ถ้าเป็นคุณ...จะอยู่ต่อไปไหม?

 ขออนุณาตินอกเรื่องแค่อยากมีคนให้คำปรึกษาบ้าง เรื่องแฟนค่ะ 

เอาแบบสั้น ๆ ก่อนนะค่ะ คือวันนี้ต้องรีบไปทำงาน

เรา คบกับ ผู้ชายคนนี้มาก็ประมาณ 7 -8 เดือนได้แล้ว (ไม่ใช่คนไทยค่ะ)  แต่ว่าพูดไทยได้ดี เนื่องจากเพื่อนเค้าที่เคยเช่าห้องที่บ้านอยู่เป็นคนไทย เค้าเลยพูดภาษาไทยได้ และไปเที่ยวเมืองไทยบ่อย คือเราไม่ค่อยสบายใจมาก ๆเลย ตอนนี้คือ ทุกครั้งที่เค้าพูดถึง ผู้หญิงไทย เค้าชอบพูดเหมือนกับว่ากลัวเราจะไปหลอกเค้า อะไรประมาณนั้น เราก็รู้มาบ้างว่าก่อนหน้าที่จะคบกัน เค้าก็มีกิ๊กคนไทยเยอะ
ชอบพูดว่าผู้หญิงไทยอันตราย แต่ซึ่งเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราไม่เคยแม้แต่จะหวังอะไรจากเค้า บ้านเราก็มีทุกอย่าง ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เราแค่รักเค้า ถามหน่อยนะคะ เราอายุ 23 ส่วนเค้า อายุ 34 ข้อนี้มันเลยทำให้เค้าคิดไม๊ว่าเราแค่ต้องการ ได้วีซ่า จากเค้า เพราะคนไทยที่นี่ ทำกันเยอะ ประมาณไปหลอกเค้าแต่งงานแล้วก็หย่าเอาเงิน แล้วก็เอาแฟน ที่เมืองไทยติดตามมา เราไม่เคยแม้แต่จะขออะไรจากเค้าเลย มีแต่จะทำให้ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปาก ขอเงินหรืออะไร ทำงานก็เยอะ เงินค่าเทอมก็หามาเอง ยืนขาแข็งทำงานเหนื่อย  เราไม่รู้ว่าผู้หญิงเก่า ๆของเค้าไปทำอะไร เค้าไว้ แต่เราแค่อยากให้เค้ารู้จริง ๆว่า เรารักเค้าแค่ไหน พี่สาวเราก็อยากให้เราเลิกกับเค้าแต่เราทำไม่ได้เพราะเรารักเค้ามากๆ แถมมันยังบอกหน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย  อีกอย่างพี่สาวเราชอบว่ามันงก มากๆ เห็นแก่ตัว  แต่เราก็ไม่แคร์เพราะเราเข้าใจว่าเค้าเป็นฝรั่ง ค่าอะไรก็ต้องแชร์ เราไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย เลย ของอะไร เห็นว่าดี ก็ซื้อให้  อีกอย่าง ที่บ้านเค้าพี่สาวเค้าชอบคิดว่า คนไทยเป็น gold digger เค้าไม่ค่อยชอบเรา เราจะทนต่อไปดีไม๊ ถ้าเลิกกับเค้าไปเราคงจะเสียใจมาก ๆเพราะ เรารักเค้ามาก ๆไม่อยากให้เค้าคิดว่าเราเป็นแบบนั้นเลย

Discussion (10)

