ไปทำบุญที่วัดเล่งเน่ยยี่ 2 มา เลยเก็บภาพมาฝากค่ะ

ว่าจะตั้งหัวข้อนอกเรื่องแต่คิดไปคิดมาขอตั้งเป็นหัวข้อรีวิวละกัน

วันจันทร์ที่ผ่านมา (วันลอยกระทง)จขกท.มีโอกาสพาคุณพ่อไปทำบุญที่วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เลยถือโอกาสเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆค่ะ

เริ่มออกเดินทางจากสมุทรปราการ ไปที่วัดซึ่งอยู่ที่นนทบุรี (ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว ) ใช้เวลาเดินทาง(โดยรถแท็กซี่) ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ

วัดตั้งอยู่ที่ ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (ตอนขาไปต้องไปกลับรถก่อนแล้วเลี้ยวเข้าถนนไปไม่ไกลนัก วัดจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ)

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 มีชื่อเต็มว่า "วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์"

ประวัติของวัดโดยย่อ

ประวัติและความเป็นมาโดยสังเขป วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์
       วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ฯ ตั้งอยู่ ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เดิมเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ 2 ไร่เศษ ที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาเนิ่นนาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายมีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จนปัจจุบันวัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๒ ไร่ โดย คณะสงฆ์จีนนิกายได้มอบหมายให้ พระเดชพระคุณพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยว)ดำเนินการก่อสร้างและพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิ วัตรเป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย-จีน ร่วมกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษกทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๙

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชานุญาติให้สร้างวัดและพระราชทาน นามว่า
“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์”

       ซึ่งมี ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ดำเนินการขออนุญาต อันนำมาซึ่งความปีติ ยินดีของชนชาวไทยเชื้อสายจีน และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อคณะสงฆ์จีนมาโดยตลอด
วัตถุประสงค์การสร้างวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ฯ
1. เพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ ๕๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและแสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวทิตาถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระมหาบูรพกษัตริย์ไทย ที่คณะสงฆ์จีนนิกายได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร 2. เพื่อตั้งเป็นพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีกรรมพร้อม ทั้งเป็นที่เผยแผ่ พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจีนนิกาย
3. เพื่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไทย-จีน เป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณรและสร้าง ศาสนทายาทของพระพุทธศาสนาสืบไป

(ข้อมูลจากเว็บไซต์ของวัดโดยตรงค่ะ >> http://www.lengnoeiyi.com)


     เมื่อไปถึงให้ไปจอดรถที่ลานจอดรถของวัดได้เลย มีพื้นที่กว้างค่ะ ตอนที่จขกท.ไปถึงเป็นเวลาเที่ยงตรง พอดี แ่ต่แดดไม่ร้อนมากนัก สามารถเดินชมวัดได้โดยไม่ต้องกางร่มค่ะ การเข้าชมควรใส่ชุดสุภาพ กางเกงขายาว หรือมีเสื้อคลุมนะคะ เพื่อความสุภาพถูกกาลเทศะ หากแต่งตัวไม่เรียบร้อยตะไม่สามรถขึ้นไปไหว้พระประธานภายในโบถส์ได้ค่ะ (ถ้าไปถึงแล้วขึ้นไปไหว้ไม่ได้นี่น่าเสียดายมากเลย)

     จากทางเข้าจะมีจุดไหว้หลายจุดจุดแรกคือก่อนถึงทางขึ้น และเดินขึ้นไปจะพบองค์เทพหลายองค์ ที่วัดนี่มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ โดยให้เขียนขื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิด และเวลาตกฟากในใบสีแดงแล้วฝากไว้กับองค์เทพไท่ส่วยเอี๊ยซึ่งเป็นเจ้าชะตาชีวิตขอให้ช่วยปกป้องคุ้มครองเราค่ะ ให้ใช้ประดาษเงินกระดาษทองปัดสิ่งไม่ดีออกจากตัว 13 ครั้ง แล้วนำไปใส่ไว้ที่ลังไม้สีแดงที่หน้าแท่นบูชา (ถ้าทำให้คนอื่น ไม่ต้องปัดตัวค่ะ) พอถึงสิ้นปีทางวัดจะนำไปเผารวมกัน

     เมื่อเดินขึ้นไปอีกจะเจอองค์พระประธาน 3 องค์ งดงามมาก ที่ด้านข้างของพระประธานมีพระอรหันต์ 18 องค์ ตั้งอยู่ และที่หน้าทางเข้าจะมีที่ให้ผู้ที่ไปไหว้สามารถร่วมทำบุญโดยซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัด หรือบริจาคเพื่อทำโรงทาน อาหารเจให้กับพระภายในวัดค่ะ แล้วก้ยังมีเทียนโชคลาภสีแดงให้บูชาเพื่อนำไปจุด และอธิษฐาน แล้วนำเหรียญมาใส่บาตรพระที่อยู่ทางด้านหน้าโบถ์ (จะเหลือ 2 เหรียญให้นำกลับไปเป็นขวัญถุงค่ะ ^^)

ที่ด้านในขึ้นไปอีก 1 ชั้นจะเจอวิหารพระอวโลกิเตศวร (พระกวนอิมโพธิสัตว์) เป็นเจ้าแม่กวนอิมพันกร

และชั้นบนสุดจะเป็นวิหารหมื่นพุทธสุขาวดีพุทธเกษตร มีพระพุทธรูปองค์เล็กๆประดับที่กำแพงทุกด้าน สวยงามมากๆๆ เมื่อแสงส่องเข้ามาจะทำให้ภายในวิหารเป็นสีทองทั่วทั้งวิหารเลยทีเดียว สวยจริงๆค่ะ

บรรยากาศโดยรอบวัดค่ะ

ท้ายนี้ก็ฝากสำหรับผู้ที่สนใจไปทำบุญหรือไปเยี่ยมชม อยากให้ลองไปชม บรรยากาศภายในวัดเหมือนที่พระราชวังต้องห้ามของเมืองจีนมากค่ะ (คนพ่อเคยไป ท่านบอกมา) สถาปัตยกรรมสวยมาก จขกท.นึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในเมืองจีนเลย (อิอิ) อ้อ มีข้อแนะนำนิดนึงนะคะ ทางวัดจะให้เราถอดรองเท้าเดินตั้งแต่บันไดทางขึ้นโบถส์ ถ้าไปตอนเที่ยงพื้นจะร้อนมาก ถ้าใครเท้าบางควรใส่ถุงเท้านะคะ (แต่จขกท.เท้าด้าน เดินทั่ววัดยังเฉยๆ ฮ่าๆ )

ขอจบการรีวิวเพียวเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านค่ะ  ^_^