รีวิว ครีมกันแดด รวมมิตร v.1.0

สวัสดีค่ะกลับมาอีกครั้งสำหรับการระดมหัวและตัวจากทีมงานเวปจีบัน มาเทสๆๆ ครีมกันแดดหลายหลายแบรนด์ กว่าจะรวมกันเทสได้ปาไปเป็นเดือน 555 มาเริ่มกันที่ริวิวของอิชั้นก่อนแล้วกันนะ เนื่องจากรีวิวครั้งนี้อาจจะยาวมาก ค่อยๆ อ่านกันนะคะ แฮะๆ ยาวขนาดนี้จึงจะต้องตัดออกเป็น 2 ตอนทยอยลงนะคะ ว่าแล้วก็งอกตอนแรกก่อนแล้วกัน จัดไปอย่าให้เสีย

   Review ครีมกันแดด by ชฎาแหลม
-------------------------------------------------------------------

สภาพผิว :
ผิวผสมถึงผิวมัน แต่ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง มีแนวโน้มเป็นสิว บางครั้งมีการใช้ยา หรือ ครีมรักษาสิวร่วมด้วย ก็ทำให้ผิวหน้าแห้งได้เหมือนกันเจ๊า สีผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วงหน้าผากสีเข้มกว่าช่วงแก้มเด้อ มีรอยสิวดำแดง ทั่วอาณาเขต -*-
การใช้ชีวิต กิจกรรมประจำวันที่ต้องสัมผัสแสงแดด แสงจากหลอดไฟ : (ขอบอกว่าชีวิตอิชั้นทำงานที่ศรีราชานี่ ได้รับวิตามินดีเกินโควต้าทุกวัน ฮ่วย)

- ออกจากบ้านช่วง 8 โมงเช้า (แต่บางแสน – ศรีราชา แดดค่อนข้างแรงจ้า ตั้งแต่ช่วงเช้าเลย)
- มาถึงออฟฟิต อากาศแห้ง เย็น แสงไฟนีออนล้านแปดหลอด แสงจากคอมพิวเตอร์
- ช่วงเที่ยง พักกลางวัน มักออกไปหาอะไรหม่ำ หรือเดินเล่นนมันการเคาน์เตอร์วนารามยังห้างโรบินสันหน้าที่ทำงาน (แดดแรงมาก สุดยอดเมพขิงๆ แสบร้อนจนจะละลายแล้ว หน้าหมอง แขนดำปี๋ แม้จะกางร่มคันใหญ่ยักษ์ กันยูวีก็ตามที)
การแต่งหน้าประจำวัน : ใช้กันแดด spf 30-60, รองพื้น หรือ แป้งผสมรองพื้นทุกวัน ลง makeup ตา แก้ม ปาก แล้วแต่เวลาเหมาะสม อิอิ

ก่อนอื่นต้องเกริ่นเรื่องแสงแดดบ้านเราก่อนนะคะ พอดีได้ดูรายการหนึ่งทางช่องข่าวพูดถึงเรื่องระดับความเข้มของแสงแดดในประเทศไทย (ขออภัยจำไม่ได้ว่ามีกี่ระดับสูงสุดนะคะ) โดยรวมทุกภูมิภาคอยู่ในขั้นที่ 8 ซึ่งถือว่าสูงมาก (โดยเฉพาะภาคใต้ของไทยมีระดับความเข้มของแสงแดดอยู่ในขั้นที่ 11 ยิ่งแรงเข้าไปอีก) ถึงแม้ว่าผิวหนังคนไทยจะมีเม็ดสีที่ทำให้เราทนต่อแสงแดดได้ระดับหนึ่งแต่ก็ไม่พอ ด้วยความปรารถนาดี หมู่เฮาควรจะใช้หมวก ร่วมกันยูวี หลบแสงแดด รวมถึง ควรใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากภัยแสงแดดที่จะรุกรานผิวหนังของเรากันเต๊อะนะคะ (แสงแดด เป็นเหตุทำให้เกิด ริ้วรอย ผิวหนังอักเสบ ไหม้เกรียม ฝ้า กระ รวมถึง มะเร็งผิวหนัง)

ปล. ควรทากันแดด ให้ทั่วใบหน้า ริมฝีปาก(ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับปากโดยเฉพาะ) เปลือกตา จมูก ใบหู อย่างน้อย 15-20 นาทีก่อนถูกแดด (แม้ปัจจุบันมีบางแบรนด์เคลมมาว่า ทาครีมกันแดดแล้วป้องกันได้ทันที ไม่ต้องรอ 20 นาทีก็ตาม อิอิ) ในกรณีที่เป็นกันแดดสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง และกีฬาทางน้ำ ให้ทาซ้ำทันทีหลังว่ายน้ำ หลังเช็ดตัว หรือทุกๆ 2 ชั่วโมง
เริ่มทีกันแดดต่างๆ ทีเคยใช้กันนะจ๊ะ

