แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!! เรื่องหมายเลข อย....

เข้าเรื่องกันเลยนะคะ


เรื่องมีอยู่ว่า   คุณอาของเราต้องการจะทำ skincare ออกมาขาย   จึงได้ไปดำเนินเรื่องขอหมายเลขทาง อย.
แล้ววันนี้...   ก็ได้ฤกษ์นัดพบเพื่อเอาหมายเลข

เจ้าหน้าที่
"ผลิตภัณฑ์ของคุณ  จัดอยู่ในประเภทเครื่องสำอาง   ไม่ต้องมีหมายเลข อย. ติดบนฉลากนะ"


O_O
แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!!  


ถามไปถามมา...   พรบ. ใหม่เพิ่งออกมาไม่กี่เดือนนี้เองอย่างเงียบ ๆ ว่า
เครื่องสำอางควบคุม  และเครื่องสำอาง  ไม่ต้องมีหมายเลข อย. ติดบนฉลาก
มีหมายเลขเฉพาะเครื่องสำอางควบคุมพิเศษเท่านั้น

ซึ่งแน่นอน  เครื่องสำอางควบคุมก็อย่างเช่นพวก skincare & make up ที่เรา ๆ ใช้กันธรรมดาทั่วไป
ส่วนเครื่องสำอางควบคุมพิเศษก็อย่างเช่นพวก ครีมฟอกสีผม  อะไรประมาณนั้นอะนะ


O_O


แต่...   อาของเราก็ยังอึ้งไม่หาย...
อ่าว...   แล้วลูกค้าเราจะมั่นใจได้ไงอะว่าครีมของเราปลอดภัย

อาเราก็เลยถามต่อว่า "แล้วจะทำให้ฉลากนั้นถูกต้องตามกฎหมาย  ต้องใส่สัญลักษณ์อะไรไว้บ้าง"
เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ขอแค่บนฉลากมีภาษาไทย"


O_O

แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!!   แค่นั้นหรอที่ทำให้สินค้านั้นถูกกฎหมายอะ
 


อาเรามึนจัด  เลยถามต่อว่า "แล้วเราจะรู้ได้ไงอะว่าเครื่องสำอางที่ขายตามท้องตลาดนั้นปลอดภัย?"
เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ไม่รู้   ก็ต้องรอจนกว่าจะมีคนมาแจ้งว่าแบรนด์นั้นทำให้หน้าพัง   เราก็จะประกาศห้ามมีการซื้อขายแบรนด์นั้น ๆ"


อาเราแทบจะเป็นลม...


นั่นหมายความว่า...   ถ้าเปลี่ยนชื่อแบรนด์...   ก็ขายได้เหมือนเดิมสินะ...

แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!!


หลังจากที่อาเราฟังคำตอบจากเจ้าหน้าที่มาอย่างมึนสุด ๆ    
อาเราก็ออกมาแล้วตรงดิ่งเข้าไปที่เซเว่นทันที

สบู่   แชมพู   ยาสีฟัน   แป้ง   ครีมทาหน้า

ทุกยื่ห้อไม่มีหมายเลข อย. !!!!!


แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!!
แล้วเราจะรู้ได้ไงอะว่าครีมนั้นมันปลอดภัยอะ O_O


ไม่รู้ว่าสาว ๆ จีบันทราบเรื่องนี้กันหรือยังอะ
แต่ก็อยากจะเอามาแบ่งปัน
เรางงมาก   คนเขียน พรบ. นั้นเขาคิดอะไรกันอยู่หรอ
แล้วอย่างโลชั่นที่ใช้ทั้งตัว    เกิดแพ้ขึ้นมา   ไม่ตายไปเลยหรือไง????



จขกท. รับไม่ได้อะ


แม่เจ้ากล้วยปิ้ง!!!!

