ลั้ลลาที่ Korea with Etude House.

ปิ๊บ ปิ๊บ เสียงบีบีดังส่งสัญญาณจากคุณตั๊กพีอาร์คนสวยจาก Etude Hose Thailand  ชวนทีมงานจีบันไปร่วมทริปเกาหลี 5 วัน 3 คืน ร่วมกับผู้โชคดีของ Etude Hose  และบลอคเกอร์ชื่อดังของไทย โดยครั้งนี้ทาง Etude ได้ให้โอกาสจีบันร่วมทริปได้ 2 คน งานนี้ทรายกับฟร้าควงแขนไปสัมผัสประสบการณ์เกาหลีกับมาเล่าสู่สมาชิกทุกท่านให้ได้ติดตามกันค่้ะ



พร้อมแล้ว!!!

เราบินไปเกาหลีด้วยเที่ยวบิน TG 658 ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินนานาชาติอินชอน เวลาที่นี่ก็จะเร็วกว่าบ้านเรา +2 ชั่วโมง มาถึงสิ่้งแรกที่ประหวั่นพรั่นพรึงมาตลอดก็คือ ตม.เกาหลี ที่เค้าบอกว่าขึ้นชื่อลือชามากเรื่องความโหดบ้างก็ว่ายาก บ้างก็ว่าง่ายและส่วนตัวก็เคยได้ยินมาบ้างว่าถ้าเข้าไม่ได้ต้องไปอยู่ห้องเย็นรอส่งกลับประเทศ บลา บลา บลา ได้ยินมาแบบนี้ก็แอบกลัวเล็กๆสิคะ แต่พอไปถึงเราก็สามารถผ่านมาได้แบบสบายๆ จนสุดท้ายก็มาได้ฟังจากไกด์ว่า ตม.ที่นี่เค้าจะมีสัมผัสพิเศษว่าใครมาเที่ยวหรือว่าใครจะหลบเข้าประเทศ (อันนี้เราก็แอบไม่ค่อยเชื่อนะ) แต่ที่แน่ๆใครที่เปลี่ยนชื่อเนี่ยจะมีปัญหาเยอะกว่าคนอื่นๆแน่นอน



อนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์สัญญลักษณ์ความเป็นอมตะและวงเวียนน้ำพุฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของกรุงโซล

เช้าวันที่สองของการเดินทาง เราเดินทางไปที่ ชองวาแด หรือ บลูเฮ้าส์ ทำเนียบของประธานาธิบดีคนปัจจุบันลี เมียง บัค ประธานาธิบดีลำดับที่ 8 ของประเทศเกาหลีใต้ ไปถึงเดินถ่ายรูปกันอากาศชิลล์มากมายอุณหภูมิอยู่ที่ 10 องศานิดๆ หลังจากนั้นก็ไปย้อนรอยละคร "Princess Hours" ไปตามหาเจ้าหญิงวุ่นวายเจ้าชายเย็นชา เห็นตอนแรกคิดว่าวังแดจังกึม ว่าจะไปเดินตามหาไหหมักซอสสูตรพิเศษสักหน่อย^^



พระราชวังเคียงบ๊อค


พระราชวังเคียงบ๊อคเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 โดยใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยโบราณ โดยเป็นทั้งที่ประทับและฐานอำนาจของพระเจ้าแทโจ และต่อเนื่องมาถึงกษัตริย์ในราชวงศ์โชซอล พระที่นั่งคึนชองจอน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ว่าราชการต่อมา



เราใช้เวลาเดินชมพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่ถ่ายทอดการดำเนินชีวิตของชนชาติเกาหลีในอดีต


