Differin หรือแต่ก็ยังใช้ Benzac ใช้ตัวไหนดีครับ

 อยากรู้ว่าสองตัวนี้แตกต่างกันยังไงครับ

ผมเป็นสิวอุดตันทั้งหัวดำหัวขาว มีลอยแผลจากสิวเป็นจุดเล็กๆไม่ใหญ่ไม่มีสิวอักเสพแต่หน้าหมองคล้ำไม่ถึงกับดำ  ผิวขาวหรือดำขึ้นกับแสงว่าแสงอ่อนแสงจ้าหรือแสงนีออน ก็อยากรู้ทำไมเวลาโดดนแสงแตกต่างกันไปเลยเห็นสีผิวแตกต่างกันใครรู้ก็ตอบหน่อยนะครับ

เวลาเข้าไปในร้านแว่นที่กระจกเยอะๆห้องสีขาวๆไฟนีออนเยอะๆรู้สึกว่าหน้าโทรมมากๆใครรู้ว่ามันยังไงก็บอกทีนะครับT T

แล้วถ้าใช้ควบคู้กันไปจะต้องทาอะไรก่อนล้างหน้าตอนไหนแล้วต้องถาอีกรอบหลังล้างหน้ารึป่าว  อยากรู้ว่าต้องใช้ยังไงอะครับ ขอบคุณครับ 

ถามสองสามข้อนะครับ^^


 ขอบคุณครับ

Discussion (7)

ดิฟฟาริน : เป็นอนุพันธุ์ของกรดวิตามิน เอ (เช่นเดียวกับยาที่ชื่อ เรติน-เอ แต่มีความแรงน้อยกว่า ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองมาก และไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเท่าเรติน-เอ) ใช้รักษาสิว โดยไปทำหน้าที่ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ความมันบนใบหน้าลดลง ลดการผลิตน้ำมันใต้ผิวคับ ควรทาก่อนนอน หลังจากล้างหน้าแล้ว 20 นาที เพื่อให้มีน้ำมันมาเคลือบผิวก่อนค่อยทา ไม่ควรทาในบริเวณผิวที่บอบบางเช่น รอบดวงตา ริมฝีปาก ขอบจมูกคับ การทาแล้วไม่ให้แพ้คือ เริ่มจากทาน้อยๆกระจายทั่วใบหน้า, ทาคืนเว้นคืน ก่อนเมื่อผิวเราปรับสภาพได้แล้ว ค่อยเพิ่มความเข้มข้นของตัวยา และทาได้ทุกคืนก่อนนอนคับ

Benzac คือยา เบ็นซอยเปอร์ออกไซด์ มีความเข้มข้นหลากหลายตั้งแต่ 2-5% มีสรรพคุณคือ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิว ทำให้ป้องกันสิวขึ้น และลดอาการของสิวอักเสบลงได้ ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวไวต่อแดด, ถ้าใช้ความเข้มข้นสูงไป หรือทามากไปจะทำให้ผิวแพ้ มีผื่นแดง หน้าแห้งลอก (ถ้าเป็นอยู่ควรหยุดยาก่อน แล้วค่อยเริ่มทาเมื่อสภาพผิวเป็นปกติแล้ว) วิธีทายากลุ่มนี้อย่างฉลาดคือ เรื่มทาจากความเข้มข้นต่ำๆก่อน และทาเพียง 1-2 นาที ช่วงเย็นเท่านั้น เมื่อผิวเริ่มชินต่อยา ค่อยทิ้งเวลานานขึ้นตามลำดับ (คนที่ผิวแห้งมากๆควรระวังเป็นพิเศษ ส่วนคนที่ผิวมันจะไม่ค่อยแพ้คับ)

* ยาทั้งสองชนิดไม่ควรทาพร้อมกัน เพราะมีฤทธิ์ในการลอกผิว ทำให้หน้าแห้งมาก ควรเลือกตัวใดตัวหนึ่ง หรืออาจจะทาคนละเวลา

* ยารักษาสิวส่วนมาก จะทำให้ผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุย ควรทาครีมบำรุงผิวที่เป็นคุณสมบัติ มอยเจอร์ ให้ความชุ่มชื้น อุ้มน้ำสูงเช่น Hyaluronic Acid ทำให้ลดอาการแพ้จากยารักษาสิวได้ดีคับ