1. Clinique face cream spf 50 with/avec SolarSmart (uva | uvb advanced protection)




ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าเพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง รุ่นใหม่ของค่าย Clinique กันแดดตัวนี้กันเหงื่อ กันน้ำและมีการพัฒนาขึ้นจากสูตรเดิม ช่วยปกป้องผิวจากการไหม้เกรียมเมื่อผิวถูกแสงแดดอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็น กีฬาทั้งทางบก ทางน้ำ เช่น การอาบแดด การขี่จักรยาน การวิ่ง ไปเดินเล่นชายหาด เล่นกอลฟ์ เป็นต้น



ครีมกันแดดตัวนี้เนื้อจะเข้มข้นแต่ว่าทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วหน้าไม่ขาววอก ซึมไวกว่าครีมกันแดดประเภทใช้กลางแจ้งหลายๆ ชนิด (แต่ก็ยังไม่ได้ไวเท่ากับชนิดน้ำนะคะ) แต่ทาแล้วก็มีความมันบนผิวหน้าคงเหลือ ตรงจุดนี้หากใช้สำหรับการไปเล่นกีฬา หรือกิจกรรมกลางแจ้งนั้น ก็เหมาะสมและก็ไม่ต้องมากังวลว่าหน้าจะมัน หรือ เมคอัพจะเยิ้มเพราะเราจะไปเล่นกีฬาอะนะ อิอิ ใช้แล้วออกแดดแรงๆ ซัก 15-20 นาที ผิวหน้าก็ไม่แดง หมองคล้ำ หรือ แสบร้อนแบบผิวเบริน์นะ

สำหรับการนำมาใช้ในการกันแดดประจำวันก็ใช้ได้ค่อนข้างดีค่ะ ถึงแม้จะมีความมันคงค้างอยู่บ้าง (มากกว่าถ้าเทียบกับประเภทเนื้อเหลว หรือ เนื้อน้ำนม) แต่ก็ไม่ได้มันมาก ความมันจะคงอยู่เพียงแต่หลังจากทาใหม่ๆจะรู้สึกว่ามีน้ำมันเคลือบบางๆ บนผิวค่ะ ก็ใช้ทิชชู่ซับความมันออก แล้วก็สามารถลงรองพื้น แป้งฝุ่น หรือ แป้งผสมรองพื้นได้ตามปกติ ระหว่างวันก็มีหน้ามันบ้างค่ะ โดนเหงื่อหน้าไม่เป็นคราบค่ะ แม้จะแต่งหน้าหลังจากใช้กันแดดก็ตาม

เพิ่มเติม : ผลการใช้หลังจากไปทริป ภูเก็ต - กระบี่ ดำน้ำ เล่นน้ำ กลางแดดจ้า 2 วันเต็มๆ
พบว่ากันแดดหลอดนี้ประสิทธิภาพยกนิ้วเลย ค่ะ เพราะผิวหน้าของอิชั้น ยังคงสีผิวเดิม (มีคล้ำบ้างนิดหน่อยแต่ไม่ได้ต่างจากผิวเดิมก่อนมาเทียวเลย) ไม่เกรียม ไม่แสบ ไม่ลอก ทั้งสองวันที่ต้องออกแดดทั้งวัน ไปดำน้ำ ไปเล่นน้ำ ใช้แต่กันแดดสำหรับหน้าหลอดนี้เท่านั้น สรุปว่า ผิวตัวแทนลงไปแต่หน้ายังเด้ง 5555 ราคาสูงแต่คุ้มค่า ยกเป็นอีกไอเท็มในใจแล้วตอนนี้


ปริมาณ: หลอดบีบสีเหลืองสดใสเชียวนะ ฝาเปิดปิด ปริมาณเยอะค่ะ 50 ml./ 1.7 fl oz.
กลิ่น เนื้อ : ไม่มีกลิ่น กันแดดเนื้อครีมกึ่งเจล เข้มข้น สีเหลืองอ่อนๆ เนื้อออกหยุ่นๆ เกาะผิวดี ทาลื่นดี ซึมช้ากว่าประเภทน้ำนมแต่ก็ไม่เหนียวเหนอะ มันกว่าสูตรน้ำนมนิดนึง
ราคา : 1,300 บาท

เอ้าเอาส่วนผสมมาฝากด้วยเด้อ: (แอบตาแฉะตอนพิมพ์ ขออภัยไม่ได้ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ แฮะๆ พิมพ์เยอะแล้วเพิ่งนึกได้ -*- และหวังว่าคงไม่ได้พิมพ์ส่วนผสมผิดนะคะ)