ช่วงบ่ายเราไปเที่ยวกันที่ หมู่บ้านฝรั่งเศส (Petite France Village) ไกด์บอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง ที่นี่น่ารักหมู่บ้านอาคารสีสันสดใสมาก แต่มองดูแล้วก็คล้ายๆ Palio เขาใหญ่บ้านเรา แต่จะต่างกันก็ตรงที่ที่นี่อากาศดีกว่า ภายในหมู่บ้านฝรั่งเศสมีร้่านขายเบอเกอรี่ ร้านขายโปสการ์ด กาแฟ ร้่านขายต้นไม้ ดอกไม้ เยอะแยะมากมาย ที่สำคัญที่นี่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปได้เพียบ  เราไปนั่งรอทานเครปที่เปิดปิดเป็นเวลามากขอย้ำเป็นเวลามากเพราะไปยืนรอคิวเค้าก็ชี้ไปที่ป้ายว่าเปิด 4 โมงเย็นแม้จะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 5 นาทีก็ไม่เปิด ต้อง 4 โมงตรงเท่านั้น



หมู่บ้านฝรั่งเศส



ปิดท้ายทริปวันนี้ด้วยเกาะนามิ สถานที่โรแมนติคที่ทรายอยากไปมาก ติดใจที่นี่ตั้งแต่ดูซีรี่ย์ Winter Love Song อยากมาพลอดรักที่นี่แบบคู่พระนางเค้าบ้างอยากมาเดินจูงมือกับแฟน แต่ไหนๆก็ไหนๆแฟนไม่มาก็เลยต้องเดินจูงมือกับน้องฟร้าแทน เกาะนามิเป็นเกาะที่มีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ เสียดายที่เรามาถึงเย็นไปนิดแสงสวยๆที่จะกระทบกับใบไม้เลยไม่สวยเท่าที่ควร แต่แค่นี้เราก็ประทับใจมากแล้ว กับใบไม้ที่เปลี่ยนสีแล้วเกือบทั้งเกาะ ใบไม้สีเหลืองเหลืองอร่ามไปทั้งต้นเลย แล้วที่พลาดไม่ได้เป็นพอยท์ที่สำคัญของการมาที่นี่เลยก็ว่าได้นั่นคือ แท่น แทน แท๊น!! รูปปั้นพี่เบ ยอง จุน พระเ อกของเรื่อง Winter Love Song  ที่เราต้องไปถ่ายรูปคู่มาให้ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวมาไม่ถึง



เกาะนามิ


ตื่นเช้าอากาศสดชื่นมากแต่ก็งัวเงียอยากนอนต่อมากเช่นกันตื่นมา 6 โมงเช้าวันนี้เรามีนัดต้องเข้าไปที่กรุงโซลร่วมWorkshop เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ Golden Ratio ที่ชอป Etude Hose สาขาเมียงดง หลังจากนั้นก็ไปเที่ยว สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ สวนเปิดในหุบเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลีใต้ วันนี้พวกเราพลาดการพยากรณ์อากาศมาก เพราะวันนี้ที่เกาหลีหนาวมาก แต่เสื้อผ้าที่เราเตรียมมาไม่สามารถรองรับอากาศแบบเลขหลักเดียวได้ บรื๋อส์!!!



สวนสนุกเอเวอร์แลนด์


ภายในสวนสนุกสิ่งที่เราเห็นแล้วรู้สึกประทับใจ คือเค้าให้ความสำคัญกับครอบครัวมากทุกที่ที่เราเดินไปเราจะเห็นเค้ามากันเป็นครอบครัว มีรถเข็นเด็ก มีพ่อแม่เดินจูงมือลูก และมีคู่รักอยู่ภายในสวนสนุกเต็มไปหมด ที่เราได้ทราบจากไกด์คือ คนที่นี่ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมาก ด้วยแนวคิดที่ว่าประเทศจะดีได้ต้องเริ่มจากครอบครัวที่ดี ให้ความรัก ให้การศึกษา หลังจากนั้นแล้วคนจะสร้างชาติเอง

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ แบ่งออกเป็นหลายส่วนมากมีทั้ง Global fair,American Adventure,Magic Land,European Adventure และ Equatorial Adventure มีซาฟารีเวิล์ดด้วยเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปดูเลยอดชมความน่ารักของเจ้าไลเกอร์แฝดคู่แรกของโลกเลย ทรายใช้เวลาอยู่ในสวนสี่ฤดูชมดอกไม้สวยๆ นั่งปล่อยอารมณ์ดูคู่รัก ดูครอบครัว ดูเพื่อน ที่มาเที่ยวกันในสวนสนุกส่วนน้องฟร้าชื่นชอบความตื่นเต้นไปเล่นเครื่องเล่น T-Express ที่ทรายเห็นครั้งแรกก็ต้องขอบายเลย



