HowTo ::::::SaveWorld SaveLife::::::: ฉบับแก้ตัวจ๊า

สวัสดีฮ่ะ หลังจากที่หายเฮดไปนาน ไม่มีอารมณ์ทำฮาวทู เพราะว่าอากาศมันร้อนนนนนนนนนนนนนน

สมองไม่แล่น เห็นหัวข้อฮาวทูเดือนนี้แล้วโดนมาก มันโดนแบบว่า เออเนอะ เราน่าจะทำอะไรเพื่อช่วยโลกเราบ้าง คราวนี้แต่งสวยพร้อมบอกวิธีลดโลกร้อน คนคิดครีเอทมากๆ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า

แนวคิดของการแต่งหน้าคราวนี้ มี inspiration มาจากต้นไม้ใหญ่ๆที่ไม่มีให้เห็นได้ง่ายๆในกรุงเทพบ้านเกิดนานแล้ว (ที่บ้านเคยมีต้นมะม่วงใหญ่สองต้น แต่พ่อตัดตอนมันไปแล้ว

) โดยจะมีสีเขียวเข้ม และน้ำตาลเป็นโทนสีหลักค่ะ

ที่มา : tropicalforestresearch.org

:::::: Skin Care Zone::::::

หน้าเปล่าๆยังไม่ได้ล้าง ยังไม่ได้ใส่เลนส์ แถมรอยสิวที่ข้างแก้มอีกเพียบบบบบ

ล้างหน้าด้วยนูโทรจีน่า Acne Wash ตัวนี้เหมาะกับคนมีสิวสมชื่อ เพราะมี BHA 2% แนะนำสำหรับคนหน้ามันและคนเป็นสิว

เราเอานูโทรจีน่ามาผสมน้ำแล้วใส่ขวดปั้มฟองของดร.สมชาย ที่เก็บเอาไว้นานแล้ว เอาไว้ปั้มฟองโดยเฉพาะ 5555 พอปั้มออกมาก็จะได้ตามรูปเลย ฟองละเอียดแบบไม่ต้องเสียเวลานั่งปั่นฟอง อิอิ

จากนั้นก็ใช้ล้างหน้าตามรูปเลย ถูไม่ต้องแรงวนๆออกเพื่อไล่สิ่งสกปรกออกไปจากรูขุมขน

ต่อมาสครับหน้าด้วยสครับแตงกวาอโวคาโดจาก Beauty Formulas ตัวนี้กระปุกบิ๊กเบ้มมาก ดูขนาดจิ ตั้ง 300ml ราคาเท่าๆกับแอพริคอตสครับของเซนต์อีฟ คุณภาพเราว่าก็พอๆกัน หาซื้อได้ที่วัตสันฮ่ะ

คำว่า Exfoliating มันคือการผลัดลอกเซลส์ผิว การสครับหน้าก็เป็นการผลัดเซลส์ผิวเหมือนกับการที่ใช้ BHA ควรสครับหน้าสัปดาห์ละ 2-3 หนก็พอฮ่ะ เดี๋ยวหน้าลอกพอดี ใครซาดิสต์ก็ทำทุกวันไปเล้ยยยย 5555 (เมื่อก่อนเราขัดมันทุกวันเลย หน้าสะอาดจริง แต่รู้สึกว่าบางขึ้นเยอะ )

เวลาขัดให้วนๆเหมือนตอนล้างหน้าเนี่ยล่ะค่ะ แต่ต้องเบากว่าตอนใช้โฟม ไม่งั้นบาดหน้าแย่เลย ใช้วิธีวนๆเหมือนกัน คือวนออกไปเรื่อยๆ

หลังจากซับหน้าจนแห้งแล้ว ใช้โทนเนอร์ของนูโทรจีน่าแบบ Alcohol-free หยดใส่สำลีใช้ชุ่ม เช็ดย้อนรูขุมขนออกไปทางหูค่ะ เช็ดให้ทั่วใบหน้า ลองดูว่าที่สำลีมีคราบสกปรกออกมารึเปล่า (เหมือนในโฆษณานีเวียที่น้องกายเช็ดโทนเนอร์ให้เพื่อนน่ะฮ่ะ 555) ถ้ายังมีก็เช็ดเปลี่ยนแผ่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสะอาด จึงจะมั่นใจได้ว่า ที่เราล้างหน้าเมื่อกี้หมดจดจริงๆ