Wateraquaeau, benzophenone-3 (oxybenzone), ethylhexyl salicylate, methyl trimethicone, homosalate, butylenes glycol, butyloctyl salicylate, neopentyl glycol diheptanoate, butyl methoxydibenzoylmethane, butyrospermum parkii (shea butter), octocrylene, peg-100 stearate, silica, dipentaerythrityl tri-polyhydroxystearate, lauryl peg-9 polydimethylsiloxyethyl dimethicone, dimethicone, glyceryl stearate, laurdimonium hydroxypropyl hydrolyzed soy protein, rosmarinus officinalis (rosemary) extract, perilla ocymoides leaf extract, plankton extract, caffeine, potassium cetyl phosphate, sucrose, styrene/acrylates copolymer, c30-38 olefin/isopropyl melaete/ma copolymer, cetyl alcohol, vp/elcosene copolymer, ethylhexylglycerin, ammonium acryloyldimethyltaurate/vp copolymer, peg-8 laurate, sodium rna, phospholipids, lecithin, c1-8 aykyl tetra hydroxycyclohexanoate, hydroxyethylcellulose, tocopheryl acetate, caprylyl glycol, ascorbyl tocopheryl maleate, stearic acid, xanthan gum, maltodextrin, ferulic acid, hexylene glycol, nordihydroguaiaretic acid, disodium edta, phenoxyethanol, mica, sodium dehydroacethate [iln35059]

-----------------------------------------

2. Shiseido Urban Environment UV Protection Cream Plus spf 50 (UVA) high protection for face/ body (Anti-Aging UV Care)



ครีมกันแดดจากแบรนด์ดังของญี่ปุ่นที่เคลมว่า เป็นกันแดดสูตรช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ต่อต้านริ้วรอย ใช้ได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย มี SPF50 มีส่วนผสมที่ช่วยในการบำรุงผิวจาก Apple Leaf Extract ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ศูนย์เสียความชุ่มชื่นเนื่องจาก แสงแดด ความแห้งของอากาศ และมลภาวะต่างๆ



เนื้อครีมกันแดดสีเหลืองอ่อนๆ เนื้อแบบเจลค่ะ ทาแล้วไม่ทำให้หน้าขาวลอย เพราะทาแล้วเนื้อจะกลายเป็นใสๆ ไม่มีสี เคลือบผิวไว้ มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอลค่ะ สำหรับคนที่แพ้ง่ายก็ลองเทสแถวบริเวณกรามก่อนก็ดีค่ะ ซึมช้านิดหนึ่งนะและก็ค่อนข้างมันค่ะ ถ้าจะใช้สำหรับการออกกิจกรรมกลางแจ้งก็สะดวกดีเพราะขวดเดียวใช้ได้ทั้งหน้าและตัว โดนเหงื่อหน้าไม่เป็นคราบค่ะ แม้จะแต่งหน้าหลังจากใช้กันแดดก็ตาม ในส่วนที่เคลมว่าสามารถบำรุงผิวด้วยคิดว่าคงจะไม่สามารถจะทำหน้าที่ดังกล่าวได้เท่าที่ควร เนื่องจากส่วนผสมที่บำรุงนั้นอยู่ส่วนท้ายๆ ของส่วนผสมนะคะ

สำหรับคนที่ต้องการใช้ประจำวัน เนื่องจากความมันที่คงเคลือบผิวอยู่สามารถแก้ไขได้ด้วยการซับออกด้วยกระดาษทิชชู่ค่ะ จากนั้นก็สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่รบกวนสีของรองพื้นเพราะไม่ทำให้หน้าขาวลอยค่ะ ส่วนระหว่างวันอาจจะมีหน้ามันได้บ้างตามแต่สภาพผิวค่ะ

ปริมาณ: หลอดบีบสีเงิน ฝาพับปิดเปิดได้ 58 ml./ 1.8 fl oz
กลิ่น เนื้อ: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ค่ะ กันแดดเนื้อครีมกึ่งเจล หยุ่นๆ เบาบาง สีเหลืองอ่อนๆ เนื้อเนียนวาว
ราคา : 1,800 บาท

เอ้าเอาส่วนผสมมาฝากด้วยเด้อ : (ตัวเล็กมากกก หากพิมพ์ผิดพลาดขออภัย)