 สวนสี่ฤดู 



เช้าวันที่4 เราเดินทางไปศูนย์รัฐบาลโสม (ที่นี่ห้ามถ่ายภาพ) ที่รัฐบาลเกาหลีให้คำรับรองคุณภาพว่าผลิตจากโสม ที่มีอายุ 6 ปี ซึ่งถือว่า เป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ได้เห็นวงจรชีวิตของโสมพร้อมทั้งเลือกซื้อโสมกับบ้านมาบำรุงกำลังกันต่อที่กรุงเทพฯด้วย 
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่วนมากมักจะไม่พลาด!!! นั่นคือการทำกิมจิและใส่ชุดฮันบกชุดประจำชาติเกาหลี ทริปนี้ Etude ก็ไม่ให้เราพลาดเช่นกัน เราเดินทางไปที่โรงเรียนสอนทำกิมจิที่นี่มีโรงเรียนเป็นเรื่องเป็นราวมากและคนไทยก็ไปหัดทำกิมจิกันเยอะมาก (มีใครกลับมาทำต่อที่บ้านบ้างป่ะนะ) ก่อนจะเข้าห้องเค้าก็ให้เราใส่ชุดประจำชาติเกาหลีก่อน ต่อนที่ใส่เราก็คิดเสมอว่าเราทำอาหารเก่งเหมือนแดจังกึม ชุดมีมากมายหลายสีแต่เราก็ไม่ได้เลือกเองหรอกนะเจ้าหน้าที่เค้าจะทำหน้าที่จับเราใส่ชุดอย่างรวดเร็ว ใส่เสร็จแล้วก็เป็นจังกึมทันที ^^




 

แล้วกิจกรรมที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเวลาช้อปปิ้งมาถึงแล้ววว เราเดินช้อปกันตั้งแต่ ตลาดทงแดมุน อารมณ์เดียวกันกับประตูน้ำบ้านเรา (แต่บ้านเราก็ถูกกว่านิ) มีตั้งแต่ไม่มีแบรนด์ไปจนถึงยังดีไซน์เนอร์ ราคาก็ถูกแพงคละเคล้ากันไป ต่อได้มากน้อยตามสะดวกเลยได้เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยในการซื้อของมาจากไกด์ว่า คนเกาหลีเนี่ยเมื่อก่อนไม่เข้าใจเรื่องการต่อราคาเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องต่อราคา ราคาไหนราคานั่น แต่หลังๆก็เริ่มเข้าใจและมีการลดราคาบ้าง แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยลดพอต่อราคาปุ๊บเค้าจะบอกว่า Made in Korea แปลว่าของเค้าดีมากห้ามต่อ ถ้าต่อมากๆระวังจะโดนแม่ค้าด่าเอานะจ๊ะ


เมียงดง


อีก 1 ย่านที่ขาช้อปต้องไม่พลาดนั่นคือ ตลาดเมียงดง หรือสยามสแควร์เกาหลี ขนาดเราไม่ใช่ขาช้อปยังอดใจไม่ไหวเลย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง สาวๆที่เป็นแฟนเครื่องสำอางเกาหลี นี่หอบของกลับบ้านกันไม่หวาดไม่ไหวเรียกว่าแทบจะผ่าน ตม.ของไทยกันไม่ได้เลยแหละ ช้อปกระจายกันทุกคน ทรายได้แฟชั่นฤดูหนาวกลับมาใส่ในราคาย่อมเยาว์ด้วย เลิฟ เลิฟ เลย แต่ทุกข์หนักตกอยู่ที่น้องฟร้า คุณเธอช้อปเยอะมากกก อยากจะถ่ายรุปตอนจัดของมาให้ได้ชมจริงๆ อารมณ์ประมาณของวางเต็มห้องแล้วไม่มีที่จะเดิน จัดใส่กระเป๋า ยัดแล้วยัดอีก กว่าจะปิดลง ปิดท้ายด้วยน้ำหนักของกระเป๋าที่ทำได้คือ 45 กิโลกรัม OMG!!!!




