เค้กมูสโยเกริต์

... เจอเพื่อนเก่า เลยชวนกันมาทำขนมที่บ้าน ...

     นานแล้วจากนาทีเป็นชั่วโมงจากชั่วโมงเป็นวันจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี (นานมากๆๆๆๆๆ) ที่เราสองคนไม่ได้เจอกันอีกจากวันนั้น วันนี้เป็นโอกาศที่ดี ที่เราสองคนได้มาเจอกันอีกครั้ง มันเป็นเรื่องบังเอิญค่ะเบญเดินห้างแถวบ้านตั่งใจว่าจะซื้อของมาทำของอร่อยกินเองที่บ้าน เดินไปเดินมาใครหว่าหน้าตาคุ้นๆ ถึงบางอ้อเมื่อใครคนนั้นเดินเข้ามาทัก  เต้  เพื่อนเก่าสมัยประถม ถามไปถามมาไหงกลาย เป็นว่าเราเป็นศิราณีตอบปัญหาแล้วซะงั้นแต่ไม่ใช่หัวใจนะ เต้มักทะเลาะกับพ่อแม่เสมอชอบบ่นว่าตัวเองเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่ตั่งใจให้เกิดมา คุยไปคุยมาท่าจะยาวเลยชวนไปทำอะไรอร่อยๆ กินที่บ้านดีกว่า   (นายนี่ก็ชอบ...ของฟรีนิ) เลยทำ เค้กเหนียว ค่ะมันก็คล้ายๆ กับบราวนี่นั้นเองแต่แขกของเรากลับบอกว่าไม่ชอบบราวนี่เลยเอาใจเปลี่ยนให้ ก็เลยได้   สปอนจ์เค้กมูสโยเกริต์น้ำผึ้ง มาแทน

ส่วนประกอบสปอนจ์เค้ก
.. แป้งเค้ก ๖๐ กรัม
.. ไข่ไก่ (เบอร์ L) ๒ ฟอง +ไข่แดง ๑ ฟอง
.. น้ำตาลทราย ๘๐ กรัม
.. กลิ่นวานิลลา ๑ ช้อนชา(ชนิดผง)
.. นมข้นจืด(หรือนมสด) ๓๐ กรัม
.. เนยละลาย ๔๐ กรัม
.. เกลือ ๑/๒ ช้อนชา
.. ผงฟู ๑ ช้อนชา
.. สารเสริมคุณภาพ เอสพี ๕ กรัม (ไม่มีไม่ใส่ ใช้ตีไข่ให้ขึ้นฟู)
........เวลาอบ ๓๕-๔๐ นาที ๑๘๐ องศาเซลเซียส......
........ขนาดปริงฟอร์ม ๑๘ ซม. หรือ ๗ นิ้ว.......
ส่วนประกอบสำหรับมูสครีม
.. โยเกิร์ต รสธรรมชาติ ๒๕๐ กรัม
.. ผิวมะนาว ๑ ช้อนชา
.. วานิลลา(ชนิดผง) ๑ ช้อนชา
.. ครีมข้น (ไขมัน ๓๐%ใช้สำหรับตีวิปครีม) ๒๐๐ กรัม
.. เจลลาติน (ชนิดผง) ๒ ช้อนชา
.. น้ำตาลไอซิ่ง ๔๐ กรัม
.. น้ำผึ้ง ๓ ช้อนโต๊ะ (ใช้สำหรับทาที่เนื้อเค้กตอนประกอบเค้ก)
วิ ธี ทำ
มาเริ่มที่ตัวเค้กกันก่อนค่ะ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน พักไว้
2. ตอกไข่ใส่อ่างผสม และ เอสพี แล้วตีด้วยความเร็วต่ำ รอจนเอสพีผสมกันกับไข่(ถ้าไม่มีเอสพีใช้น้ำมะนาวแทนได้ค่ะ) ตีด้วยความเร็วจนไข่ขึ้นฟู แล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไป แล้วตีต่อไปจนน้ำตาลละลายหมด หยุดปาดขอบอ่าง แล้วตีต่อด้วยความเร็วสูง จนเนื้อเนครีมขาวข้นค่ะ

3. แล้วก็ใส่แป้งลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำๆ หรือใช้ตะกร้อมือกับพายยางตะล่อมก็ได้ค่ะ ให้เบามือแต่ให้เข้ากันเป็นเนื้อเนียน

4. ใส่นมสดและเนยละลาย(เนยละลายต้องทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนะคะ) ผสมด้วยความเร็วต่ำๆอีก ให้พอเข้ากันเป็นเนื้อเนียน ไม่ต้องผสมนาน แล้วก็เทใส่พิมพ์เค้กทีรองกระดาษสำหรับอบไว้แล้ว จริงๆแล้วรองแค่ด้านล่าง แต่ สปริงฟอร์มอันนี้เหมือนเป็นสนิมนิดๆ เพื่อความปลอดภัยของแขกต้องมาก่อน ก็เลยรองก้นด้วยฟอยด์ ตามด้วยกระดาษ และรอบๆข้างด้วย ไม่ต้องทาเนย ใส่ส่วนผสมแล้วก็เคาะพิมพ์เบาๆ ไล่อากาศ เนื้อเค้กจะได้ไม่เป็นรูโบ๋ แล้วนำเข้าอบค่ะ

