[Review] Tint Tint Tint. 3 ยี่ห้อ 3 ราคา สีแดงกับเดือนแห่งความรัก

สวัสดีค่ะทุกคน..^^ ซีซาร์ค่ะ

วันนี้จะมีรีวิว tint 3 ยี่ห้อในราคาที่แตกต่างกันให้ทุกคนดูกันน้าาา

ได้แก่ยี่ห้อ Benefit, Etude, Mistine ค่ะ

แล้วเดี๋ยวตอนท้ายจะเทียบแต่ละอันให้ดูกันเลยน้าาา

 



 

โชว์ตัวกันหน่อย ลูกๆ

สีที่เลือกมารีวิววันนี้เป็นสีแดง ให้เหมาะกับเดือนแห่งความรัก
สาวๆจะได้มีปากสีแดงระเรื่อ แก้มสีชมพูมีเลือดฝาดกันนะคะ

ไปดูแต่ละตัวกันเล้ยยยยยย 


1. Benefit Tint (12.5 ml - 1,325 bath)



มาเริ่มที่ตัวแรกจากเบเนฟิต ในรูปเป็นขนาด 4 ml นะคะ มาจากเซตค่ะ

ทินท์ที่ทางแบรนด์เค้าบอกว่าทำจากน้ำดอกกุหลาบค่ะ

กลิ่นจะเหมือนดอกกุหลาบเลยนะคะ เวลาทาแก้ม แต่ถ้าทาปากจะกลิ่นฉุดนิดๆเหมือนกินอุทัยทิพย์เลยค่ะ

สีที่ได้จะออกแดงชมพูจางๆ ดูสุขภาพดีแบบเด็กๆ

ไปอ่านมา.. เขาบอกว่าเมื่อก่อนเอาไว้ทาหัวนมนางโชว์ให้เป็นสีชมพู เห็นทีจะจริงแฮะ -..- 

ทาบนแก้มจะเป็นแบบนี้

 




ทาปากจะเป็นแบบนี้

จากรูป  ปากซีดๆ > ทา 1 ครั้ง > ทา 2 ครั้ง



ทาแล้วเหมือนไม่ได้ทา แต่ว่าทำให้ปากดูสุขภาพดีขึ้นเยอะมากๆนะคะ  
 

ทาแก้มทาปากแล้วจะดูสุขภาพดีแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้งๆที่ความจริงเราฟาดมาเต็มที่ค่ะ อิอิ
 

2. Etude dear darling tine ( 495 bath)



อิทูดี้แบรนด์สัญชาติเกาหลีที่หลายคนคงรู้จักกันดีค่ะ แพคเกจจิ้งน่ารักที่สุดเลยยย

สีทาแล้วจะออกแดงส้มๆหน่อยค่ะ รสชาติอร่อยมากกกกกก อิอิ ชอบ

ทาบนแก้มจะเป็นแบบนี้ค่ะ


 

ทาปากบ้าง

ปากซีดๆ > ทา 1 ครั้ง > ทา 2 ครั้ง



ทาแล้วปากจะสดใสขึ้นค่ะ อันนี้ทาทั้งปากนะ เกลี่ยๆ ไม่ได้ทาแต่ด้านในค่ะ

 

3. Mistine I am ( 49 bath)




แบรนด์สัญชาติไทย ที่ออกแบบลายแพคเกจได้น่ารักกุ๊งกิ๊งเหมือนกันค่ะ

แถมมาในราคาที่น่ารักตามแพคเกจอีกด้วยค่ะ สีจะออกแดงม่วงๆหน่อย

ทาแก้มจะเป็นแบบนี้ค่ะ


ทาปากค่ะ

ปากซีดๆ > ทา 1 ครั้ง > ทา 2 ครั้ง



ของมิสทีนทาแล้วจะสีสดเห็นชัดกว่าทุกแบรนด์ค่ะ เราชอบสีนี้ที่สุด

ทีนี้เรามาดูแต่ละแบรนด์เทียบกันบ้างค่ะ

เริ่มจากหัวแปรง..



 

                                                   Benefit - จะเป็นขนแปรงแบบพู่กันค่ะ ทาง่าย
                                                   Etude - จะเป็นแปรงหัวตัด
                                                   Mistine - จะตรงๆหัวตัดเล็กน้อย

เนื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ


 

                                                   Benefit - เนื้อเหลวเป็นน้ำค่ะ ทาแล้วจะกระจายเลย 
                                                   Etude - เป็นเนื้อเจล เกลี่ยง่ายค่ะ
                                                   Mistine - เนื้อเจลเหมือนกันค่ะ แต่จะไม่ดึ๋งเท่ากับอิทูดี้

 

สีที่ได้หลังจากเกลี่ยแล้วค่ะ


 
                                                   Benefit - แดงจางๆ ชมพูอ่อนๆค่ะ 
                                                   Etude - จะออกสีส้มนิดๆ
                                                   Mistine - แดงออกม่วงค่ะ

 

รูปข้างล่างนี้เผลอทาแล้วถ่ายรูปทิ้งไว้นาน.. เลยทำให้เป็นรอยเลยค่ะ

จะเห็นได้ชัดว่า Benefit ทิ้งไว้แล้วค่อยมาเกลี่ยสีก็ยังสม่ำเสมอ 

Etude ก็เริ่มเกลี่ยไม่ไปแล้วค่ะ แต่ Mistine นี่แห้งไวมาก ทาแล้วต้องรีบเกลี่ยเลยนะคะสาวๆ

ทั้ง 3 ยี่ห้อนี้ ลองเอาไปผ่านน้ำดูก็ติดทน สีชัดเหมือนเดิมค่ะ



เปรียบเทียบบนปากค่ะ

รูปนี้ทาแล้วเอาวาสลีทาทับให้ปากวาวๆนะคะ
 


 

จบแล้วนะคะสำหรับรีวิว หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สาวๆบ้าง

ลองไปเลือกสีที่ชอบ ราคาที่ใช่กันดูนะคะ  :)

.
.


 

 

 

Discussion (11)

เราชอบอีทูดี้นะ ทาแล้วปากไม่แดงเทือกเกินไป เราใช้มิสทีนด้วย เราว่ามันแดงมากกกฮ่าๆๆ
ขอบคุณรีวิวสวยๆค่า
ขอบคุณรีวิวดีดีคะ^^
ยืนยันอีกเสียง Etude Tint # 04 Vampire red สีสวยถูกใจมาก ^^
ไม่เคยใช้ Benefit แฮะ มันลอกไม๊คะ เคยใช้ mistine and etude ไม่ค่อยชอบตอนมันลอกอะ mistine ห่วยสุดเลยเราว่า ตอนนี้กำลังติดใจ in2it อยู่ ใช้ดีนะ ราคาถูกแนะนำๆ
ใช้ของมิสทีนอยู่ค่ะ เอาไว้ทาปากด้านในเกลี่ยนๆ ให้เบลนๆ ชอบสีชัดดี แต่ต้องรีบเกลี่ยนอย่างที่ จขกท บอกเลยค่ะ มันแห้งไวมาก แล้วก็เป็นปื้น เคยเอามาป้ายแก้ม จบชีวิตเลยค่ะวันนั้น เกลี่ยไม่ทัน เป็นปื้นด่างเลย TwT

มิสทีนราคาเบากระเป๋า สีสด แต่หลุดง่ายไปนิด แอบเป็นคราบด้วยอ่าค่ะ U.U (หรือเพราะเราทาแล้วกินเยอะเอง? แฮะๆ)