เตือนภัย สาวเชียงใหม่ ที่จะไปทำคลอด

พยาบาลทำคลอดเอง ลูกเป็นผักเพราะขาดออกซิเจน ชุ่ยจิง


เหตุการณ์ทำคลอดโดยพยาบาลของโรงพยาบาล (สยอง) บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ที่ทำเองโดยไม่มีแพทย์

คนไข้ที่ท้องได้ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล (สยอง) โดยใช้สิทธิ์บัตรหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และได้มีการตรวจมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าทั้งแม่และลูกสุขภาพแข็งแรงดี

ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2552 เวลา 03.00 น. แม่ของเด็กเริ่มปวดท้อง ขณะนั้นไม่มีการเฝ้าคนไข้แต่อย่างใด รู้ทั้งรู้ว่าจะคลอดในไม่กี่ชั่วโมงนี้ พยาบาลที่ดูแล (เป็นพยาบาล Part time) ไม่รู้ว่าเด็กยังไม่กลับหัว คือยังไม่พร้อมที่จะคลอด คุณหมอที่โรงพยาบาลก็ไม่อยู่ แต่คุณหมอก็แนะนำให้โรงพยาบาลส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นที่มีเครื่องมือทันสมัยกว่า (จริงๆ โรงพยาบาลทุกที่ก็ทันสมัยกว่าโรงพยาบาลสยองนี้ทั้งนั้น) แต่ในที่สุดก็ไม่ได้มีการส่งต่อ เพราะถ้าส่งต่อ ก็จะทำให้โรงพยาบาลสยองนี้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลที่รับไป ควบคุมรายจ่ายไม่ได้ จึงไม่ส่ง

เช้า 9.00 พยาบาล (Full Time) เข้ามารับหน้าที่ต่อ คุณหมอสูฯ ขณะนั้นอยู่ที่กรุงเทพ ได้ให้คำแนะนำให้ทำการส่งต่อ แต่พบกว่าก้นของเด็กได้ยื่นออกมาแล้ว ทำให้ส่งต่อไม่ได้ จึงได้ทำการทำคลอดโดยไม่มีแพทย์ และไม่ได้ผ่าตัด (ปกติถ้าเด็กไม่กลับหัว ต้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตทั้งแม่และลูก) ซึ่งขณะนั้น การทำคลอดแบบไม่ปกตินี้ ทำให้เด็กขาดออกซิเจน จนเด็กคลอดออกมาก็ไม่ร้องแม้แต่แอะเดียว พยาบาลเห็นท่าไม่ดี เด็กจะไม่ปลอดภัย จึงได้รีบทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง ใกล้สะพานข้ามน้ำปิง กว่าจะได้ส่งไปก็เที่ยงกว่าแล้ว ดูเค้าทำกะชีวิตคน

ขณะนั้น คุณพ่อ ก็จะทำการขึ้นทะเบียนสิทธิ์บัตรทองให้กับลูกที่คลอดมาแบบผิดปกติ แต่โรงพยาบาลกลับแนะนำให้ไปขึ้นทะเบียนสิทธิ์ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งผิดปกติมากๆ เพราะโดยทั่วไปหากแม่ทำคลอดที่โรงพยาบาลไหน ลูกก็จะขึ้นสิทธิ์ที่โรงพยาบาลนั้น แต่กรณีนี้ โรงพยาบาล (สยอง) ไม่อยากรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาที่ยืดเยื้อ และเสียค่าใช้จ่ายมาก จึงได้แนะนำให้ไปขึ้นสิทธิ์ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ นี่คือสิ่งที่โรงพยาบาลพยายามปัดความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายทั้งๆ ที่เป็นความผิดของตัวเอง

วันที่ 28 ตุลาคม 2552 รวม 4 วันผ่านไป เด็กยังไม่ลืมตา ไม่เคยร้องไห้ ต้องให้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา ยกแขนยกขาเองไม่ได้ ทำได้เพียงกระดิกนิ้ว ที่สำคัญ ยังไม่ลืมตา และเมื่อวานก็ได้ย้ายไปอยู่ รพ.ชุมชน อีกแห่งนึง เพราะถ้าอยู่ที่ รพ.เดิม จะเสียค่าใช้จ่ายแพงมากๆ เพราะเป็นเอกชนเหมือนกัน คงรู้ตัวดี เฮ่ออออออ



สรุป

1. โรงพยาบาล (สยอง) ทำคลอดด้วยพยาบาลโดยไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เป็นการทำคลอดแบบไม่ปกติ