มาถึงตัวสำคัญแล้ววววว เป็นSampleที่ปริ๊นเพจไปรับมาจากเคาเตอร์ Kanebo เป็นตัว White Luster ที่เหมือนเป็นเซรั่มใสๆซึมเร็วมาก เหมาะแก่การแต่งหน้าตอนเช้ามาก (ไม่เปลืองเวลา 555) ตัวนี้ช่วยโดยตรงในเรื่องความขาว พี่บีเอบอกว่า จะช่วยลดรอยจุดด่างดำ หากใช้ร่วมกันกับตัวอื่นๆในเซต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระปุกแดง ซึ่งเราก็เคยใช้และพบว่ามันขาวขึ้นไวจริงๆ ใสด้วย (แซมเปิลเค้าให้มาอันเดียวเองง่ะ เลยมีแค่นี้ แอบอิจฉาคนอื่นจัง ได้รองพื้นลูนาโซลด้วย งุงิ)

ขั้นตอนต่อมาคือจัดการกับแพนด้า ใช้ Prima Eye Therapy จาก Oriental Princess ตัวนี้แนะนำให้ใช้ก่อนแต่งหน้าเลยค่ะ ลดความหมองคล้ำใต้ตาได้ดี บางครั้งไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์เลยทีเดียว เนื้อครีมออกเป็นสีขาวอมชมพูซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ ไม่เป็นคราบ

จัดการสิวตัวฉกาจด้วย Clida ของศิริราช ตัวนี้เป็นแบบนี้ ทำให้โปะลงไปปุ๊ปมันก็ซึมลงไปอย่างเร็วมาก และสิวก็ยุบเร็วด้วย

จากนั้นมอยสเจอร์ไรเซอร์Shea Butter ของ L’Occitane เนื้อครีมขาวข้น ทาแล้วหน้าจะวอก แต่ซักพักจะเข้ากับผิวค่ะ ตัวนี้มีกันแดดผสมด้วย และกลิน shea butter หึ่งหั่งเลยทีเดียว –‘’- จะเป็นลม 5555 แต่การที่มีเชียร์บัตเตอร์เนี่ยล่ะ มันทำให้ซึมค่อนข้างช้า แต่หากวันไหนรีบ เราก็จะใช้ทิชชู่ซับหลังจากทาไปซักพัก เพื่อดึงเอาความมันออกมา ก่อนที่จะแต่งหน้าในขั้นต่อไป เพื่อที่มันจะได้ไม่เป็นคราบ (ตัวนี้เราชอบมากเลยนะ เพราะเป็นมอยสเจอร์ไรเซอร์แบบที่หามานาน ไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวันมากเกินไป และไม่หมองด้วย รักมั่ก)

ระหว่างรอมอยสเจอร์ไรเซอร์ซึมเข้าผิว เราก็บำรุงบำเรอปากด้วยลิปมมันแบบหลอดของ Labello SOS รุ่นนี้เค้าเน้นแก้ปากแตกโดยเฉพาะ แถมยังใช้ระหว่างวันได้ด้วยเพราะผสมสารกันแดด เนื้อเป็นสีขาว Creamy ไม่เหนอะหนะ

แต่งหน้าคราวนี้จะไม่ลงเยอะ เพราะอากาศก็ร้อน ลงส่วนเมคอัพเยอะแล้วหนักหน้าแย่

จึงลัดขั้นตอนลงรองพื้นไปเป็นกันแดดสีเบจ ครั้งนี้จะใช้ของ GPO Curmin ตัวนี้เราแนะนำเลย เพราะเป็นสีเบจ ปกปิดได้ระดับหนึ่ง หน้าไม่หมอง ไม่มัน แต่เสียอยู่สองอย่างคือ ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับปริมาณ30ml ในราคา 380 บาท (ZA ยัง50ml 380 เลยเหอๆ) และหายากกกกมาก ที่มีนี่คือบังเอิญเค้าไปเปิดบูทที่ศิริราชแล้วคุณแม่เลยสอยมาให้2ขวด อิอิ