Water (Aqua), Diisopropyl Sebacate, Octocrylene, Dipropylene Glycol, Triethylhexanoin, Polysilicone-15, Alcohol, Glycerin, Xylitol, Bis-Ethylhelyoxyphenol Methoxyphenyl Triazine, Butyl methoxydibenzoylmethane, vp/Eicosene Copolymer, Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexybenzoate, Pentaerythrityl Teraethylhexanoate, Behenic Acid, Behenyl Alcohol, Propylene Glycol Stearate Se, Peg-60 Glyceryl Isostearate, Blyceryl Stearate Se, Batyl Alcohol, Fragrance (Parfum), Polybutylen Glycol/PPG-9 Copolymer, Trisodium EDTA, Methyl Gluceth-10, Peg/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Xanthan Gum, Cellulose Gum, Magnesium Alluminum Silicate, Limonene, Linalcool, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Butylphenyl Methylpropional, Benzyl Benzoate, Hexyl Cinnamal, Citronellol, Eugenol, Geraniol, Syzybium Jambos Leaf Extract, Arginine HCI, Ononis Spinosa Root Extract, Ectoin, Sodium PCA, Tocopherol

-----------------------------------------

 
  Review ครีมกันแดด by ฟะร้า
-------------------------------------------------------------------

สภาพผิว : ผิวหน้ามัน

1. ZA Power Block UV sunscreen SPF 40 PA+++ UVA/UVB



จากการทดลองใช้ ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะเมื่อทาเสร็จ รู้สึกเหมือนทาแล้วกลายเป็นน้ำ ไม่ช่วยคุมมันแต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้น ล้างออกไม่ยากมาก ทาแล้วหน้าไม่วอก

กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณท์ : เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อครีมกึ่งๆโลชั่น เหมือนครีมทาผิวกาย สีขาวขุ่น ไม่ผสมน้ำหอม แต่กลิ่นไม่ฉุน
ราคา : 380 บาท

-----------------------------------------

2. Estee Lauder Cyber White Ex : Extra Intensive UV Protector SPF 50/PA+++



ทาแล้วเนื้อกันแดดจะให้ความรู้สึกชุ่มชื่น ทำให้รู้สึกสดชื่นเวลาทา ช่วยทำให้ผิวหน้าสว่างขึ้นเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นประจำ ไม่คุมมัน

กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณฑ์ : เนื้อโลชั่น สีขาว กลิ่นไม่หอมเลย แต่ก็ยังพอรับได้
ราคา : จำไม่ได้

-----------------------------------------

3. IQQU advance sunscreen SPF 35 UVA/UVB




เนื้อครีมข้น ทาแล้วกลายเป็นแป้ง แต่สีค่อนข้างขาว ทาแล้วหน้าค่อนข้างลอย แต่ทาแล้วไม่มัน และสามารถทาทับระหว่างวันได้

กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณฑ์ : เนื้อครีมข้น สีขาวขุ่น ทาแล้วแห้งๆ กลิ่นธรรมชาติ ไม่ผสมน้ำหอม
ราคา : 1,300 โดยประมาณ

-----------------------------------------
 

   Review ครีมกันแดด by ไผ่ไร้กอ
-------------------------------------------------------------------

สภาพผิวหน้า : ผิวผสม ช่วงบริเวณแก้ม จะแห้ง บริเวณ T-Zone จะค่อนข้างมัน

1. DHC Suncut Q10 SPF 50+ PA+++ 30 ml



ผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อโลชั่น ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ เกลี่ยง่าย ระหว่างวันก็ไม่ทำให้ผิวหน้าเรามันขึ้น ใช้แล้วหน้าไม่ลอย กันน้ำ เหมาะมากสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและกิจกรรมทางน้ำ เวลาล้างออกควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างครีมกันแดด เพื่อที่จะได้ไม่เหลือคราบตกค้าง

กลิ่นสีของผลิตภัณฑ์ :
เป็นเนื้อโลชั่นสีขาว ไม่ผสมน้ำหอม กลิ่นไม่ฉุน
ราคา : 650 บาท

-----------------------------------------

2 .LANCOME UV EXPERT GN-SHIELD SPF50 PA+++ 30 ml



เป็นเนื้อครีมกลึ่งโลชั่นเกลี่ยง่าย และซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งคราบสีขาวให้ปวดหัวหงุดหงิดใจ ระหว่างวันก็ไม่ทำให้หน้ามันขึ้นด้วย เป็นคล้ายเมคอัพเบสไปในตัว เพราะพอเกลี่ยไปแล้วรู้สึกได้ว่า ผิวลื่นขึ้นทาเสร็จแล้วจะสังเกตุได้ว่าผิวหน้ามีประกายแวววาวนิดๆ ขั้นตอนในการลงรองพื้น หรือแป้งง่ายขึ้นอีกเยอะเลย เคลมไว้ว่าป้องกันรังสีได้ 12 ชั่วโมง นานพอที่เราจะออกไปไหนต่อไหนโดยไม่ต้องทากันแดดซ้ำและไม่ต้องห่วงว่าจะดำ