* ความเชื่อที่ผิดๆคือ การประโคมยาเยอะๆ ทายาทิ้งไว้นานๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดีคับ เพราะถ้าผิวแพ้ยา จะเกิดการตอบสนองคือ มีสิวเห่อขึ้นมากกว่าเดิม คัน เป็นผื่นแดง

* เมื่อหน้าแห้งมากๆจากการใช้ยาทั้งสองชนิด ควรลดความถี่ในการใช้เช่น วันเว้นวัน หรือ 1 อาทิตย์ทา 3 วันเป็นต้นคับ

credit: คุณminisizeboi แห่งโต๊ะเครื่องแป้งจากพันธุ์ทิพย์คะ
http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9661845/Q9661845.html

Differin กับ Bensac  ต่างกันตรงตัวยาคนละตัวกัน  Diff  จะไวต่อแสงกว่า Bensac ค่ะ  ต้องทาก่อนนอน  ประมาณว่าทาเสร็จปิดไฟให้มืดแล้วนอนเลย 

สรุปวิธีใช้คือ 
1. Bensac  ตัวยาคือ benzoyl peroxide  ใช้ทาก่อนล้างหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที  แล้วล้างออก  (ถ้าใช้ไปนานๆอาจเพิ่มระยะเวลาให้มากขึ้นได้ค่ะ)
2. Differin  ตัวยาคือ adapalene  ใช้ทาก่อนนอน ยานี้ทาแรกๆจะสิวเห่อก่อนเหมือนมันดันสิวออกมา 

ผลที่ออกมาก็แล้วแต่สภาพผิวแต่ละคนค่ะ

 ตอบได้นิดหน่อย..ไม่รู้ว่าพอจะช่วยได้ป่าวน๊า..

เรื่องแสง อันนี้พอทราบเพราะกำลังเล่นกล้อง เล่นการถ่ายภาพอยู่ มันเกี่ยวกับการตกกระทบของแสงเข้าสู่กระจกตาเรา (ลึกไปมั้ยเนียะ)... มันเลยส่งผลกับสีผิวด้วย แน่นอนว่าผิวมักขาวขึ้นเมื่อแสงมากขึ้น แต่ถ้าฉากหลังเป็นสีขาว ผิวอย่างคนเอเชียก็มักโดดออกมาทุกที อันนี้ก็แล้วแต่ฟิลเตอร์กล้อง การรับแสง บลาๆๆๆๆ

แต่ถ้าเรื่องแสงแดดหรือสีนีออนทำให้ผิวคล้ำมากขึ้น อันนี้เกี่ยวกับแสง UV และ PA++++ แล้วยังเกี่ยวกับความไวต่อแสงของผิวเราด้วย UV ยังมี UVA และ UVB อีกด้วยนะคะ >< ตัวนึงจะส่งผลด้านสีผิว ส่วนอีกตัวส่งผลด้านริ้วรอย 

วิธีโดยส่วนตัวที่ทำให้ผิวใสอย่างได้ผล คือ นอนไม่เกินสี่ทุ่ม (แต่พักนี้งานเยอะมากเลย นอนไม่หลับ คิดเรื่องงาน เซ็งๆก็เข้าเวบนี่ละค่ะ... -"-) ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชม. ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว ทานวิตามิน ใช้สกินแคร์ที่ถูกกับผิวตัวเอง ขัดหน้า มาสค์หน้าบ้าง (แต่ช่วงเป็นสิวต้องระวัง) ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดๆ รับรองผิวต้องขาวขึ้นอย่างน้อยสองระดับแน่ๆค่ะ ^^

ตัวครีม หรือยาที่ถามมา.. คงต้องรอ คห. อื่นๆ...เราไม่มีความรู้เลย ขอโทษด้วยนะคะ.. 
 ที่ผมเห็นมันเป็นของบรษัทเดียวกันด้วยสิมันน่าจะมีความแตกต่างกันใช่มั้ยครับแตกต่างกันยังไงครับ