รู้จักผิวหน้าของตัวเองอย่างแท้จริงครั้งแรกกับ dermalogica
KiRaRi38เมื่อหลายวันที่ผ่านมาเราได้แวะไปที่เคาท์เตอร์ dermalogica เป็นครั้งแรก
หลังจากที่เคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างใน Aster Spring และก็เห็นเพื่อนๆ beauty blogger
พูดถึงแบรนด์นี้กันหลายคนว่าวิเคราะห์ผิวหน้าได้ลึก และแตกต่างจากแบรนด์อื่น
ด้วยความอยากรู้เลยอดที่จะแวะไปเยี่ยมไม่ได้ ครั้งนี้เราไปที่สาขาพารากอนค่ะ
เคาท์เตอร์สีขาวสะอาดตา จัดวางสินค้าโชว์อย่างเป็นระเบียบ
ไปถึงก็เจอคุณก้อย PR สาวสวยผิวดี๊ดียืนอยู่พอดี เลยขอแชะซักภาพ
ก่อนที่จะวิเคราะห์สภาพผิวกับเครื่อง Face Mapping เราก็ต้องกรอกข้อมูล
พร้อมกับตอบแบบสอบถามเรื่องผิวหน้าและปัญหา รวมถึงสิ่งที่ทำเป็นประจำทุกวัน
เพื่อเป็นข้อมูลคร่าวๆให้กับทางผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาผิวเรา
หน้าตาเครื่อง Face Mapping เป็นแบบนี้ค่ะ ด้านในที่เห็นเป็นแสงฟ้าๆม่วงๆ เป็น
แบลคไลท์ไม่อันตรายต่อผิว ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ
เครื่อง Face Mapping เนี่ยเป็นการวิเคราะห์ผิวที่เป็นเอกลักษณ์ของ dermalogica
สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพผิวของเราอย่างแท้จริง การวิเคราะห์จะแบ่งออกเป็นโซนๆค่ะ
ผู้ที่ทำการวิเคราะห์ให้เราก็จะบอกว่าแต่ละจุดเรามีปัญหาอะไร และควรป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร
การวิเคราะห์ด้วย Face Mapping พอเราส่องที่กระจกในเครื่องจะเห็นเป็นสีๆดังนี้
สีน้ำเงิน คือ สุขภาพผิวดี
สีขาวหรือแถบขาว คือ มีการคั่งค้างของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
สีม่วงอ่อน คือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น
สีม่วง คือ ผิวที่ขาดน้ำมันและความชุ่มชื่น
สีน้ำตาลอ่อน คือ การเริ่มเป็นฝ้าที่ใต้ผิวหน้า
สีน้ำตาลเข้ม คือ การเป็นฝ้า หรือ กระที่บนผิวหน้า
สีส้มอ่อน คือ ผิวมัน
สีแดง คือ ผิวเป็นสิวอุดตัน และสิวเสี้ยน
และแล้ว ผลการวิเคราะห์ของเราก็ออกมา.....