เวลาปาดที่หน้าก็ใช้เหมือนกับเวลาทารองพื้นเลย แต้มทั่วหน้า แล้วเกลี่ยออกไปกรอบหน้า ส่วนตรงจมูกไม่ต้องลงมากฮ่ะ เดี๋ยวจะเป็นคราบ

อย่างที่บอกว่า กันแดดตัวก่อนมีสีเบจและปกปิดได้ในระดับหนึ่ง ต่อมาลัดขั้นตอนคอนซีลเลอร์ (บอกลัดๆๆ จริงๆขี้เกียจใช่ม๊า 5555) ใช้แป้ง MAC รุ่น Mineralize Skinfinish Natural สี Light แป้งตัวนี้สุดเลิฟจริงๆ เพราะปัดแล้วไม่หนามาก(แนะนำให้ใช้แปรง Flattop) ปกปิดไม่มาก แต่ปิดรอยแดงได้ดี และยังช่วยกระจายแดงได้ด้วย ใช้แปรงปัดเบาๆให้ทั่วหน้าฮ่ะ

เขียนคิ้วด้วยที่เขียนคิ้วของ OP แบบครีม ที่เรามัดไว้รวมกันแบบนี้เพราะว่าแปรงจะได้ไม่หาย 555

เขียนตามรูปคิ้วไปเลย หลังจากนั้นก็ใช้แปรงเกลียวๆจัดรูปขนคิ้วให้เข้ารูป

จากนั้นใช้พาเลตคิ้วของ KATE ใช้สองสีเข้มกลางผสมกัน เกลี่ยจากหัวคิ้วลงมาตามแนวจมูก เป็นการแรเงาสันจมูกฮ่ะ อิอิ มีสันแบบไม่ต้องทำศัลยฯ อิอิ

ใช้อายไลเนอร์สีเขียวเข้มของ in2it (ใช้นานจนโทรมลอกหมดแล้ว 555) กรีดตามรูปชั้นตาให้ออกไปจากหางตาประมาณ6 มิล (ครึ่งๆกลางๆว่ะ)

จากนั้นใช้อายไลเนอร์แบบครีมสีขาวมุกเหลือบทอง (แต่บางคนเห็นเป็นสีเขียว ทำไมเราเห็นเป็นสีทองหว่า ) ของ J unit Miami ทาตรงกลางเปลือกตา เพื่อเป็นการเพิ่มมิติให้สีเขียว เปรียบเสมือนใบไม้สดเขียวสะท้อนกับแสงแดด ~ วู๊วววว และเสริมความเด่นให้ดวงตาด้วยการใช้อายไลเนอร์สีขาวเล็กน้อยที่หัวตา

จากนั้นใช้โทนสีน้ำตาลจากอายไลเนอร์ของเมเบลลีน ปาดจากใต้ตาตรงที่ลงอายไลเนอร์หัวตาไว้ไปจนถึงหางตาขนานไปกับเส้นอายไลน์สีเขียวข้างบน ตามรูปเลย

ดัดขนตาด้วยที่ดัดอันเล็กจากetude เราชอบอันเล็กมากกว่าอันใหญ่นะ เพราะมันดัดได้ละเอียดและเด้งกว่า (หากบรรจง 5555) จากนั้นใช้มาสคาร่าของ Revlon รุ่น Big Brush ปัดให้ขนตาพออยู่ตัวอยู่ทรงทั้งล่างและบน แต่เน้นข้างล่างให้หนาๆหน่อย

ใช้ขนตาปลอมแบบยาวตรงปลาย เปรียบเสมือนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ที่ให้ร่มเงาแก่ผู้พักพิง (ขนตาอันนี้ก็เป็นกันสาดนั่นเอง 55555) ติดให้ตรงปลายชี้ออกมาหางตาเยอะหน่อย จะได้ดูตกๆ ชอบตาเยิ้มๆง่ะ อิอิ

ปัดแก้มสีเบาๆ ด้วย Naked Splash จากร้าน MMU พี่รำเพย ปัดแนวเฉียงให้หน้าดูมีมิติก็พอ ไม่ได้เน้นแก้มฮ่ะวันนี้

