อยากได้ ภูมิคุ้มกัน ความอดทน จัง ค่ะ

เรา เริ่ม งานที่สองในชีวิต งานแรกก็ทำได้แปบเดียว งานนี้ ทำได้แค่ สามวัน ทำไมเรา รู้ สึก ว่าไม่ใช่ ซะแล้ว ทั้งๆๆที่ ถ้า จะตัดสิน มันต้อง ใช้เวลามากกว่า นี้ ใช่ไม๊? เรา ทำงานเป็นเลขา ของ บ ญี่ปุ่นน่ะคะ เป็นโรงงาน เราไม่ทนอากาศร้อน ด้วยอ่ะ มีบางครั้ง ต้อง เข้าไปในไลน์การผลิตบ้าง และ ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก  ในการทำงานทั้งหมด เอกสาร ทุกอย่างเลย ตอนนี้มีพี่ มาสอนงานเราอยู่ มัน มากมายเหลือเกิน
 
 ตอนสัมภาษณ์ เข้ามาก็สัมพาษณ์ภาษาอังกฤษนะคะ  เราก็ได้ แค่สื่อสารได้ นิดๆ แต่เราบอกว่า อยากพัฒนาตัวเอง บริษัทก็เลยเลือกเรามั้ง เราไม่อยากเปลี่ยนงานใหม่ และดูเหมือนผู้จัดการ คาดหวัง กับเรามากอีก

ช่วงนี้ งานมัน คงหายาก มาก
ตอนนี้ มัน มีหลายอย่างในหัว เรา ทำงานหกวัน ต่ออาทิตย์ไหวหร๋อ?  นั่งรถ ลาดพร้าว- พระประแดง ทุกวัน ไหวไม๊? คิดว่าทำไม ตัวเอง ความอดทนต่ำแบบนี้นะ พ่อเรา ยัง บอกเลยว่า เริ่มต้นงานใหม่ไม่มีอะไร ง่ายหรอกนะ หรือเพราะ เรา มีที่บ้าน support ตลอด อยากได้ไร ทำไร ก็ได้มาตลอด ไม่เค ยต้อง อดทนกับอะไรมากมาย 

เราเลยแวะ มาขอ กำลัง ใจสาวจีบัน หน่อย หรือ มีใคร มีประสบการณ์การทำงาน ที่น่าสนใจ เราอยากมีภูมิคุ้ม กัน ความอดทน เรารู้ ว่ามั นต้องเริ่ม ที่ตัวเอง แต่ก็อยากได้เพื่อนอยู่ดี มีไรแนะนำได้ นะคะ ไม่ว่ากัน

Discussion (9)

ทุกอย่างที่เราจะพูดกับ จขกท. อยู่ที่ คุณ Weisha Xu หมดแล้วหล่ะค่ะ
อยากให้ จขกท. แต่เราก็ต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงมั๊ยคะ
ลองหันหลังกลับมามองคนที่ไม่มีโอกาสบ้าง

อยากให้ภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้ค่ะ ลองเปิดใจ มองในมุมกว้างๆดู
ส่วนตัวเราก็เป็นคนที่มีความอดทนต่ำมากเหมือนกันค่ะ


แต่ถ้า จขกท.  รู้สึกว่าเหนื่อยเหลือเกิน ลองถอยหลังกลับมาพักสักหน่อย แล้วสู้ต่อก็ไม่มีใครว่าค่ะ ^^

เราก็กำลังทำงานอยู่ที่ๆ สองเหมืิอนกันค่ะ ^-^ คิดว่าคงจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ลองเล่าคร่าวๆ แล้วกันเนอะ

ที่ทำงานที่แรกของเราเป็นที่ๆ ทุกคนก็ใฝ่ฝันค่ะ ^-^ กล้าพูดอย่างนั้นเลย เป็นสถานที่ๆ ทั้งใหญ่ กว้างขวาง

แล้วก็ทันสมัย มีแต่คนเก่งๆ หน้าตาดีๆ ไปทำงาน ถามความรู้สึกเราว่าเป็นยังไงที่ได้ทำงานที่นั่น?

มีความสุขมากค่ะ ชอบมากเลย เป็นอาชีพที่เราชอบมากๆ มันสนุก แล้วก็รู้สึกดีทุกวันที่ได้ไปทำงาน

แต่.... พอนานไป.... เรากลับรู้สึกว่ามันมีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกขาด.... รู้สึกไม่อยากอยู่กับมันแล้ว.....

