ขอลบนะคะ

ขอบคุณสำหรับ คำแนะนำ และกำลังใจนะคะ

ขอบคุณค่ะ
 

Discussion (14)

ขอบคุณทุกคำแนะนำ นะคะ

เป็นข้อคิดที่ดีในหลายๆแง่มุมค่ะ

 

เราขอตอบแบบเป็นทั้ง 2 ฝ่ายคะคือ
1. เราเป็นลูกติดของพ่อ พ่อเราเลิกกับแม่แบบว่าแม่เราไม่ยอมหย่าให้คะ ส่วนแฟนพ่อก็กลุ้ม เสียใจแล้วก็รอวันที่พ่อจะเลิกกับแม่ รอมา 10 กว่าปีคะ ทั้งๆที่หน้าที่การงานของแฟนใหม่พ่อเค้าก็ดีมาก มีตำแหน่งสูงด้วย ทำให้มีปัญหาด้านหน้าที่การงานบ้างเป็นบางครั้ง แล้วพ่อก็ไม่ได้อาลัยอาวรแม่เลย เพราะการใช้ชีวิตเค้าสองคนเข้ากันไม่ได้เลยคะ แม่เราทำไรช้ามาก ส่วนพ่อไวมาก แล้วเราก็เหมือนพ่อ เราก็เข้ากับแม่ไม่ได้เหมือนกันคะ เราติดพ่อมากกว่า

2. เรามีแฟนที่มีลูกติดคะ ในปีแรก แฟนก็เครียดมากว่าเราจะรับไม่ได้  แฟนเราพยามอยู่กับเราให้นานที่สุดก่อนที่จะกลับบ้านไปนอนกับลูก (เมียเค้าก็นอนอยู่ด้วย) แปลกมั๊ยคะ เรารับได้ แต่เราก็พยามเข้าใจเค้านะ เราไม่ได้แย่งแฟนใครคะ แฟนเราบอกกับแฟนเก่าเค้าด้วยว่าคบเรา แล้วก็เต็มใจเลิกกันทั้งสองฝ่ายเพราะนิสัยเข้ากันไม่ได้จริงๆ
เวลาแฟนเก่าเค้าโทรมาหาแฟนเราก็มีเรื่องลูกอย่างเดียวแล้วก็ถามแฟนเราก่อนว่าคุยได้รึป่าว สะดวกมั๊ย
พอแฟนเราคุยเสร็จก็บอกว่าคุยเรื่องอะไร คือเค้าทำให้เรามั่นใจด้วยอะคะ 
แล้วแฟนเรากับแฟนเก่าแฟนเราก็พากันไปพบจิตแพทย์เสมอว่า จะทำอย่างไรให้ลูกไม่มีปัญหา หรือมีน้อยที่สุด เพราะลูกอายุแค่ 3 ขวบเองคะ แรกๆ เรายอมรับว่าเครียดบ้าง หึงลูกเค้าบ้าง เวลาทะเลาะกันก็ยกเรื่องเค้าอยู่กับแฟนมาบ้างตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาแฟนเราสัญญาว่าขอเวลา 1 ปีจะเคลียร์ จะมาอยู่กับเรา
จนวันนี้ก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลาคะ ยกเว้นตอนเค้าไปทำงาน ซึ่งเราก็มั่นใจคะ ว่าเค้าไม่ได้กับไปคบกับแฟนเค้าอีก
อยากบอกจขกท. ว่าทุกอย่างอยู่ที่ทั้งสองฝ่ายคะ เค้าพยามให้เราเข้าใจฝ่ายเดียวไม่ได้ เราก็ต้องมั่นใจแฟนเราด้วย
คือต้องไว้ใจคะ เราไว้ใจเค้าตลอดว่าไม่เคยมีอะไรกับแฟนเก่าเค้าอีกเลยทั้งๆ ที่อยู่บ้านฝ่ายหญิง เราต้องเข้าใจเค้าว่าเค้าอยู่กับลูก

มีนะคะเหตุการณ์หลังจากเค้ามาอยู่กับเราแล้ว เราไปดูรูปในคอมของเค้า เราก็เจอภาพที่พ่อ แม่ ลูก พากันไปเที่ยวทะเล เราก็ร้องไห้ทะเลาะกัน เค้าก็อธิบายว่า เค้าต้องสวมบทพ่อที่ดี ต่อหน้าลูก เพราะว่าหลังจากนั้นไปแล้ว เค้าก็ไม่เคยกลับไปหาลูกอีกเลยคะ เพราะเค้าไม่อยากได้ยินลูกพูดว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับมาหาหนูอีก

เราขอพิมพ์ในฐานะลูกสาวที่พ่อแม่เลิกกัน แล้วพ่อเป็นคนส่งเสียเรานะ
เราก็อยุ่กับพ่อกับแม่ และพ่อหับแม่ต่างก็มีใหม่
ช่วงแรกๆเด็กทุกคนทำใจยอมรับได้ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้เวลานาน บางคนอาจจะไม่นาน
แต่อยากให้คุณเข้าใจเด็ก ไปคลุกคลีกับเขา ทำความเข้าใจกัน ซึ่งมันจะดีกว่า
หากมานั่งกังวล แล้วก็ไมได้ทำอะไรเลย ปรับความเข้าใจกัน
มันไม่ใช่เรื่องยาก อย่ามองแต่มุมตัวเอง มองดูมุมของเด็กสักหน่อย
เด็กต้องการความเข้าใจค่ะ ทำตัวเป็นแม่เลี้ยงที่ดี
เด็กเขาจะไม่งองแงมากเลย ถ้าหากคุณนั้นดีจริงๆ แล้วเขาจะยอมรับเอง
อย่างฉัน ฉันยอมรับแล้วคนของทั้งฝ่ายพ่อและแม่
เพราะพวกเขาทำให้ฉันเห้นว็า เขาดีพอ และฉันก็ชอบพวกเขามากด้วยเช่นกัน

เราว่าปัญหามันไม่น่าจะอยู่ที่ลูกแล้วนะคะ(สำหรับคุณนะ ไม่ใช่ทางบ้าน)

เราว่าคุณคงคิดมากับนิสัยของเขาที่เอาแต่หนีปัญหามากกว่าใช่มั้ยคะ

ก็ถึงขนาดไม่ยอมบอกเราว่ามีลูกจนคบกันมา 3 ปี

ทางที่ดีควรเปิดใจพูดกับเขาดูมั้ยคะ ทำตัวเองให้เขารู้สึกว่าเขาวางใจและพูดคุยทุกอย่างด้วยได้

พูดให้เค้ารู้สึกว่ายังมีเราอยู่ข้างเค้าตลอดนะ ถ้าเค้าโกรธ คงต้องเป็นคุณที่นิ่งทุกอย่าง

ไม่ใช่ว่านิ่งแล้วไม่พูดนะ นิ่งแต่พูดด้วยอารมณ์ปกติที่สุด อย่าอารมณ์กลับใส่เขา เดี๋ยวจะไปใหญ่

ส่วนเรื่องเอาแต่ใจ

อันนี้อาร์ตตัวแม่อย่างเราๆก็ไม่เข้าใจควายเผือกเหมือนกันแฮะ - -"

 

 

ใจเย็นๆนะคะ
ชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจไปหมด no body perfect ค่ะ
ถามตัวเราเองให้ดีว่าเรารับได้หรือไม่  การมีลูกมาก่อนถามว่าเป็นข้อเสียเหรอ เป็นตำหนิมากกว่า
แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้เอาลูกมาอยู่ด้วยใช่มั้ยคะ  ตกลงกันให้ดีว่าถ้าอนาคตเราจะแต่งงานกัน  จะเอายังไง
เรารับกับข้อตกลงนั้นได้มั้ย  จริงๆผู้ชายคนนี้เห็นแกตัวตรงที่ไม่บอก  แต่ที่ไม่บอกเราเพราะอะไร 
อย่างน้อยๆเราก็เห็นความดีของเค้าตรงที่เค้ายังส่งเสียลูก  มีความรับผิดชอบ ผู้ชายคนนี้ใช่มั้ยที่เราจะแต่งงานด้วย
เอาข้อดีกับข้อเสียช่างน้ำหนักให้ดีนะคะ
ชีวิตเป็นของเรา  อย่าเอาใครมากำหนด  แม้ที่บ้านจะไม่ชอบ  แต่ถ้ามีเหตุผล เค้าก็คงเข้าใจ
ใจเย็นๆ  คุยกันดีๆนะคะ
เราเป็นอีกคนที่มีปัญหาแนวนี้ อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าถามตัวเองให้ดี
แล้วก็คุยกันดีๆ  อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งนะคะ  สู้ๆ