammar, vocabulary, test, game และอื่นๆ
มีภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษด้วย
http://www.focusenglish.com/dialogues/communication/commindex.html
เป็นเว็บฝึกการสนทนาภาษาอังกฤษและทักษะการฟัง แบ่งเป็นหมวดหมู่บทสนทนาที่พบบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน มีคำอธิบาย มีคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับบทสนทนาที่เลือกด้วย
http://www.kengpasa.com/
มีทั้ง Reading, Writing, Idioms (สำนวน), และเกมส์ แต่เว็บนี้คนที่แนะนำมาบอกว่าถ้าไม่สมัครสมาชิกเสียตังค์ แต่เข้าไปใช้งานแบบของฟรี จะจำกัดการเรียกดู ดูอะไรไม่ได้มาก
http://www.fudfidforfun.com/content.htm
( อันนี้ทำไมไม่ขึ้นเป็น link หว่า ) มีเรื่องขำขันสนุกๆเป็นภาษาอังกฤษ มีแปลเป็นไทยและอธิบายคำศัพท์ด้วย
5. การหาแบบแผนตัวอย่าง ( pattern ) การเขียนและพูด เช่น นำประโยคในข่าว/หนังสือหรือหนังที่เราอ่าน/ดูมาสัก 1 ประโยค แล้วลองประมวลความรู้ความเข้าใจ ใช้ Dic ที่เรามี เขียนหรือพูดประโยคนั้นใหม่ ให้เปลี่ยนการใช้คำไปจากเดิม แต่ความหมายไม่เปลี่ยนให้ได้สัก 5-6 แบบ หรือถ้าขยันกว่านี้ก็ทำมากกว่านี้ ฝึกสักวันละ 2-3 ประโยคตัวอย่าง เราก็สามารถกระจายความรู้ต่อยอดไปได้อีกตั้งเป็นสิบๆ ประโยค คิดดูว่าถ้าเราทำให้เป็นกิจวัตรสัก 2-3 วันต่อสัปดาห์ ปีๆ หนึ่ง ความรู้ความชำนาญเราจะกว้างไปขนาดไหน
อาจดูเยอะและยาก แต่เชื่อว่าคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างหนู ทำได้อยู่แล้วค่ะ อย่าท้อนะคะ จะบอกว่า น้า (เห็นหนูอายุแค่ 14 ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าพี่เลย อาย) ตอนเรียนมัธยม เคยสอบย่อยภาษาอังกฤษได้คะเนน 6 เต็ม 100 ตอนหลังมีแรงฮึดบางอย่าง ประกอบกับได้ครูที่ดีมาก ใช้เวลา 2 อาทิตย์เป็นท็อปของห้องเรียนและท็อปมาตลอดจนจบมัธยมปลาย ตอนหลังมาเจอวิกฤตอีกรอบด้วยความโง่ของตัวเองสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เรียนภาษาอังกฤษแค่คอร์สพื้นฐานที่เป็นคอร์สบังคับ 2 คอร์สแล้วหยุดเลย ไม่เลือกเป็นวิชาเอก วิชาโท หรือ แม้แต่วิชาเลือกด้วย ทิ้งแบบเด็ดขาดเลยเกือบๆ 6 ปี (ด้วยความคิดว่าจะเอาดีทางภาษาฝรั่งเศส) ผลคือกลายเป็นคนเขียน-อ่าน-ฟัง-พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่รู้เรื่อง แต่พอเข้าทำงานมันจำเป็นต้องฮึดเพื่อความอยู่รอด เพราะได้งานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะมาก น้าใช้เวลา 9 เดือน สามารถสื่อสารกับต่างชาติได้ นำชมสถานที่ต่างๆ ได้ เขียนสุนทรพจน์เชิงพิธีการได้ และเมื่อผ่านไปเพียงปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปีหลังจากเข้าทำงาน สามารถเป็นล่ามได้ หลังจากนั้นก็มาเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการเขียนถ้อยแถลงในที่ประชุมนานาชาติ ( อันหลังนี้ใช้เวลาเยอะหน่อย เพราะมันไม่ใช่แค่การเขียนให้ถูกต้อง แต่ต้องค้นคว้า+วิเคราะห์ข้อมูล และติดตามกระแสของโลกในแต่ละเรื่องด้วย )
เพราะฉะนั้น เด็กใฝ่รู้และรักดีอย่างหนู เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานจะเก่งได้มากกว่าอดีตเด็กเกเรอย่างน้าแน่นอนค่ะ สู้ๆ นะคะ
น้องทำดีแล้วคะ เก่งมากๆๆด้วย
พี่อยากบอกว่ามันไม่ใช่ภาษาพ่อแม่เรา เราไม่ต้องอายเวลาที่จะพูดงะคะ ฝรั่งเค้าไม่ถือหรอกคะ เค้าเข้าใจจร้า ฝึกพูดบ่อยๆๆ จำศัพท์เยอะๆๆเดี๋ยวก็เก่งเองจร้า
พี่แนะนำว่าเวลาดูหนังให้ดูเป็นซับอังกฤษค่ะ ตอนแรกอาจจะดูซับไทยก่อนรอบนึงแล้วค่อยดูซับอังกฤษก็ได้.. ขยันอ่านเยอะๆ หนังสือต่างประเทศต่างๆ ยิ่งหนังสือพิมพ์ยิ่งเจ๋งเลยค่ะ คำศัพท์แปลกๆจะเยอะ แล้วก็มาเปิดดิกหาเอา แต่อย่าใช้ talking dict นะ เปิดเล่มหนาๆเอานั่นแหละ.. หาคำนึงจะได้เพิ่มมาอีกหลายคำเลย :) เวลาเล่นเนตก็ลองเข้าเวบต่างประเทศบ้าง หาเพื่อนฝรั่งคุยด้วยบ่อยๆ ให้เค้าสอนเราว่าพูดอย่างงี้ถูกมั้ยหรือต้องทำยังไง.. ถ้าจะพูดให้คล่องปร๋อมันค่อนข้างยากนะคะในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างบ้านเราแบบนี้ เพราะฉะนั้นน้องต้องใจเย็นๆด้วยนะ.. ของแบบนี้มันใช้เวลาค่ะ พอต่อๆไปมันจะซึมซับเข้ามาเองโดยไม่รู้ตัว แล้วพี่เชื่อว่าพอถึงตอนนั้นน้องก็จะเก่งแล้วแหละ :D
ป.ล. พี่แนะนำเวบนี้จ้า ลองเข้าไปดูนะ
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/general/sixminute/
จะทำให้ได้คะ ตั้งเป้าหมายว่าจะเอาดีทางอังกฤษ
มั่นใจว่าโตขึ้นต้องใช้แน่ๆ = = แหะๆ
ถ้าเจอคนที่ BTS หรือ MRT มือนึงจับราว มือนึงถือหนังสือ
แว่นหนาๆ เตี้ยๆ ผมสั้นๆแต่แอบซอย อิๆ นั่นแหละหนูเลยค่า
แต่กลัวคนเค้าหมั่นไส้ที่ยืนอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
ก็ยืนมันไม่มีไรให้ทำนิน่า 10-20 นาที ยืนดูโฆษณา หนูว่าอ่านหนังสือดีกว่า
แหะๆ จะทำให้ได้ค่าาาาา