เฮ้อ กลุ้มใจแทนคุณเจ้าของกระทู้จังค่ะ

รักก็รัก แต่ผู้ชายที่อยู่ด้วยความระแวงแบบนี้

มันจะมีวันไหนล่ะคะ ที่เค้าจะเปิดใจรักเราจริงๆซะที? กลุ้มจัง
อืม ถ้าเค้าอคติกับคนไทยมากแบบนี้ แล้วทำไมถึงมาคบกับคนไทยตั้งมากมายหลายคนแบบนี้ล่ะ
ถ้าคิดในแง่ร้ายขนาดนั้น ทำไมไม่กลับประเืทศตัวเองไปเลยล่ะ
ไม่ไหว ไม่น่าจะอยู่กันได้ยืดนะคะแบบนี้
ถ้าเค้ามีทัศนคติในทางลบเป็นพื้นฐานก็ป่วยการคบต่อค่ะ เพราะไม่ว่าคุณจะทำอะไรคุณก็ไม่ดีในสายตาเค้าตลอดเวลา ถ้าคุณไปทุ่มเท ให้อะไรเค้ามากๆ แทนที่เค้าจะสำนึกว่าคุณดีต่อเค้า เค้ากลับจะคิดว่าคุณทำอย่างนั้นเพื่อ "ลงทุน" เพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง  หรือถ้าคบๆ กันไป วันนึงคุณทนไม่ไหวแล้วเลิกคบ ก็ลงล็อคให้เค้าด่า (เหมือนที่ด่าคนอื่นๆ ก่อนหน้า) ว่าไม่จริงใจ หลอกคบแล้วชิ่ง ... ยิ่งถ้าระหว่างนั้น เค้าให้อะไรคุณมา ต่อให้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เค้าก็จะคิดว่านั่นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน เพราะความหลงตัวเอง (และความงก) ของเค้า เค้าก็จะยิ่งปักใจว่าคุณหวังที่จะ "ได้รับ" สิ่งๆ นั้น หลอกเค้าเพื่อสิ่งๆ นั้น

อย่าทนเลย รักตัวเองเหอะ ยิ่งง้อมากทนมากยิ่งดูไร้ค่าในสายตาผู้ชายแบบนั้น
เห็นด้วยกับคุณลักษณ์ค่ะ

ถึงจะเป็นฝรั่ง แต่ถ้าเขาเห็นคุณเป็นคนรักนะ เขาจะต้องเทคแคร์คุณทุกอย่าง ถ้าอายุขนาดนี้แล้ว ยังแยกแยะอะไรไม่ออกก็คงยากที่จะเปลี่ยนความคิดเขานะ อยู่ไปก็รั้งแต่จะสร้างปัญหาให้ชีวิตเราเอง จะมาทรมานจิตใจตัวเองอยู่กับผุ้ชายที่คิดด้านลบและมีรอยแผลในจิตใจที่รักษาไม่หายทำไม?

เราก็เป็นที่รักของพ่อแม่พี่น้อง คุณค่าในตัวของเรามีนะ เรารักเขา แล้วเขารักเราหรือเปล่า? ศักดิ์ศรีเรามี ทำไมต้องเอาไปให้ผู้ชายคนนั้นกับครอบครัวเขาเหยียบย่ำด้วยค่ะ

ความรักไม่ใช่เรื่องการเสียสละให้แต่ฝ่ายเดียวนะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นนะ แถวบ้านเรียก "เห็นแก่ตัว" ความรักมันต้องให้และรับด้วยกันทั้งสองฝ่ายซิคะ

ต้องเลือกแล้วละค่ะ ว่า จะเดินออกมาอย่างมีศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเองที่ยังอยุ่ครบ หรือ จะเดินออกมาอย่างซากศพที่ไม่มีหัวใจและวิญญาณเหมือนเพื่อนของเรา ที่เคยแต่งงานกับผู้ชายประเภทนี้มาแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าใช้ถ้อยคำรุนแรง คิดถึงกรณีเพื่อนรักขึ้นมาให้ปรี๊ดในใจมากกก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์เดียวกันเลย เพื่อนคบกับฝรั่งที่เรียนด้วยกัน ผู้ชายและครอบครัวก็เป็นแบบนี้ ดูถูกคนเอเซียหัวดำ ว่า เป็นพวกตกทอง พวกไม่พัฒนา มาแสวงหาผลประโยชน์

เพื่อนเราก็ด้วยแรงแห่งรักและหน้ามืด ตาบอด คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครหลังข่าว จะใช้ความดีต่อสู้เพื่อความรัก ทำงานหาเงินเรียนจนจบพร้อมกัน และ มากกว่าครึ่งของเงินที่ไอ้ผู้ชายนั้นเรียนจบก็เป็นเงินของเพื่อนเรา

จนแต่งงานกัน เพื่อนเราก็เชื่อไอ้ผู้ชายนั้น ไม่บอกทางบ้าน ไม่เชิญทางบ้านตัวเองเลยสักคน มีแต่เรากับเพื่อนอีกสอง-สามคน ที่ไม่ได้เต็มใจสนับสนุนเลย แขกเจ้าสาวมี 5 คน แขกเจ้าบ่าวมีเกือบร้อย ออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่งด้วยนะ รักกันจริงๆๆๆ