กลิ่นสีของผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อครีมกึ่งโลชั่นสีขาว มีกลื่นหอมอ่อนๆ
ราคา : 1950 บาท
 
-----------------------------------------

   Review ครีมกันแดด by กุ๊ดจัง
-------------------------------------------------------------------

สภาพผิว : ผิวผสม


1. Biore Uv Perfect Face Milk Spf 50+/pa+++
(อ่าน user review ผลิตภัณฑ์นี้)



จากการทดลองใช้ ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะเมื่อทาเสร็จ รู้สึกเหมือนทาแล้วกลายเป็นน้ำ ไม่ช่วยควบคุมความมันแต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้น ไม่กันน้ำ ล้างออกไม่ยากมาก ทาแล้วหน้าวอกนิดหน่อย พอเนื้อครีมแห้ง จะรู้สึกว่าเปนคราบขาวๆค่ะ (น่าจะเป็นเพราะว่า เป็นครีมกันแดดที่เป็น make-up base ช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้น)



กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณท์ : เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อครีมกึ่งๆโลชั่น เหมือนครีมทาผิวกาย สีขาวขุ่น ไม่ผสมน้ำหอม แต่กลิ่นไม่ฉุนมาก
ราคา : 290 บาท

-----------------------------------------

2. Biore Uv Bright Face Milk Spf 50+/ Pa+++ (อ่าน user review ผลิตภัณฑ์นี้)



จากการทดลองใช้ หลังจากการทาไม่รู้สึกเหนียวหน้า เนื้อครีมแห้งไวมาก ทาแล้วรู้สึกหน้าอมชมพูนิดๆค่ะ (น่าจะเพราะสูตรนี้มีลักษณะเป็นเมคอัพเบสเนื้อสีชมพู ช่วยเรื่องไฮไลท์ผิวให้ดูสว่างขึ้น)

กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณท์ : เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อครีมกึ่งๆโลชั่น เกลี่ยได้ง่าย สีออกอมชมพู ไม่ผสมน้ำหอม กลิ่นก็ไม่ฉุน
ราคา : 290 บาท

-----------------------------------------

3. ผลิตภัณฑ์ ipsa Super Sun Block Spf50 Pa+++ (อ่าน user review ผลิตภัณฑ์นี้)



เป็นกันแดดตัวนึงที่น่าใช้มากๆ เลยทีเดียว เพราะเนื้อเบาบาง ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า ที่สำคัญ เกลี่ยง่าย และกลืนไปกับสีผิว ไม่วอก แม้แต่น้อย(ทาทีแรกอาจจะดูเหมือนวอกแต่ต้องทิ้งไว้สักนิ๊ดดด) ด้วยคุณสมบัติกันแดด spf 50 pa+++ นี่ใช้ได้เลย สำหรับวันร้อนๆ ในหน้าร้อนแบบนี้ หน้าไม่เยิ้มแน่นอน...ล้างออกไม่ยาก

ใช้มาประมาณ 2 สัปดาห์ ยังไม่มีสิ่งแปลกปลอมบนใบหน้า สิวฝ้า ยังไม่มาเยือน ติดอยู่อย่างเดียวจิงๆ ขวดจิ๋วมาก 30 ml ใช้ไปเสียดายไป

กลิ่น สี เนื้อของผลิตภัณท์ : เนื้อครีมค่อนข้างเหลวมาก เบาบาง เหมือนโลชั่นสูตรน้ำนมทั่วไป กลิ่นไม่ฉุนเลย
ราคา : 1,550 บาท (ปาดเหงื่อเล็กน้อย)
 
-----------------------------------------

และตามด้วยบทสรุปประจำใจว่า
xxx ก่อนจะเชื่อ จะลองใช้ หรือซื้อตาม อยากให้ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านให้ละเอียด การที่ผลิตภัณฑ์ใดๆ จะได้ผลดีขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และปัจจัยอื่นๆ บางคนอาจใช้แล้วดี บางคนอาจไม่เวิร์ค แต่อิชั้นขอให้ทุกคนค้นพบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองนะคะ จ๊วบๆ xxx

Discussion (61)