กุญแจคู่รัก (Love Key Ceremony)

เช้าวันสุดท้ายที่เกาหลีเราขึ้นไปชมกรุงโซลแบบ 360• ที่ยอดเขา นัมซาลทาวเวอร์ หรือ โซลทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซาล หอคอย นัมซาลทาวเวอร์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของโซล ถ้ามาดูตอนกลางคืนน่าจะสวยมากเพราะจะได้เห็นแสงสียามค่้ำคืนด้วย เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนนี้แล้วกิจกรรมน่ารักๆหรนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้คือการคล้อง กุญแจคู่รัก (Love Key Ceremony)  โดยคู่รักจะเขียนข้อความเช่น "เราจะรักกันตลอดไป"  พร้อมทั้งเขียนชื่อของคู่รักลงไปแล้วคล้องกุญแจไว้หลังจากนั้นก็เอาลูกกุญแจไปโยนทิ้ง(หรือจะเก็บไว้เอามาไขทีหลัง)


ยอดเขานัมซาล (นัมซาล ทาวเวอร์) 


ที่นัมซาลทาวเวอร์มีพิพิธภัณฑ์ Teddy Bear Museum  ที่นี่ใช้ตุ๊กตาหมีมาถ่ายถอดเหตุการณ์สำคัญๆตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีตั้งแต่วิถีชีวิต แต่ที่เห็นแล้วกรี๊ดดมากที่สุดคือตุ๊กตาหมีไฮโช หมีช้อป Hermes,Louis Vuitton น่ารักน่าชังจริงๆ ปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งน้องหมีกลับมาเที่ยวประเทศไทยด้วย



 
คลองชองเกชอง

ปิดท้ายทริปเกาหลีด้วย คลองชองเกชอง อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวเกาหลีคลองชองเกชอง เมื่อก่อนเป็นคลองที่เป็นน้ำเสีย มีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี ทอดผ่านใจกลางเมืองหลวง แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาและบูรณะคลองแห่งนี้ขึ้นมาใหม่เป็นคลองที่มีความยาวถึง 6 กิโลเมตร น้ำใสมาก เราชอบที่นี่อากาศดีมากสามารถเดินเล่นได้สบายแถมที่นี่ยังมีสวนสาธารณะทั้งสองฝั่งคลองด้วย


ถ่ายภาพหมู่ผู้ร่วมทริป


ปิดทริปครั้งนี้ด้วยความสนุกสนานประทับใจแม้จะเหนื่อยกับการเดินทางบ้างแต่เราก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากทางทีมงาน
Etude Hose Thailand ที่คอยดูแลเราอย่างดีเสมอขอบคุณผู้ร่วมทริปไม่ว่าจะเป็นดาราอย่างคุณซีและคุณเอมมี่ ที่คอยเอ็นเตอร์เทรนพวกเราให้ได้รับความสนุก
ขอบคุณ Etude ที่ได้เปิดหน้าต่างอีกบานของเราให้กว้างขึ้น



*** เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/pages/Jebancom/156796752044?v=photos
 
 

Discussion (33)

 ถ้าไปเกาหลีสงสัยต้องเอากระเป๋าเปล่าๆใบโตไปด้วยใบนึง
น่ารักจังงงงงง ..
อยากไปอีกก ..

ฮ่าๆ อยากไปอ่าค่ะ

เก็บตังๆอยู่ค่ะ

น่าเที่ยวจิงๆเลยค่ะ

 น่าสนุกแ้ล้วก็อากาศน่าจะสดชื่นดีจัง *-*

ลืมซื้อของตั้งหลายอย่างงง เข้าร้านก้สติแตก ฮ่าๆๆๆ