แล้วมันก็หลอกล่อเพื่อนเราให้ลาออกจากงานบริษัทกฏหมายอนาคตดี ไปเป็นแม่บ้าน บอกว่า จะทำมาหาเลี้ยงเอง อยากมีลูกกับเธอ เพื่อนก็หลงลม ลาออกจากงาน ไปทำงานบ้านงกๆๆๆ จนบ้านที่เช่าอยู่โดนเจ้าของไล่ เพราะไม่ได้จ่ายเกินสามเดือนแล้ว ทำไงล่ะ พ่อสามีก็หอบของหนีไป ทิ้งให้แม่เพื่อนเราที่ท้องโย้รอวันคลอด ไปนั่งร้องไห้ในโรงพัก เราเป็นคนไปประกันออกมาเอง และต้องบากหน้าโทรไปขอเงินจากทางบ้านมาเคลียหนี้ ถึงจะขนของออกจากบ้านได้ 

ยังไม่จบ รักนี้ยังทรหด เพื่อนเราก็นางเอกต่อ ต้องทนเพื่อลูก ขนของตามไปอยู่กับสามีที่บ้านครอบครัวเขา เจริญเลย ท้องแก่ใกล้คลอดอย่างนั้น แต่ต้องเป็นอีเย็นทำงานบ้านสารพัด แม้แต่กดชักโครกให้ทุกคนที่ใช้แล้วก็ไม่กด ร้องไห้โทรมาหาเราทุกวัน ขนาดไหว้พระที่แขวนไว้ที่คอ ยังโดนบ้านนั้นด่า ว่างมงาย ล้าหลัง ทำอาหารไทยก็โดนว่า ว่าทำอาหารขยะ โกรธมาก แค่ยำหนังปลากรอบ ขยะตรงไหนย่ะ เราเป็นคนทำเอง ตอนไปเยี่ยม แต่เพื่อนโดนด่า เลยลุยด่าพวกนั้นซะเละ พวกนั้นเลยเงียบไป มารู้อีกที่ เพื่อนโดนสามีและครอบครัวสามีเล่นงานซะชุดใหญ่

เราเลยไม่ติดต่อ ไม่ไปหาอีกเลย จนรู้ข่าวว่า เพื่อนเราอยู่โรงพยาบาล ตำรวจพบตอนดึกๆ นอนสลบอยู่กลางหิมะ หน้าบ้านสามีตัวเองตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้ เดาว่าน่าจะตอนหัวค่ำ เพราะมีถุงขยะที่เอามาทิ้งอยู่ข้างๆ ... ลูกตายในท้อง แม่โคม่าอยู่เป็นเดือน

ตลอดเวลาที่เพื่อนเราอยู่โรงพยาบาล สามีและครอบครัวมาแค่สองครั้ง เพื่อมากล่อมให้เพื่อนเราให้ปากคำกับตำรวจว่า เป็นอุบัติเหตุ เพราะเพื่อนเราบอกว่าจะออกไปข้างนอก เลยทำให้คนในบ้านไม่ออกมาดูว่าหายไปไหน 

เพื่อนเราก็แสนดี ยอมทำให้ แต่เราเองที่ยื่นข้อเสนอว่า ถ้าจะให้บอกตำรวจแบบนี้ก็ได้ แต่ต้องหย่ากับเพื่อนเรา พวกนั้นก็ตกลงอย่างง่ายดายเหมือนซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังเห็นแก่ตัวไม่เลิก โดยมีข้อแม้ว่า เพื่อนเราต้องไม่เรียกร้องค่าเลี้ยงดู หรือ สินสมรสใดๆ เพื่อนเราก็ตกลง แต่หลังจากหย่าแล้ว ตอนจะขนของส่วนตัวออกจากบ้าน พวกมันไม่ให้ขนบอกว่า ของทุกอย่างในบ้านต้องเป็นของพวกมัน เลวจริงๆ แม้แต่สร้อยทองห้อยพระที่พวกมันรังเกียจ พวกมันก็จะเอา เราเลยเรียกตำรวจมาเคลีย เพื่อนขนของออกมาได้แต่เสื้อผ้า หนังสือภาษาไทยและสร้อยพระ เพราะพิสูจน์ได้แน่ๆ ว่าไม่ใช่ของของครอบครัวนั้น

สุดท้ายเพื่อนเรากลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่เพชรบูรณ์ วันๆ เอาแต่นั่งเหม่อลอย ร้องไห้ เหมือนคนบ้า จากลูกสาวคนเล็กที่แสนน่ารักสดใส เหลือแต่ซากชีวิตไร้วิณญาญ 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พิมพ์ไม่ไหวแล้วค่ะ ร้องไห้คิดถึงเพื่อนใจจะขาดแล้ว

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------