วันนี้เพิ่งถอย bsc expert whith แล้วมาอ่านฉลากตามที่ความเห็น 58 แนะนำมาปรากฏว่ามีสารกันแดดราคาถูกที่ว่า อยู่ต้นๆ พ่วงด้วยแอลกอฮอล์อยู่ต้นๆเลย เซ็งเป็ด ราคาตั้ง 1100
อยากบอกว่า ipsa นี่เด็ดมากๆเลยนะครับพี่ๆ ผมไปทะเลมาท่าไอนี่ที่หน้า ส่วนที่ตัวทาบบานาาน่าโบ้ท
ตัวคล้ำขึ้น แต่หน้าเหมือนเดิม+คล้ำขึ้นนิดเดียวแบบนิดเดียวจริงๆ
ปกติผมเรียนรด. แดดแรงสุดๆ แต่ผิวก็เหมือนเดิม พอทาแล้วเหมือนมีฟิมมาเคลืบหน้าไว้
กันน้ำด้วย ย
เคยใช้มาหลาย แบรนด์แล้วนะ ลังโคม O.K. มากถึงราคาจะ สูงแต่ ประสิทธิภาพก็สูงด้วย ขอบอกนะจ๊ะว่ากันแดดตัวนี้ใช้แล้วผิวจะสว่างกระจ่างใสขึ้นด้วย ถ้าอยากให้ปกปิดเหมือนทารองพื้นใสๆ ก็ใช้รุ่นที่เป็นสีเบจได้เลย ปล.ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับแบรนด์นี้นะคะ แต่ตัวไหนใช้ได้ผลดีก็อยากบอกต่อ
ระหว่าง Ipsa Super Sun Block SPF50+++ กับ Kiehl's Ultra Light Daily UV Defense SPF50 Pa+++ UVA

