!! เตือน อุทาหรณ์ !! เกือบเสียลูกสาวไปเพราะความเผลอเรอและ(ขอคำแนะนำด้วยค่ะ)
billty31เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองค่ะ เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
เมื่อวานเราพาลูกสาวไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่ เราไปกับลูกสาว2คน สามีทำงานเลยไม่ได้ไป
ขากลับคุณพ่อมาส่ง ก่อนกลับก็เลยแวะร้านตัดผมกัน คุณพ่อเรากับน้องชายคนโตตัดผมเสร็จเรียบร้อย
ก็ถึงตาเราบ้าง เราฝากลูกสาวไว้กับคุณพ่อ และน้องชายอีก 2 คน ช่วยกันดูแล
ต้องบอกก่อนว่า ลูกสาวเราซนมากๆ อายุ 1ขวบครึ่ง บ้านที่เราอยู่(บ้านสามี)เป็นตึกพาณิชย์
ไม่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น เวลาลูกสาวเราเจอพื้นที่กว้างๆ แกจะชอบวิ่งเล่น ไม่สนใจใครเลย
ร้านที่เราไปทำผมติดกับถนนใหญ่ หน้าร้านมีพื้นที่จอดรถกว้างพอสมควร
ขณะที่เราไดร์ผมอยู่นั้น คุณพ่อกับน้องชายคนเล็กที่เพิ่งอายุ 10 ขวบ
ได้อุ้มลูกสาวเราออกไปข้างนอก ตรงที่จอดรถ เราก็มัวแต่คุยกับช่างอยู่ ไม่ได้สนใจอะไร
น้องชายคนโต ซึ่งอยู่ในร้านกับเรา หันมองออกไป แล้วตะโกนเรียกชื่อลูกสาวเราดังมาก
และรีบวิ่งออกไป เราก็เลยหันออกไปมอง ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ
ภาพที่เราเห็นคือ คุณพ่อยืนคุยโทรศัพท์ น้องชายคนเล็กยืนอยู่ข้างถนนหันหน้าไปทางถนน
แล้วแก้วตาดวงใจของเรากำลังวิ่งออกไปบนถนน ไฟสว่างจ้าส่องมาใกล้ ให้รู้ว่ารถกำลังวิ่งมา
(ถนนเส้นนี้ เป็นถนนใหญ่ รถวิ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วช่วงนั้นรถวิ่งไม่ขาดช่วงเลยค่ะ)
เรารีบวิ่งไป ใจก็คิดขอให้ลูกหยุดวิ่ง เพราะถ้าลูกไม่หยุด เราก็คว้าลูกไม่ทันแน่
ดีที่น้องชายคนเล็กอยู่ใกล้ คว้าแขนไว้ทัน
ถ้าลูกสาวเราก้าวขาไปอีก 2-3 ก้าว ถ้าน้องชายดึงแขนลูกสาวเราไว้ไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!