เพิ่มมิติ(และลดขนาดหน้า) ด้วยบรัชสี Power จาก Make Up Store ที่ได้มาเป็นของรางวัลคราวทำฮาวทูPunk นั่นเอง ใช้แปรขนาดเล็กปัดตามแนวขากรรไกรไปตามลูกศรเลยฮ่ะ แต่อย่าลงเยอะ เดี๋ยวจะหน้าคล้ำกันพอดี

ใช้ลิปไลเนอร์สีส้มชมพูอมน้ำตาลของ Ellen Studio ทาให้ทั่วปาก แล้วใช้นิ้วเกลี่ยๆให้ทั่วกัน สาเหตุที่ใช้ลิปไลเนอร์เพราะว่ากำหนดความเข้มอ่อนได้ตามใจฉัน ทน และไม่ค่อยเป็นคราบด้วย (ในรูปสีแอบเพี้ยนเยอะอ่ะ) แล้วใช้กรอสสีชมพูใสของ Revlon ลงเบาๆที่ตรงกลางปากเล็กน้อยให้มีมิติ

เสร็จแล้วฮ่ะ!!!! Before – After

พร๊อปไม่มี มีแต่ผม ตัว และอากาศ 5555

แสงธรรมชาติฮ่ะ ปรับแสงนิดหน่อย ไม่มีโฟโต้เฉาะ(ก็เค้าทำไม่เป็น 555)

มาถึงขั้นตอนลดโลกร้อนในแบบของเราแล้วววว ที่มาของการพับถุงพลาสติกก็คือ ที่บ้านเราคุณแม่ชอบเก็บถุงพลาสติกมากกกกกก สะสมกันเป็นงานอดิเรกเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเปล่าประโยชน์นะคะ เพราะคุณแม่ท่านเอามาใช้บ่อยเลยล่ะค่ะ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ตอนเก็บเนี่ย ถ้าเก็บเป็นถุงๆแบบข้างบนมันจะรกและค่อนข้างกินที่ และจะเก็บได้น้อยด้วย เราเลยมาเสนอวิธีเก็บถุงพลาสติดไว้ reuse ที่บ้านให้ไม่เกะกะและหยิบใช้ง่ายๆค่ะ

1. ทำถุงให้มันแบนๆลีบๆเลยค่ะ

2. พับครึ่งลงมา

3. แล้วพับเป็นทบลงมาอีกที

4. พับจากปลายขึ้นไปให้เป็นรูปสามเหลี่ยม และพับขึ้นไปเป็นทบเรื่อยๆตามรูปเลยค่ะ พอจบตรงปลายปุ๊ปมันก็จะเหลือเศษไว้ค่ะ

5. ให้เอาตรงปลายที่เหลือเนี่ยล่ะค่ะ ยัดไปอีกด้านนึงเพื่อเก็บปลายไม่ให้รุ่ยออกมา

เสร็จแล้วล่ะค่ะ วิธีง่ายๆที่ใช้เก็บถุงพลาสติกเพื่อนำกลับมา Reuse อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เวลาเราซื้อของ ถ้าเป็นอะไรที่ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ถุงพลาสติก เราก็จะปฎิเสธถุงพลาสติกจากร้านค้าค่ะ ซึ่งเป็นการลดโลกร้อนได้อีกวิธีหนึ่ง ถึงแม้ว่าวิธีของเราจะดูเล็กน้อย แต่เราก็คิดเสมอว่า หากเราไม่เริ่มจากสิ่งเล็กๆไปหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เราก็จะไม่ได้มีส่วนช่วยโลกอะไรเลย แต่เราก็มั่นใจว่าอย่างน้อยๆสิ่งที่เราทำก็เป็นการช่วยชะลอเวลาของวันโลกแตกที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ (มันมาแน่นอน ปลงไว้แล้ว เหอๆ)

จบแล้วล่ะค่ะ สำหรับฮาวทูเดือนนี้ พบกันใหม่คราวหน้านะคะ แต่คงได้ส่งทุกเดือนล่ะค่ะ เพราะเรียนจบตกงาน เวลาว่างเยอะ555

(งงกับตัวอักษรใหญ่เล็กมากๆ แถมพอลงไปแล้วข้อความและภาพมันสลับกันหมดเลย แก้มา 5 รอบแล้วอ่ะ

)