ตัวไหนดีกว่ากันอ่ะค่ะ

กำลังวิจัยเรื่องกันแดดอยู่ค่ะ ใช้เวลาทำมานาน อ่านมาเยอะ จึงอยากแบ่งปัน Tips และแชร์ความจริงที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อครีมกันแดดแทนที่จะเก็บไว้ทำวิจัยขึ้นหิ้งห้องสมุดคนเดียวค่ะ 1. อยากรู้ว่ากันดีไม่ดี เอาแบบยุติธรรมที่สุดคือต้องทดสอบเปรียบเทียบค่ะ ลองพ่นน้ำเข้าไปที่จุดที่ทา แล้วสังเกตน้ำที่หยดไหลออกมาว่ามีสีขุ่นหรือใสดู ทดลองเปรียบเทียบทุกแบรนด์ที่อยากซื้อไปเลยค่ะ เราเป็นผู้บริโภคเรามีสิทธิ์เลือกเต็มที่ หากพบแบรนด์ไหนดูอยากและยินดีให้เราทดสอบยิ่งควรค่าแก่การเปิดใจทดลองและพิจารณาเป็นทางเลือก หลังทดสอบแล้ว หากพบน้ำที่ไหลหยดออกมา ยิ่งมีความขุ่นมาก แปลว่าเวลาถ้าเราเหงื่อออกแม้เล็กน้อย เจ้าครีมที่อุตส่าห์ไว้ใจซื้อหามาทากันไว้ ก็คงจะหลุดละลายออกมาพร้อมกับเหงื่อหมดแล้ว คงจะกันอะไรให้เราไม่ได้แล้ว ยกเว้นเราทาแล้วนั่งในห้องแอร์ทั้งวัน เจ้าครีมกันแดดที่ละลายน้ำแบบนี้ก็คงยังพอกันแดดให้ไหวอยู่ แต่ถ้าเราต้องมีบ้างบางจังหวะที่เหงื่อต้องออกระหว่างวัน หรือหากเราเล่นกีฬากลางแจ้งแบบเหงื่อโชกกลางแดดนาน ๆ นั้น ก็อยากแนะนำให้หาแบบที่พ่นน้ำเข้าไปแล้วพบว่าน้ำที่ไหลออกมาเห็นเป็นหยดใส ๆ ค่ะ ยิ่งใสมากแปลว่ายิ่งกันน้ำได้จริง กันน้ำในที่นี้ มิได้หมายถึงสกัดกั้นไม่ให้เหงื่อออก แต่หากหมายถึงครีมกันแดดที่ประสิทธิภาพดีนั้น ไม่ควรจะละลายรวมตัวกับน้ำ ไม่ว่าน้ำเหงื่อจากภายใน หรือน้ำฝนน้ำทะเลจากภายนอก และยิ่งถ้าเป็นแบบไม่อุดรูระบายเหงื่อของเรา ทาแล้วรู้สึกสบายไม่เหนียว ไม่เหมือนมีอะไรมาครอบหน้าให้ร้อนหรือเหงื่อระบายไม่ออก จะยิ่งใช่กันแดดตัวจริงที่ปกป้องผิวได้จริงค่ะ 2. ถ้าเป็นกันแดดชนิดเคมีทั่วไปที่เห็นมีขายกันเกลื่อนตามท้องตลาด เท่าที่รู้มามันจะอมรังสีไว้ที่ตัวเคมีที่เราทาไว้บนผิวและจะเสื่อมสภาพทางเคมีลงเมื่อทาพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง จึงต้องมาทาซ้ำใหม่ หากแต่กลับแจ้งผู้บริโภคด้วยคำอันสวยหรูว่า เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นควรทาซ้ำหลังออกแดดแล้วทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งในความเป็นจริง เบื้องหลังคำเตือนนี้ก็คือ เจ้าเคมีเหล่านั้น มันได้อมรังสีไว้มากเสียจนกระทั่งเสื่อมไปแล้วหรือเปล่า จึงต้องมาใช้จิตวิทยาแนะนำแบบสุภาพให้เราทาเพิ่มกันแน่ 3. ตรงกันข้าม ถ้าเป็นแบบไร้เคมีแม้จะสนนราคาแพงกว่าแต่ไม่ต้องทาซ้ำ ไม่ต้องโบกหนา และไม่ต้องรอหลายนานนาทีกว่าจะออกแดดได้ คิดแล้วก็น่าจะคุ้มกว่า เพราะครีมกันแดดแบบนี้ทำงานโดยใช้วิธีการสะท้อนรังสีออกไป แทนที่จะใช้เคมีอมรังสีไว้เพื่อไม่ให้ผ่านเข้าสู่ผิว สังเกตได้ว่ากันแดดแบบปลอดเคมีหรือ Physical Sunscreen จะมีซิงออกไซด์ Zinc Oxide และไทเทเนียมไดออกไซด์ Titanium Dioxide เป็นสารป้องกันหลัก และมักเห็นเขียนอยู่เป็นลำดับต้น ๆ ในรายการสาร และไม่ควรจะมีพวก Methoxycinnamate, Octocrylene หรือ Homosalate ราคาถูกที่เป็นสารกันแดดชนิดเคมีมาเจือปน เพราะพวกนี้กัน UVB หรือรังสีคลื่นสั้นที่มีผลทำให้ผิวไหม้และคล้ำได้ก็จริง แต่ป้องกัน UVA ที่ทำลายคอลลาเจนและก่อให้เกิดริ้วรอยและมะเร็งผิวหนังได้เพียงไม่ถึง 25% ต่างจากกันแดดที่ใช้แต่ซิงค์ออกไซด์และไทเทเนียมไดออกไซด์เพียว ๆ ทั้งในเรื่องราคาและคุณสมบัติอย่างลิบลับ ฝรั่งเขาเรียกกันแดดแบบสะท้อนแสงแบบไร้เคมีนี้ว่า Chemical Free Sunblock มันจะปลอดภัยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง เพราะสองตัวนี้ย่อยสลายได้เอง และกันรังสี UVA UVB ทั้งคลื่นสั้นหรือยาวได้สูงสุดที่ 400 นาโนมิเตอร์ ซึ่งครีมกันแดดแบบเคมีล้วน ๆ เทียบคุณสมบัติไม่ได้เท่า ข้อดีของกันแดดแบบเคมีดูเห็นจะมีข้อเดียวคือถูกหาซื้อง่าย และข้อเสียข้อหลักของครีมกันแดดชนิดไร้เคมี ดูเหมือนจะมีข้อเดียวเหมือนกันคือแพงและหาซื้อยาก 4.