Discussion (14)

ขอบคุณคุณ Fahsai Tour มาก ๆ เลยนะคะ

ป่านนี้ไม่รู้คุณอาของเราช็อคไปถึงไหนอะ   เงียบหายต๋อมไปเลย = =
ขออนุญาตอธิบายนิดนึงนะคะ ในฐานะเป็นผู้สัมผัสกับวงการเครื่องสำอาง
การที่จะขายเครื่องสำอางแล้วไม่ใช่อุปสรรคค่ะ เพราะกฎหมายห้ามใช้ฉลาก อย.กับเครื่องสำอางทั่วไปอยู่แล้วค่ะ(หมายถึงว่าไม่จำเป็นต้องไปขึ้น อย.) แต่ผู้ผลิตเองต้องการสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้าตัวเองโดยการนำสินค้าไปขึ้นทะเบียนกับ อย. จากนั้นทาง อย.จะออกใบรับรองมาให้ ซึ่งเราสามารถแสดงใบรับรองนี้ให้ลูกค้าที่มาซื้อสินค้ากับเรา ในกรณีที่ลูกค้าไม่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเราว่าปลอดภัยหรือไม่

แต่หลังจากปี 2553เป็นต้นไป เครื่องสำอางทุกชนิดต้องนำไปขึ้นทะเบียนกับ อย. รวมถึงเครื่องสำอางทั่วไปด้วย

เราคิดว่าเจ้าของกระทู้คงเข้าใจผิดว่าการที่ไม่ให้มีหมายเลข อย. ติดบนฉลาก หมายความว่า ไม่ต้องไปขึ้นทะเบียนกับ อย. แต่จริงๆแล้ว เครื่องสำอางทุกชนิดต้องนำไปขึ้นทะเบียนกับ อย.ค่ะ(หลังปี 2553) แต่ไม่ต้องมีหมายเลข อย. ติดบนฉลากค่ะ


ถ้าไม่เข้าใจ ถามเพิ่มเติมได้นะคะ เรามีประสบการณ์อันโหดร้ายกับ อย. มามากแล้วค่ะ แต่ตอนนี้แทบจะซี้กันก็ว่าได้ เพราะไปจนเค้าจำหน้าได้แล้ว เจ้าหน้าที่ อย. ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมกาเลยค่ะ(อยากรู้ว่าเป็นยังไงดูเดี่ยว8ของโน๊ตก็จะรู้ค่ะ)

ถ้าจะให้พูดเกี่ยวกับมุมมืดของวงการเครื่องสำอาง และช่องโหว่ของกฏหมายไทยวันนี้คงพุดไม่จบแน่นอนค่ะ

เป็นเรื่องจริงค่ะ เป็นคนหนึ่งที่อยากจะมีแบร์ดผลิตเป็นของตัวเองเหมือนกัน
แต่ต้องระงับไว้นิสนึง เนื่องจาก อย นี้แหละค่ะ เพราะว่าเค้าจะออก อย ให้เฉพาะ
เครื่องสำอางค์ควบคุมเท่านั้น คือพวกที่มีสารต้องห้ามบางประเภทอยู่อ่ะค่ะ จำพวก
มาสคาร่า อายไลเนอร์ไรแบบนี้ สอบถามมาก็ได้เรื่องข้างต้นเหมือน จขกท เหมือนกันค่ะ
พร้อมท้งหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือร้ายค่ะ
ตามจริงแล้วที่พนักงานเค้าตอบรี่นั้น ตอบดีกว่านี้นะค่ะ แต่สอบถามไว้นานแล้ว
เค้าขอแค่ มีชื่อ ที่อยู่ บริษัทคนจัดหน่าย มัวันเดือนปีที่ผลิต หมดอายุ มีสรรพคุณไม่เกินจริง
มีคำบรรยายในการใช้ มีคำเตือนค่ะ

เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะ...
 แม่เจ้า กล้วยปิ้งอีกคนค่ะ ทำไมเป็นแบบนั้นอ่ะ  

ราชการในไทยก็งี้แหละค่ะ จงเจริญ