เรากอดลูกแล้วกลั้นน้ำตาไว้ พอกลับบ้านมา ร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ ใจมันหวิวไปเลย
เราไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง เพราะเค้าหวงลูกมาก ลูกเป็นไรนิดหน่อย ยังเครียดเลย
ถ้าเค้ารู้ว่าลูกเฉียดตายแบบนี้ เค้าต้องเครียดมากแน่ๆๆ แล้วเราก็ต้องโดนดุด้วยแน่ๆเลย
ตอนนี้เรากลายเป็นคนขี้ระแวงไปเลยค่ะ เราเข้าใจคำว่าหวุดหวิดเลยอ่ะ
ปกติเราก็ดูลูกไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว เพราะบ้านติดถนน แต่ตอนนี้ เราระแวงมาก ลูกเดินออกห่าง2-3ก้าวไม่ได้เลย
จะต้องตะโกนเรียกลูกตลอด เดินไปไหนในบ้านต้องจับมือลูกตลอด เราเครียดมากกับเหตุการณ์เมื่อวาน
มองหน้าลูกเพลินๆแล้วก็กลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อวานตลอด ว่าถ้าลูกก้าวออกไปแค่ก้าว สองก้าว จะเกิดอะไรขึ้น
แล้วเราก็ร้องไห้ รู้สึกผิดที่ดูแลลูกไม่ดี มองหน้าสามีแล้วอึดอัดใจ เพราะเรากับสามีไม่เคยมีเรื่องปิดบังกัน
**เราอยากจะขอคำแนะนำจากเพื่อนๆๆ ว่าเราควรจำทำยังไงดี สภาพจิตใจเราแย่มาก
ระแวงมาก ไม่ไว้ใจใครเลย แม้กระทั่งคนในบ้าน ปู่ ย่า น้องสโนว์
นอนไม่หลับมา 2 คืนแล้ว อึดอัดใจมากจนเกือบจะเผลอเล่าให้สามีฟัง
ช่างทำผมเค้าเล่าให้เราฟังว่า ลูกชายเค้าตอนอายุเท่าลูกสาวเรา เคยวิ่งออกไปเหมือนกัน ตรงที่เดียวกันเลย
แต่วิ่งไปแล้วหยุดหันมามอง ถ้าเค้าก้าวไปอีกก้าวรถชนต่อหน้าต่อตาแม่เค้าแน่ แต่ของเค้าโชคดีที่ ลูกหยุดวิ่ง
เพราะถ้าไม่หยุด ก็คว้าไม่ทัน เพราไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย...
เราอยากเตือนเพื่อนๆๆที่มีลูกมีหลาน อย่าเผลอเรอเด็ดขาด
ลูกสาวเราเกือบตายเพราะ คุณพ่อเรามัวแต่คุยโทรศัพท์เพลินแล้วลืมหลาน
แต่เราก็ไม่โทษคุณพ่อเรานะ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เราไม่ไว้ใจใครอีกเลย เพราะคุณตาเค้ายังเผลอได้เลย เราไม่กล้าให้ใครดูลูกให้อีกแล้ว
ก็อ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์กันนะคะ..
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพื่อนๆเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์มั๊ยค่ะ มีใครพอจะแนะนำได้บ้าง
ให้เค้าปกปักรักษาลูกเรา ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ประมาณนี้อ่ะค่ะ เราไม่ค่อยมีความรู้เลย
เพราะลูกสาวเราซนมาก เจ็บตัวก็บ่อย สร้อยพระก็ไม่ได้ใส่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลูกสาวเกิดวันที่ 9 กันยายน 2551 (วันที่ 9 เดือน 9 ) เกิดวันเดียวเดือนเดียวกันกับน้องชายคนเล็กเลย
เราคิดว่าดวงเค้าสองคน คงช่วยเหลือ เกื้อหนุน ดึงๆกันไว้อยู่รึป่าว เราก็ไม่รู้อ่านะ คิดเอาเอง...
เมื่อวานเราพาลูกสาวไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่ เราไปกับลูกสาว2คน สามีทำงานเลยไม่ได้ไป
ขากลับคุณพ่อมาส่ง ก่อนกลับก็เลยแวะร้านตัดผมกัน คุณพ่อเรากับน้องชายคนโตตัดผมเสร็จเรียบร้อย
ก็ถึงตาเราบ้าง เราฝากลูกสาวไว้กับคุณพ่อ และน้องชายอีก 2 คน ช่วยกันดูแล
ต้องบอกก่อนว่า ลูกสาวเราซนมากๆ อายุ 1ขวบครึ่ง บ้านที่เราอยู่(บ้านสามี)เป็นตึกพาณิชย์
ไม่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น เวลาลูกสาวเราเจอพื้นที่กว้างๆ แกจะชอบวิ่งเล่น ไม่สนใจใครเลย
ร้านที่เราไปทำผมติดกับถนนใหญ่ หน้าร้านมีพื้นที่จอดรถกว้างพอสมควร
ขณะที่เราไดร์ผมอยู่นั้น คุณพ่อกับน้องชายคนเล็กที่เพิ่งอายุ 10 ขวบ
ได้อุ้มลูกสาวเราออกไปข้างนอก ตรงที่จอดรถ เราก็มัวแต่คุยกับช่างอยู่ ไม่ได้สนใจอะไร
น้องชายคนโต ซึ่งอยู่ในร้านกับเรา หันมองออกไป แล้วตะโกนเรียกชื่อลูกสาวเราดังมาก
และรีบวิ่งออกไป เราก็เลยหันออกไปมอง ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ
ภาพที่เราเห็นคือ คุณพ่อยืนคุยโทรศัพท์ น้องชายคนเล็กยืนอยู่ข้างถนนหันหน้าไปทางถนน
แล้วแก้วตาดวงใจของเรากำลังวิ่งออกไปบนถนน ไฟสว่างจ้าส่องมาใกล้ ให้รู้ว่ารถกำลังวิ่งมา
(ถนนเส้นนี้ เป็นถนนใหญ่ รถวิ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วช่วงนั้นรถวิ่งไม่ขาดช่วงเลยค่ะ)
เรารีบวิ่งไป ใจก็คิดขอให้ลูกหยุดวิ่ง เพราะถ้าลูกไม่หยุด เราก็คว้าลูกไม่ทันแน่
ดีที่น้องชายคนเล็กอยู่ใกล้ คว้าแขนไว้ทัน
ถ้าลูกสาวเราก้าวขาไปอีก 2-3 ก้าว ถ้าน้องชายดึงแขนลูกสาวเราไว้ไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!
เรากอดลูกแล้วกลั้นน้ำตาไว้ พอกลับบ้านมา ร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ ใจมันหวิวไปเลย
เราไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง เพราะเค้าหวงลูกมาก ลูกเป็นไรนิดหน่อย ยังเครียดเลย
ถ้าเค้ารู้ว่าลูกเฉียดตายแบบนี้ เค้าต้องเครียดมากแน่ๆๆ แล้วเราก็ต้องโดนดุด้วยแน่ๆเลย
ตอนนี้เรากลายเป็นคนขี้ระแวงไปเลยค่ะ เราเข้าใจคำว่าหวุดหวิดเลยอ่ะ
ปกติเราก็ดูลูกไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว เพราะบ้านติดถนน แต่ตอนนี้ เราระแวงมาก ลูกเดินออกห่าง2-3ก้าวไม่ได้เลย
จะต้องตะโกนเรียกลูกตลอด เดินไปไหนในบ้านต้องจับมือลูกตลอด เราเครียดมากกับเหตุการณ์เมื่อวาน
มองหน้าลูกเพลินๆแล้วก็กลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อวานตลอด ว่าถ้าลูกก้าวออกไปแค่ก้าว สองก้าว จะเกิดอะไรขึ้น
แล้วเราก็ร้องไห้ รู้สึกผิดที่ดูแลลูกไม่ดี มองหน้าสามีแล้วอึดอัดใจ เพราะเรากับสามีไม่เคยมีเรื่องปิดบังกัน
**เราอยากจะขอคำแนะนำจากเพื่อนๆๆ ว่าเราควรจำทำยังไงดี สภาพจิตใจเราแย่มาก
ระแวงมาก ไม่ไว้ใจใครเลย แม้กระทั่งคนในบ้าน ปู่ ย่า น้องสโนว์
นอนไม่หลับมา 2 คืนแล้ว อึดอัดใจมากจนเกือบจะเผลอเล่าให้สามีฟัง
ช่างทำผมเค้าเล่าให้เราฟังว่า ลูกชายเค้าตอนอายุเท่าลูกสาวเรา เคยวิ่งออกไปเหมือนกัน ตรงที่เดียวกันเลย
แต่วิ่งไปแล้วหยุดหันมามอง ถ้าเค้าก้าวไปอีกก้าวรถชนต่อหน้าต่อตาแม่เค้าแน่ แต่ของเค้าโชคดีที่ ลูกหยุดวิ่ง
เพราะถ้าไม่หยุด ก็คว้าไม่ทัน เพราไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย...