สุดท้านเราก็หนีมัน คิดว่าไม่เอาแล้ว ไม่ทนแล้ว ไม่อยากทำอีกแล้ว ก็เลยกลับบ้านที่ต่างจังหวัด และรอหางานใหม่

งานใหม่ของเรา ให้สิ่งที่เรารู้สึกขาดได้ครบถ้วน แต่.... สุดท้ายเมื่อเรามานั่งมองย้อนหลังไป

งานนี้มันก็ยังสิ่งที่เรารู้สึกขาดไม่ได้อยู่ดี.... เพราะสิ่งที่งานนี้ไม่มีให้เรา ก็คือสิ่งที่งานเก่าให้เราได้อย่างครบถ้วน

งานเก่าเราอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน แดดก็ไม่โดน ร้อนก็ไม่ร้อน แต่งตัวสวยทุกวัน

แต่งานใหม่นี่เราตากแดดตากลมทุกวัน ออกนอกออฟฟิศทุกวัน อยู่ออฟิศแทบนับชั่วโมงได้ แต่งตัวเหมือนผู้ชายตลอด

สิ่งที่จะบอก จขกท ต่อไปนี้ก็คือ.... มันไม่มีหรอกค่ะ งานที่จะสามารถตอบสนองความต้องการองเราได้ทุกอย่าง

มันไม่มีทางที่จะมีงานไหนที่จะเป็นไปได้อย่างที่ใจนึกฝัน ทุกงาน ทุกที่มันมีข้อจำกัดทั้งนั้น

แล้วทำไม..... เราถึงไม่ลองปรับตัวเข้าหา "งาน" ดูบ้าง? ลองไม่ต้องคิดว่าแบบนี้ไหวไหม? อย่างนี้ไหวไหม?

แต่คิดว่านี่เป็นงานที่เราต้องทำ เป็นกำแพงที่เราต้องก้าวผ่าน เป็นอนาคตที่เราต้องเป็นคนกำหนดหนทาง

การมีครอบครัวซัพพอร์ต ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมีข้อจำกัดในการทำงานนะคะ

เราเองก็เคยมีครอบครัวซัพพอร์ตทุกอย่างให้เหมือนกัน แต่ในวันนี้วันที่เราเลือกเดินทางมาถึงตรงนี้เอง

เราก็ต้องใช้ความพยายามและอดทนก้าวผ่านความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหลายไปเอง ด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครคอยประคอง

เพื่อในวันหน้าเราจะแกร่งขึ้น เราจะคุ้นชินกับมันมากขึ้น เราจะเข้มแข็งขึ้น และนี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องก้าวข้ามมันไป

งานที่เราทำในทุกวันนี้ ต่างจากงานแรกที่เคยทำโดยสิ้นเชิง เราที่เคยเกลียดและกลัวแดดว่ามันจะทำผิวเราพัง

เราต้องเจอกับมันทุกวัน ชุดเดรสสวยๆ ที่เคยได้ใส่ในออฟฟิศเก่า เราเก็บเข้ากรุเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค

เราที่เคยมีคนขับรถต้องเปลี่ยนมากินนอนอยู่บนรถเพื่อออกสำรวจพื้นที่เอง ขับรถเอง ลงลุยดูงานเอง

คนเราท้อได้ เหนื่อยได้ แต่อย่ารู้สึกว่าเราทำไม่ได้ เราทำได้ค่ะ มนุษย์เราทำได้ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือไม่ทำ

เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถ้าการที่คุณบอกว่าคุณความอดทนต่ำ งานอะไรก็ทำไม่ไหว ทนไม่ได้

งั้นคุณต้องหันกลับไปมองคนที่เขาขาดโอกาสในชีวิต ขาดโอกาสทางการศึกษาแล้วล่ะค่ะ

ว่าที่ผ่านมาพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร? ปากกัดตีนถีบแบบไหน? ถึงสามารถดำรงชีวิตในสังคมแบบนี้ได้

เราเชื่อว่าคุณทำได้ เหมือนอย่างที่เราเปลี่ยนตัวเองได้ ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ทำใจให้รักงานใหม่ที่ตัวเองเลือกได้

ทุกช่วงเวลาชีวิตคนเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเองเสมอ ดังนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นนัก

ถ้าคุณจะลองค่อยๆ ปรับตัวให้คุ้นชินกับงานที่ทำอยู่ ค่อยๆ เปิดใจรักมัน ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหามัน

เชื่อว่าไม่นานงานนี้อาจจะเป็นงานที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุดก็เป็นไปได้ ใครจะไปรู้? ลองดูนะคะ

พยายามนะ อย่าท้อ อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ คุณทำได้แน่นอนค่ะ ลองทำดูก่อนนะคะ ^-^
ก่อนอื่น ก็ใจเย็นก่อนนะคะ
พยายามคิดว่า เราอยากทำงานแบบไหนกันแน่
แต่ถ้างานที่ทำอยู่นี่ มันไม่ใช่เรา ก็อย่าพยายามฝืนตัวเองให้ทำงานนี้เลยค่ะ
แต่ช่วงนี้ งานมันก็หายากจริง ๆ  ก็อดทนไปก่อนละกันนะคะ
พอถ้าเจองานใหม่แล้ว งานที่คิดว่า 'นี่แหละ งานที่เราอยากทำ นี่แหละ งานที่ใช่สำหรับเรา'
ก็เปลี่ยนไปทำงานนั้นก็ได้ค่ะ