ลองหาดูในตลาดเมืองไทยแล้ว ยังไม่พบแบรนด์ไหนเลยที่ทำกันแดดสเปคสูง ๆ แบบไร้เคมีที่ว่านี้ 100 % โดยไม่ใส่แอลกอฮอล์และน้ำหอม ยกเว้นของคลีนิคแพทย์ผิวหนัง ใครหาพบช่วยแจ้งยี่ห้อและสถานที่ขายให้เป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ปัจจุบันจะพบมาก ว่าที่ขายกันอยู่จะเป็นแบบกึ่งเคมีกึ่งฟิสิคัลคือใช้สารกันแดดทั้ง 2 ประเภท และยังคงใส่แอลกอฮอล์ ไม่ก็น้ำหอมปนกันทั้งนั้น ที่สำคัญคือละลายน้ำจนขุ่นหลังทดสอบ แม้เขียนไว้หน้าขวดว่า Very Water Resistant ก็ไม่เว้น กลับละลายหนักกว่าที่ไม่เขียนอีกด้วยซ้ำ 5.กันแดดซึมยิ่งง่าย ยิ่งน่าสงสัย ว่าเป็นเพราะมีปริมาณแอลกอฮอล์ประกอบอยู่สูงมากหรือไม่ หากเห็นคำว่า Alcohol โผล่มาเป็นลำดับต้น ๆ ของสารประกอบบนฉลาก ทาแล้วจะยิ่งดูเหมือนซึมไว แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้ซึม แต่มันระเหยออกไปพร้อมหิ้วเอาน้ำน้ำหล่อเลี้ยงผิวดี ๆ ของเราออกไปด้วยต่างหาก ซ้ำร้ายคือคุณสมบัติของ Alcohol ทำให้รูขุมขนเรากว้างเป็นบริเวณกว้างเร็วขึ้น ทำให้เกิดริ้วรอยไวขึ้นอีกต่างหาก จึงไม่ได้ปกป้องและยึดอายุผิวเราตามจุดประสงค์ที่อุตส่าห์ลงทุนเสียเงินซื้อมาทาป้องกันหน้า อันมีแค่คนละหน้าเดียวที่หวงแหนของเราเอาเสียเลย น้ำหอมก็เป็นอีกตัวที่เป็นสาเหตุหลักของอาการแพ้ครีมกันแดดในผลงานวิจัยของเรา เพราะฉะนั้น หากหน้าแพ้ง่าย หรือยังไม่เคยแพ้ก็ไม่ควรเสี่ยงเลือกที่มีคำว่า Fragrance หรือ Parfume มาใช้นะคะ ขอให้ทุกคนที่หมั่นหาความรู้ ที่หมั่นสังเกตและหมั่นอ่านก่อนซื้อ มีผิวสวยแบบไม่ถูกจูงใจให้ซื้อเพียงเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาหรือติดแบรนด์นะคะ ถ้าจะเลือกซื้อก็ขอให้เลือกบนพื้นฐานของความรู้และการทำการศึกษาสารประกอบและทดสอบก่อนซื้อให้เห็นกับตามาดีแล้วเท่านั้น บางครั้งและหลาย ๆ ครั้ง การซื้อของราคาถูกแต่ประสิทธิภาพต่ำ กลับทำให้เราจ่ายแพงแบบไม่รู้ตัว แต่การซื้อของราคาแพงเพราะรู้ว่าประสิทธิภาพสูงนั้น กลับจะถูกกว่าและเป็นการเลือกที่ถูกต้องในระยะยาว ฝากไว้ให้ลองพิจารณากันดูค่ะ ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อที่ถูกจูงใจให้จ่ายเงินซื้อของคุณภาพต่ำราคาต่ำมาใช้ เพราะแม้จะจ่ายน้อยกว่าแต่แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของราคาที่จ่ายกลับเป็นการร่วมสมทบทุนค่าโฆษณาโดยไม่รู้ตัวไปกับแบรนด์ดัง ๆ ที่ขยันลงงบประมาณเพื่อประโคมออกข่าว ออกสปอตโฆษณากันอยู่ทุกวี่วัน จ้างพรีเซ็นเตอร์แพงแสนแพงมาเป็นแบบ โฆษณาทุกทาง ทุกมีเดีย แทนที่จะเอางบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ดี ๆ ให้ผู้บริโภคได้ใช้ในราคาถูกลง วิธีที่ทำกันนี้นับเป็นการบังคับอัดสื่อให้ผู้บริโภครับสื่อมากไปหรือไม่ เชื่อเลยค่ะว่าหลาย ๆ คนคงรู้สึกรำคาญที่จะเห็นโฆษณามากในขณะนี้ คุณ ๆ ว่าแบรนด์ดัง ๆ ที่ทุ่มงบโฆษณามหาศาลขนาดนั้น เค้าจะไปเอาค่าใช้จ่ายที่ไหนมาจ่ายค่าโฆษณา ค่าพรีเซ็นเตอร์ นอกจากเอาจากกระเป๋าผู้บริโภคที่ถูกสื่อครอบงำอย่างเรา ๆ ข่าวดีคือถึงแม้เราไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธโฆษณาเหล่านั้น แต่เราเป็นผู้กำเงินอยู่ค่ะ เราก็ยังมีสิทธิ์ใช้วิธีของเราในการศึกษาสารประกอบด้วยตนเอง ทดสอบให้เห็นด้วยตนเอง และเลือกเชื่อตัวเราเองโดยขจัดสื่ออย่าให้มาครอบงำการตัดสินใจซื้อของเราค่ะ เพราะการติดแบรนด์ และไม่แลหรือไม่ให้โอกาสตัวเองในการได้ศึกษาสิ่งใหม่และทดสอบในความแตกต่างเทียบกับสิ่งเก่านั้น อาจเท่ากับเรากำลังปิดกั้นสิ่งดี ๆ และมองข้ามโอกาสที่จะได้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างหวังดีต่อผู้บริโภคไป.