เราอยากเตือนเพื่อนๆๆที่มีลูกมีหลาน อย่าเผลอเรอเด็ดขาด
ลูกสาวเราเกือบตายเพราะ คุณพ่อเรามัวแต่คุยโทรศัพท์เพลินแล้วลืมหลาน
แต่เราก็ไม่โทษคุณพ่อเรานะ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เราไม่ไว้ใจใครอีกเลย เพราะคุณตาเค้ายังเผลอได้เลย เราไม่กล้าให้ใครดูลูกให้อีกแล้ว
ก็อ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์กันนะคะ..
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพื่อนๆเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์มั๊ยค่ะ มีใครพอจะแนะนำได้บ้าง
ให้เค้าปกปักรักษาลูกเรา ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ประมาณนี้อ่ะค่ะ เราไม่ค่อยมีความรู้เลย
เพราะลูกสาวเราซนมาก เจ็บตัวก็บ่อย สร้อยพระก็ไม่ได้ใส่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลูกสาวเกิดวันที่ 9 กันยายน 2551 (วันที่ 9 เดือน 9 ) เกิดวันเดียวเดือนเดียวกันกับน้องชายคนเล็กเลย
เราคิดว่าดวงเค้าสองคน คงช่วยเหลือ เกื้อหนุน ดึงๆกันไว้อยู่รึป่าว เราก็ไม่รู้อ่านะ คิดเอาเอง...
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
...น้องสโนว์ คุณแม่ขอโทษและสัญญาว่าคุณแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดนะคะ...
Discussion (31)
เด็กน่ารักจังค่ะ อยากมีบ้าง
555555
ปล.ครอบครัวเรามีแต่คนชื่ออะไรเกี่ยวกับเย็นหมดเลยค่ะ
พ่อเราเลยคิดจะตั้งชื่อเราว่า สโนว์ แต่พ่อบอกว่าไม่เอาดีกว่าชื่อนี่ไม่เหมาะ เพราะตัวมันดำ ! -*-"
555555
ปล.ครอบครัวเรามีแต่คนชื่ออะไรเกี่ยวกับเย็นหมดเลยค่ะ
พ่อเราเลยคิดจะตั้งชื่อเราว่า สโนว์ แต่พ่อบอกว่าไม่เอาดีกว่าชื่อนี่ไม่เหมาะ เพราะตัวมันดำ ! -*-"
โชคดีมากแล้วค่ะ ที่น้องปลอดภัย เราเป็นแม่ ต้องเข้มแข็ง หนักแน่นไว้นะคะ ถ้าเราหวั่นไหวมาก น้องเค้าจะรับรู้ความรู้สึกเหล่านี้ได้ แล้วเค้าเองก็จะขาดความมั่นใจได้ค่ะ เพราะไม่เข้าใจกับการที่เราไม่ปล่อย และ ไม่ห่างเค้าเลย เค้าต้องมีช่วงเวลาที่เป็นอิสระบ้าง หาที่เล่นที่ปลอดภัยให้น้อง และถ้าต้องไปในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย ก็พยายามอย่าให้คลาดสายตาได้ค่ะ อรเองก็เป็นคุณแม่ ตอนนี้น้องยังเดินเองไม่ได้ แต่ก็ซนน่าดู อยู่ใกล้ตัวเราก็ยังเจ็บตัวบ้างเลยค่ะ สู้ๆนะจ๊ะ พอเวลาผ่านไป จิตใจก็จะเข้มแข็งขึ้นนะ เอาใจช่วยค่ะ
เป้นกำลังใจให้นะค่ะ คุณโชคดีมากที่น้องไม่เป็นอะไร
