ว่าที่เจ้าสาว....กลัวฝนจะตกใส่
rabbitchobit4ตอนนี้กำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวค่ะ เหลือเวลาอีกประมาณสองเดือนกว่าๆ
ตอนนี้เตรียมงานได้แล้วกว่าครึ่งค่ะ เรื่องถ่ายรูป แบบของชำร่วย การ์ด สถานที่จัดงาน ชุดวันจริง
ที่ยังไม่เรียบร้อยก็จะมีจำนวนแขก อัลบั้มรูป ธีมดอกไม้ในงาน ขอถามเพื่อนๆพี่ๆที่แต่งไปแล้วช่วยแะนำด้วยค่ะว่ายังขาดอะไรอีกบ้าง
และที่เป็นกังวลอยู่ตอนนี้คือ เรื่องเครื่องสำอางที่จะแต่งในวันงานค่ะ อยากจะซื้อมาเอง แต่ว่ายังไม่รู้ว่าแบรนด์ไหนเหมาะกับการ
แต่งหน้าเจ้าสาวค่ะ ตอนแรกอยากได้ของ เคล์ เดอ โป แต่ว่าถ้าเราใช้รองพื้นยี่ห้อไหนก็ควรจะใช้แป้งของยี่ห้อนั้นด้วยใช่มั้ยคะ
ถ้างั้นมีใครพอจะแนะนำแบรนด์อื่นๆให้ได้บ้างคะ ส่วนตัวเป็นคนแพ้ง่าย สิวขึ้นง่าย รูขุมขนกว้าง อีกอย่างคือพาเลทอายชาโดว์ค่ะ
ของอะไรใช้ดีคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
อีกเรื่องคือ รู้สึกปั่นป่วนในจิต
เรากับแฟนตกลงจะแต่งงานกันได้้สักพักแล้วค่ะ แต่ว่าคุณพ่อเสียเลยต้องเลื่อนกำหนดออกไปก่อน เราอยากอยู่กับแฟนมาก แต่วันนี้ได้คุยกับเพื่อน เพื่อนกำลังจะไปเป็นแอร์ที่จอร์แดนค่ะ ก็คิดว่าดีจัง ถ้าเราไปได้ก็ดีซินะ เสียงกระซิบในใจก็บอกว่า (หล่อนจะมีสามีแล้วนะยะ จะไปได้ยังไงกัน) นี่คือชนวนที่ทำให้ฝนเริ่มตั้งเค้าในใจ การแต่งงานมันดูเหมือนทำให้เรามีอิสระในชีวิตส่วนตัวน้อยลง เราเพิ่งอายุ25ย่าง26 ถ้าเป็นคนอื่นก็คงยังเฮฮาปาร์ตี้ได้ แต่เราล่ะ..... ดูแลสมี.....งั้นเหรอ? เลยทำให้รู้สึกอิจฉาเพื่อนที่ยังโสดทางกฎหมาย แต่เราเองก็ต้องการจะอยู่กับแฟนอย่างถูกต้อง ไม่มีใครนินทา คนในครอบครัวไม่เสียหาย เลยอยากแต่งงานกับเขาแต่ยังไม่คิดอยากมีลูกเพราะอยากใช้ชีวิตคู่รัก และ เตรียมความพร้อมเรื่องการงาน การเรียน(โท)ก่อน
มีใครเคยรู้สึกสับสนแบบนี้บ้างมั้ยคะ......มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วก็จริง แต่อยากได้ข้อคิดดีๆค่ะ
Discussion (4)
แต่ทำไมเราออกจะอยากดูแลเขาเร็ว ๆ อะ = = ไม่เห็นกลัวมีพันธะเลย = ="
ส่วนเรื่องที่ จขกท สับสนนั้นเราเคยช่วงตอนก่อนแต่งงานค่ะ เราแต่งงานตอนเพิ่งจะ 24 สามีเราเพิ่งจะ 25 ก็สับสนเหมือนกันว่าอายุแค่นี้เองจะต้องมามีพันธะแล้วเหรอ ไม่มีอิสระและต้องดูแลใครอีกคนนึง อยากจะทำอะไรจะไปไหนตามใจตัวเองก็ไม่ได้ทำ คิดถูกหรือเปล่าที่จะแต่ง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้สองปีครึ่งแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเราสับสนในช่วงนั้น อาจจะเป็นเพราะวัยที่ใกล้กันเรากับสามีจึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน เราไปเที่ยวด้วยกันในที่ต่าง ๆ สนุกสนานเฮฮาและมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ดูแลกันและกันและช่วยกันคิดช่วยกันทำ ฝันร่วมกัน ตอนนี้สามีเราก็กำลังเรียนต่อและเราเองก็มีโครงการจะเรียนต่อในปีหน้า
มันเป็นไปได้ค่ะถ้าเราคิดและทำให้มันเป็นในทางที่ดี พยายามอย่าคิดว่าการแต่งงานคือการตัดขาดจากโลกของอิสระ เราเป็นอิสระด้วยกันได้ค่ะ ดีซะอีกมีคนมาห่วงใยดูแล ฝันและเดินทางร่วมกัน สู้ ๆ นะคะ
ส่วนเรื่องงาน ต้องลองคุยกับแฟนดูนะ คือแต่งงาน มันก็แค่งานๆ นึง กับทะเบียนสมรส เอาเข้าจริงๆ
พอแต่งแล้ว ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างจากตอนไม่แต่งเท่าไหร่ แค่ย้ายมาอยู่ด้วยกันทุกวันแค่นั้นเอง
อย่างอื่นก็เหมือนเดิม
คือถ้าคุณกับแฟนเป็นคนมีเหตุผล ลองคุยแล้วปรึกษากัน เราว่าอะไรก็ผ่านไปได้ด้วยดีแหละจ๊ะ อยากทำอะไรก็ทำได้
อ้อ แล้วเครื่องสำอางค์ ไม่จำเป็นต้องใช้แบรนด์เดียวกันหรอก เพราะแต่ละยี่ห้อ ก็มีตัวเด่นแตกต่างกันไป เอาที่เหมาะ
กับหน้าเราดีกว่า จ๊ะ