2. โรงพยาบาล (สยอง) ปฏิเสธการขึ้นทะเบียนสิทธิ์บัตรทองของผู้ป่วย แต่เมื่อหน่วยงานภาครัฐติดต่อไปให้ดำเนินการเรื่องนี้ จึงได้ยอมรับให้เด็กใช้สิทธิ์ที่นี่ เมื่อบ่ายวานนี้เอง เฮ่ออออออ

3. ปัจจุบัน เด็กกลายเป็นผัก ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ไม่เคยร้องไห้ ยังไม่ลืมตา แม่ของเด็กร้องไห้ทุกวัน เพราะนี่คือลูกคนแรก

4. ชีวิตคน ไม่มีค่าสำหรับโรงพยาบาลนี้ ขอแค่ทำกำไร ทำธุรกิจให้ร่ำรวย โดยไม่สนใจคุณภาพชีวิตของคนอื่น ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เรื่องกำลังถูกตรวจสอบ ขอให้เป็นรายสุดท้ายเถอะ ไม่งั้นคนพิการคงเต็มบ้านเต็มเมือง เพียงเพราะความชุ่ยของโรงพยาบาล





ปล. เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงเพราะญาติของดิชันเป็นพยาบาลที่นั่น เรื่องนี้เกิดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เรื่องนี้เกิดที่เชียงใหม่นะคะ พยาบาลคนที่ทำคลอดนี้ เป็นถึงอาจารย์สอนวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง เรื่องการทำคลอดโดยตรง ก็คงไม่รู้ว่านักศึกษาพยาบาลที่จบออกมาจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะคะ

Discussion (14)

อยากทราบว่าโรงพยาบาลอะไร ใช่ที่เราจะไปรึป่าว?
คือโรงพยาบาลไหนอ่ะ
ร.พ.นี้น่าจะปิดไปนานนะ เราคนนึงที่รู้สึกผิดที่ไม่เคยร้องเรียน ร.พ.นี้ เคยใช้ประกันสังคมที่นี่เจอแย่ตลอดทั้งหมอ พยาบาล ผู้ช่วย (ขี้เกียจ ไม่สุภาพ) ครั้งสุดท้ายที่รักษาอาหารเป็นพิษ อาเจียน ท้องเสีย แม้กระทั่งน้ำก็ทานไม่ได้ออกหมด แทนที่หมอจะให้น้ำเกลือนอนพัก กลับให้ยานอนหลับ บอกว่าจะได้ไม่ทรมาน..หลังจากวันนั้นย้าย ร.พ.กลับไปมหาราชฯ ถึงจะเป็นรัฐบาล แต่แผนกประกันสังคมบริการดีจริงๆ ไม่ใช่เกิดกับคุณที่โสข้อความข้างบน หรือเราเท่านั้น ยังมีอีกหลายกรณีเพื่อนแฟนก็ตายที่นี่ กว่าจะเอาศพได้ต้องจ่ายสารพัดจ่าย ไม่เช่นนั้นไม่ให้เอาศพออก
น่าสงสารจังค่ะ

เราเองก็เป็นแม่คนได้อ่านแล้ว สลดมาก มาก

เพราะ เรารู้ดีว่าวินาทีที่รอให้เค้าลืมตาออกมาดูโลกนั้น สำคัญเพียงไหน

ได้แต่หวังให้มีปาฏิหาร ให้เด็ก กลับมาเป็นปกตินะคะ

ขอคุณพระคุ้มครองค่ะ


สำหรับการกระทำของพยาบาล เราไม่รู้ว่า

เพราะ เค้าเห็นว่าเค้าเป็นอาจารย์ อวดเก่ง คิดว่าสามรถทำเองได้หรือปล่าวไม่รู้

หรือ อาจเป็นเพราะ โรงพยาบาล เห็นแก่ได้ กันแน่

แต่ไมม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะ อะไร ปาบกรรมนี้จะติดตัวเค้าไปไม่มีวันลางเลือนค่ะ

แต่อยากให้มีหน่วยงานลงมาดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้นเนอะ

บางทีคนเราก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักในการรักษาพยาบาล

เราไม่ได้อยู่เชียงใหม่ แต่มีคนรู้จักอยู่ที่นั้น ไม่รู้ว่า เราจะพอเกริ่นโรงบาลหน่อยได้ไหม๊ เราจะได้เตือนเค้าไ้ด้

คือเราเป็นห่วงคนรู้จัดอ่าค่ะ น้องเราก็เรียนที่นั้น -     -