5. มาแล้วจ้า อบ ๔๐ นาที ๑๘๐ องศาเซลเซียส นำออกจากเตาอบ กระแทกพิมพ์แรงๆ ๑ ครั้ง เขาบอกว่าช่วยให้เค้กเซ็ตตัว (ทำตาม) แล้วจับคว่ำหน้าใส่ตะแกรง พออุ่นๆเกือบเย็นก็ยกฟอร์มเค้กออก แกะกระดาษรองออก แล้วพักไว้ไม่มีฟอร์มสำหรับทำมูสเค้ก ก็เลยนำเจ้าสริงฟอร์มอันเดิมนี่แหละ ทำความสะอาดแล้ว
รองด้วยฟอยด์ด้านล่างและรอบๆ (ถ้าฟอร์มไม่สกปรกก็ไม่ต้องรองหรอกจ้า) 

 มาทำมูสครีมกันต่อค่ะ
1. ขูดเอาผิวมะนาว (มีสีออกเขียวๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน)

2. โยเกิร์ตที่อุณหภูมิห้อง ใช้ตะกร้อมือตีให้เนื้อเนียน แล้วใส่ผิวมะนาวและวานิลลาลงไป ผสมให้เข้ากัน แล้วพักไว้

3. นำครีมข้น ๖๐ กรัมหรือ ๑/๓ ใส่หม้อ แล้วใส่ผงเจลลาติน คนให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟอ่อนๆ คนเรื่อยๆจน   เจลลาตินละลาย เสร็จแล้วยกลงพักไว้ให้เกือบจะเย็น

4. แล้วเทส่วนผสมครีมเจลลาติน มาผสมกับชุดโยเกิร์ต ใช้ตะกร้อมือตีให้เข้ากัน เนื้อเนียนและพักไว้ค่ะ (ให้เย็นสนิทเลย)

5. ครีมข้น(วิปครีม) ส่วนที่เหลือกับน้ำตาลไอซิ่ง มาตีให้ขึ้นฟูได้ที่ (ระวังอย่าให้เหลว และถ้าตีนานไปจะเสียเลย เพราะจะแยกเนื้อครีมออกเป็นน้ำนมกับเนย)

6. นำวิปครีมที่ตีจนขึ้นฟูมาผสมกับชุดครีมโยเกิร์ต ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน แล้วนำไปปาดหน้าเค้กค่ะ

7. แบ่งตัดเค้กออกให้ได้ความหนาประมาณ ๑ ซม. ทำได้ ๓ ชิ้น บวกกับอีกชิ้นบางๆที่อยู่บนสุดหนาไม่ถึง ๑ ซม. (ก็เลยกินซะเองไม่ได้นำประกอบเค้ก) งั้นก็ทำแค่ ๓ ชั้นก็แล้วกันเด้อค่ะ ส่วนขอบด้านข้างรอบๆตัวเค้กจะตัดแต่งออกซักครึ่งซม.ก็ดีค่ะเวลาวางใส่สปริงฟอร์มจะได้มีช่องให้เนื้อมูสครีม (แต่ในรูปไม่ตัดออก ขี้เกียจ อะนะ)

8. ทาด้วยน้ำผึ้งให้ทั่วๆ ผิวเค้ก (จะใส่น้ำมะนาวผสมลงไปในน้ำผึ้งซักหน่อยก็ได้ค่ะแต่เราไม่ได้ใส่นะ
เพราะรสโยเกิร์ตก็ออกเปรี้ยวอยู่แล้ว ใส่แค่ผิวมะนาวที่ครีมก็ได้กลิ่นน้ำผึ้งผสมมะนาว รสอร่อยเชียวหละ)

9. แล้วก็นำชิ้นแรกไปวางในฟอร์มที่เตรียมไว้ เทมูสครีมตามลงไป แล้วก็ทำเหมือนเดิมอีกจนได้สามชั้น สุดท้ายโปะมูสครีมที่เหลือลงไป เคาะพิมพ์เบาๆ ให้มูสครีมลงไปให้เต็มช่อง จะได้ไม่เป็นรูโบ๋เน๊าะ

10. เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนไทยแล้วก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นชั้น First-class (ของการบินไทย)(ดูแลเป็นพิเศษ ห้ามเอานิ้วไปจิ้ม เพราะเราไปลองจิ้มดูเป็นรอยนิ้วติด อิอิ) ให้นอนแบบ VIP ซัก ๔ ชั่วโมง หรือข้ามคืนไปเลย นะคะ  แต่ของเบญแช่ไว้แค่ 6 ชั่วโมงเอง เวลาที่เหลือก็คุยกันต่อไป แต่รับรองว่าจะไม่ชวนนายเต้มาอีกแน่ไม่รู้ว่ามาช่วยหรือมาป่วนกันแน่