อย่าคิดมากเลยค่ะ เรื่องผ่านไปแล้ว ต่อไปก็ดูอย่าให้คลาดสายตาเชียวค่ะ
อย่าคิดมากเลยค่ะ เรื่องผ่านไปแล้ว ต่อไปก็ดูอย่าให้คลาดสายตาเชียวค่ะ
ตอนเด็กๆ ฝ้ายก็เจอเหตุการณ์แบบนี้มาอ่ะค่ะ คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ยังเปิดร้านที่อยู่ น้ำตกแม่กลาง (เชียงใหม่)
ละก็ร้านจะติดกำลังถนนใหญ่อ่ะค่ะ เป็นเมืองท่องเที่ยว รถไม่ขาดสาย
แล้วปล่อยฝ้ายไว้ในบ้าน ปกติจะปิดประตูที่สูงราวๆ 2 ฟุตเอาไว้ กันฝ้ายเดิน อ้อแอ้ๆ ออกไปข้างนอก
วันนั้นคุณแม่ลืมค่ะ ด้วยความที่ฝ้ายกำลังติดลูกบอลเป่าลมอย่างบ้าคลั่ง ลูกบอลมันก็กระเด้งกระดอนข้ามไปถนนอีกฝั่ง
ก็วิ่งๆๆ ตามไปค่ะ ตามประสาเด็ก ไม่ได้กลัวตายเลย = =
คุณแม่มาเห็นอีกทีพบว่าฝ้ายไปยืนเก็บลูกบอลอยู่อีกฝั่ง ก็รีบวิ่งไปรับ
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นแม่เก็บข้าวเก็บของพาฝ้ายไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่เลย เหอ เหอ
นี่แหละค่ะวิธีแก้ปัญหาของคุณแม่ ซึ่งบ้านที่อยู่ตอนนั้นก็อยู่ยาวมาจนปัจจุบันนี้เลยค่า สมความต้องการของคุณแม่เลย
แบบว่า นานๆ ที รถจะผ่านมาซักคันอ่ะ เอิ๊กๆๆ
ละก็ร้านจะติดกำลังถนนใหญ่อ่ะค่ะ เป็นเมืองท่องเที่ยว รถไม่ขาดสาย
แล้วปล่อยฝ้ายไว้ในบ้าน ปกติจะปิดประตูที่สูงราวๆ 2 ฟุตเอาไว้ กันฝ้ายเดิน อ้อแอ้ๆ ออกไปข้างนอก
วันนั้นคุณแม่ลืมค่ะ ด้วยความที่ฝ้ายกำลังติดลูกบอลเป่าลมอย่างบ้าคลั่ง ลูกบอลมันก็กระเด้งกระดอนข้ามไปถนนอีกฝั่ง
ก็วิ่งๆๆ ตามไปค่ะ ตามประสาเด็ก ไม่ได้กลัวตายเลย = =
คุณแม่มาเห็นอีกทีพบว่าฝ้ายไปยืนเก็บลูกบอลอยู่อีกฝั่ง ก็รีบวิ่งไปรับ
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นแม่เก็บข้าวเก็บของพาฝ้ายไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่เลย เหอ เหอ
นี่แหละค่ะวิธีแก้ปัญหาของคุณแม่ ซึ่งบ้านที่อยู่ตอนนั้นก็อยู่ยาวมาจนปัจจุบันนี้เลยค่า สมความต้องการของคุณแม่เลย
แบบว่า นานๆ ที รถจะผ่านมาซักคันอ่ะ เอิ๊กๆๆ
ที่บ้านใช้กลยุทธ์ค่ะ
ถ้าเด็กซนและดื้อมากๆ และมักจะทำอะไรตรงข้ามกับที่เราพูด
เช่น ถ้าบอกว่า "อย่าวิ่ง" ก็จะวิ่งไปอย่างเร็ว ถ้าบอกว่า"วิ่งไปเลยให้รถชนตาย " เค้าก็จะงง และกลัว และหยุดวิ่ง
ถ้าบอกว่ากินให้หมด เค้าก็จะไม่กินเหมือนโดนบังคับ ถ้าบอกว่า ไม่ต้องกินละ เดี๋ยวมะม๊าแย่งกินหมดเลย เค้าก็จะกลัวอดกิน แบบว่าอยากแย่งกันกินบ้าง
ลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ
อันนี้ยกตัวอย่างนะคะ