blonde and tan
sushiboy6922หลังจากเห็นฝูงเพื่อนกัดสีผมกันแสบทรวง สนุกสนานไปพักใหญ่ ด้วยคำปฏิญาณว่าจะยอมทำทุกอย่างยกเว้นการกัดสีถึงหนังหัว เพราะสงสารหนังหัวที่บอบบางกว่าหนังหน้า T-T ในที่สุดก็ทนยึดมั่นไม่ไหวขอลองดูซักยก
อีกเหตุผลที่ทำผมสีบลอนด์เพราะช่วงนี้กะลังลอง self-tanning ทั้งหลาย ยิ่งสีผมอ่อน ผิวก็ยิ่งดูเข้ม วู้วววววววววววววววว ^^
pH color Olio Lenitivo/ Alfaparf Milano
บททดสอบใหม่ของการฟอกผมให้แสบหนังหัวน้อยที่สุด คือเซรั่มบำรุง และปกป้ิองหนังศีรษะก่อนทำเคมีตัวนี้ นวดให้ทั่วก่อนทำเคมีได้เลย
daul-purpose lightenenr/ paul mitchell
ผงฟอกที่การันตีเรื่องการถนอมหนังศีรษะ ลงรอบแรก 9% จับเวลา 1 ชม
ผลการวิจัยรอยแรก
รู้สึกแค่คันยิกๆ แต่ไม่แสบ ไม่ร้อน ไม่ระคายเคือง พอใจมากๆ
แต่สียังออกมาได้สีเหลืองๆ ส้มๆ ไม่ไหวจะเคลียจริงๆ ต้องลงต่ออีกซักรอบ
จุดเปลี่ยน
ลงเซรั่มที่หนังหัว และฟอกรอบ 2 ด้วย 6%
ลงปุ๊บ วาบปั๊บ แสบร้อน และพุพองทันที แต่ก็ยอมทนถึง 1 ชม
เลยนึกหาสาเหตุ เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะรอบแรกลงแบบไม่ได้สระผม แต่รอบสองสระด้วยแชมพูเปิดเกล็ดผม ทำให้หนังศีรษะสะอาดมากเกินไป จนระคายเคืองง่าย ดังนั้นเลยคิดว่าขั้นตอนการสระถ้าไม่จำเป็น ก็ควรถูกตัดทิ้งในระหว่างขั้นตอนการฟอกผมคับ
.
.
.
.
.
.
หนังหัวก็พุพองได้ใจจริงๆ แต่สีเหลืองนี้มันดูแซ่บเกินห้ามใจ 2 วันต่อมาเลยฟอกปลายเพิ่มอีก 3 รอบ
.
.
.
รูปรองสุดท้ายเป็นผิวธรรมชาติที่ผ่านการอาบ self-tanning มาครึ่งเดือน
รูปสุดท้ายแอบรองพื้นฉ่ำๆ บางๆ สนองนี้ดสะใจสีแทน
ช่วงนี้เลยเปลี่ยนสีเ่ล่นอาทิตย์ละ 2 รอบได้ เพราะผมฟอกขนาดนี้ลงสีไรก็สวย ^^
Discussion (22)
อยากทำสีแรงๆ เหมือนกัน
แต่ ต้่อง รอหลังรับปริญญาอ่ะค่ะ