ยังไงก็ อย่าคิดมากนะคะ สู้ ๆ ^^
ท้อได้ . .. แต่อย่าถอยนะคะ
ตอนแรกพี่เพิ่งจบใหม่ก็เป็นแบบน้องคะ พี่ทำงานแถวดินแดง แต่บ้านพี่อยู่ท่าพระ จรัญ 4 ซึ่งรถติดมากทุกทาง ก็ต้องอดทนทำ พี่ก็คิดว่า เอ้อ เราทำงานเป็นเลขาแบบว่า เจ้านายสามคนเลยนะ ทำไม่ทันจริงๆ ทำให้ตายเงินก็ไม่ขึ้น คิดว่าลาออกดีกว่าไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง ทำไรซักอย่าง พี่ก็ลาออก 
แต่
เวลาผ่านไป ตอนนี้พี่เปิดร้านแล้ว พี่ต้องตื่นแต่เช้ามากกกก เพื่อเปิดร้าน พีต้องปิดร้านห้าทุ่ม พี่ต้องทำงานตลอดเวลา เครียดกับลูกค้า  สารพัดปัญหาให้แก้
สรุปคือ งานอะไรก็ตามมีปัญหาหมด งานนี้เครียด งานอื่นก็เครียดเหมือนกัน ดังนั้นก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำไป อย่าใช้คำว่าอดทนเลยคะ ใช้คำว่าปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้ดีที่สุดดีกว่า ตอนนี้พี่ก็คิดว่าทุกอย่างที่ทำอยู่ให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง เช่น ให้ประสบการณ์ ได้รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราคิดบวกจริงอย่างที่คุณmottoว่าไว้แหละคะ เปิดใจและคิดหาประโยชน์จากทุกอย่างที่ทำ ก็มีความสุขได้คะ

ถ้าเป็นเรา...เราแนะเหมือนคุณ wadi คะ "เปิดใจ" ดีกว่าคะ
งานสมัยนี้หายากนะคะ
คนตกงาน ไม่ได้งานทำกี่ล้านคน
แต่คุณโชคดี และมีโอกาสมากกว่า...
...........................................................จงภูมิใจในความโชคดีกว่าคนอื่น
.
ทุกวันนี้ ถามว่าเรามีความสุขในที่ทำงานไหม
ไม่เคยมีเลยคะ
..ร้องไห้ด้วย
เราทำงานอยู่เทคนิค มีแต่เด็กผู้ชาย กำลังดื้อ บางคนก็อายุมากกว่า
ทะเลาะ รบกันทุกวัน
ผู้บริหารจะเอาอย่างนี้ เด็กนักเรียนเป็นอย่างนี้
เจอทุกประตู เจอทุกด้าน
.
..ทุกวันนี้ เราต้องตื่นแต่ตี 5 มารอรถไปทำงานตอน 6 โมงครึ่ง ช้ากว่านี้สายคะ
รถโดยสาร มาตรงบ้าง ไมตรงเวลาบ้าง...ทะเลาะกับรถโดยสารประจำ
ยืนด้วย ไม่ได้นั่งกะเค้า
เลิกงานไว แต่กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ
รอให้รถโดยสารออก...กลับถึงบ้านเกือบทุ่มทุกวัน
.
..เราไม่ใช้ใช้คำว่าอดทนนะคะ
..เราเคยท้อ
..เคยร้องไห้.
..เคยตกงาน
..เคยโดนหลอกไปทำงานขายซิม เดินๆๆ กลางแดดทั้งวัน  จนตัวดำ
--เราเอาเรื่องนี้ไปคุยกะพ่อ ณ วันนี้เราขอเอาคำสอนของพ่อ มาบอกคุณแล้วกัน
พ่อสอนให้เราคิดบวก..คะ ยกตัวอย่างนะคะ
..การที่เด็กไม่เชื่อฟังเราในกติกา และสิ่งที่เราบอก....ให้คิดในใจว่า...สงสารเด็กเค้า เด็กอาภัพ ไม่ได้เติบโตในครอบครัวที่มีการอบรมและสั่งสอน ทำให้ไม่เชื่อฟังในกติกา ให้สงสารและค่อยๆ ใช้ไม้อ่อนในการปรับปรุงตัว
..เหนื่อยกับการทำงาน ......................ให้คิดว่า เราเกิดมาโชคดี มีบุญวาสนา ได้ทำงานในขณะที่คนอื่น ตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้
..การที่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงาน.............ให้รู้สึกว่ามันเป็นการดี เพราะเราจะได้รับบรรยากาศดีๆ ในตอนเช้า
.
.
..คิดบวกเข้าไว้คะ พยายามทำให้ได้มากๆ ไม่ต้องทำให้ได้ทั้งหมดก็ได้ เพราะตัวเราเองก็ทำไม่ได้หมดหรอกคะ
..แล้วคิดอีกด้าน ถ้าคุณลาออกไป ระหว่างนั้นจะเป้นยังไง ระหว่างคุณได้งาน ใช่ไหม
....แล้วถ้าไปที่ทำงานไหม เจอสถานการณ์เดิมๆ และหนักว่าเดิม คุณก็จะไม่หนีหรอคะ.....
..............เก็บไว้ให้คิดนะคะ
.
.
.
.
.
.
.
.
สุดท้าย สรุปว่าแม่หมอคนนี้ขอจ่ายยาให้คุณเป็น วิตามินชื่อ เปิดใจและคิดบวกคะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
สู้สู้นะ เป็นกำลังใจให้