จากเดิมที่เราคิดเองอยู่เสมอว่าเราเป็นคนผิวมัน แต่แท้ที่จริงแล้ว ตอนนี้ผิวเราแห้ง
ที่หน้ามันเป็นเพียงการขับน้ำมันเพื่อเคลือบผิวช่วงที่เราอยู่ห้องแอร์ (ซึ่งก็ทั้งวัน)
แต่ผิวด้านในจริงๆแล้วแห้งมาก โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก และรอบดวงตา
(ในขณะนั้นลองจับหน้าผากดู มีความมันนิดๆ แต่ไม่คิดว่าภายในจะแห้งนะเนี่ยย)
เข้าใจผิดเองมาตลอด หากปล่อยไปแบบนี้ ริ้วรอยก่อนวัยจะมาเยือนได้ง่ายๆเลย
ส่วนบริเวณโหนกแก้ม เห็นเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เริ่มมีฝ้าและกระใต้ผิวหนัง
ตอนนี้ยังไม่เกิดบนผิวหน้า แต่ถ้าหากไม่ป้องกันและดูแลดีดีแล้ว ก็จะขึ้นมาบนผิวหน้าได้
บริเวณจมูกและคางมีสิวอุดตันและสิวเสี้ยนอยู่ เห็นเป็นแถบแดงๆเต็มเลย T T
ส่วนบริเวณหน้าผากเหนือคิ้วก็มีเซลล์ที่ตายแล้วอยู่จำนวนมาก เห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน
ต้องสครับบริเวณนี้เป็นพิเศษแล้วล่ะ
หลังจากเห็นผลจาก Face Mapping แล้วก็ต้องรีบบำรุงแล้วล่ะ และนิสัยที่ผิดๆก็ต้องเลิก
หลังจากวิเคราะห์ผิวหน้าแล้ว เราก็เข้ารับบริการ Treatment ที่เหมาะกับผิวหน้า
ทางผู้เชี่ยวชาญได้เลือกทรีทเม้นท์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้เราค่ะ
ซึ่งการทำทรีทเม้นท์จะใช้ผลิตภัณฑ์ของ dermalogica ทั้งหมด ปลอดภัยเพราะ
ปราศจาก Mineral Oil, Lanolin, Comedogenic สามตัวนี้เป็นสาเหตุหลักๆของ
สิวอุดตันเราค่ะ และก็ยังไม่มีน้ำหอมอีกด้วย เราจึงวางใจได้ระดับนึงเลยว่า
ไม่น่าจะแพ้แน่ๆ
การทำทรีทเม้นท์แบบ Microzone เราต้องย้ายไปที่ห้องซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดค่ะ
เปิดเข้าไปเป็นห้องเล็กๆ อุปกรณ์ครบ วันนี้พี่สาเป็นผู้ทำทรีทเม้นท์ให้ค่ะ
เราก็ีรีบจัดแจงเปลี่ยนชุดคลุม
สำหรับขั้นตอนการนวดมีตั้งแต่การ Cleansing เลยล่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการคลีนเราแอบกรี๊ดมาก หอมแบบสปาเลย
มันเป็นน้ำมันมะกอก และผลแอปริคอตค่ะ หลังนวดและเช็ดออกแล้ว เราก็ลอง
จับผิวหน้าดู มันเด้งๆกระชับ รู้สึกดีมากๆ หลังจากนั้นก็ล้างหน้าด้วยโฟม
(เราไม่ต้องลุกเลยค่ะ เค้าจัดการให้ โดยการเช็ดด้วยผ้าและสำลีแทนการล้าง)
แล้วก็ลงทรีทเม้นท์ มีการกดจุดร่วมด้วย สบายหน้ามากๆ ปิดท้ายด้วยการมาร์ส
ซึ่งที่นี่เป็นการมาร์ส 2 ชั้นค่ะ ตอนลงชั้นสุดท้ายเนี่ย แอบหนักหน้าเหมือนกันนะ
แต่ตอนดึงมาร์สออก รู้สึกสดชื่น หน้าเด้งกระชับที่สุด ไม่เหนอะหน้าอีกด้วย
ถึงเราจะมีรอยแดงสิวอยู่ แต่พอส่องกระจกแล้ว บริเวณที่ผิวไม่มีรอยเนี่ย
มันใสกิ๊งเลย รู้สึกชอบการมาร์สหน้าสองชั้นนี่แล้วสิ
หลังจากนั้นก็มีชาสตอเบอร์รี่ร้อนๆมาบริการด้วยค่ะ สดชื่นสุดๆ
ระยะเวลาที่ทำทรีทเม้นท์ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงพอดีเลยค่ะ
พอกลับมาที่เคาท์เตอร์ปุ้ป เราก็รีบขอดูเจ้า Cleansing Oil ที่เราปลื้มทันที
อีกตัวที่ชอบมากเพราะกลิ่นหอมหวานก็เป็นตัวบำรุงปากและรอบดวงตาค่ะ
น่าใช้มากๆสองตัวนี้ เป็น wish list ของเราเลยล่ะ
Discussion (8)
แพงไหมคะT^T~
น่าลองเลยน้องแป้ง เด๋วไปมั่งดีกว่า
โว้ว T^T รองบเข้ามือก่อนเถ๊อะ!!
อยากลองไปวิเคราะห์ดูมั่งจังเลยยยย~~
ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไรค่ะ