MAKE EVERY DAY MOTHER’S DAY

ก่อนอื่นเลยต้องขอกล่าวสวัสดีทุกคนก่อนเลยนะคะ J

กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้แรกๆของการเขียนกระทู้เกี่ยวกับท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้

จะว่าไปก็เหมือนเป็นการเขียนไดอารี่ของตัวเองลงบล็อกซะมากกว่า

ด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าหลายคนหรือแทบจะทุกคน

คงได้พาแม่ไปเที่ยวกันในวันแม่แห่งชาติ บางคนก็อาจให้พวงมาลัยดอกไม้ บางคนอาจให้ของขวัญ

บ้างก็อาจจะพาไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

แต่ด้วยวัยของเราเองที่เข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว วันแม่ปีนี้เลยอดอยู่กับแม่เหมือนคนอื่นๆเขา

แต่เพราะ ... หน้าที่การงานคงจะปฏิเสธไปไม่ได้ ไม่เป็นไร "วันไหนๆก็เป็นวันแม่ได้เหมือนกัน"

ฉะนั้น วันหยุดงานหลังวันแม่ เราจึงพาแม่ไปทัวร์กรุงเทพใน 1 วันกัน เบาๆ

แบบมีเวลาจำกัด 555 ( เพราะต้องกลับมารับน้องๆที่โรงเรียนให้ทันตอนเลิกเรียนกันอีก)

เห้อ ออ ... ภาระกิจล้นมือกันจริงๆบ้านนี้

เราเริ่มต้นออกเดินทางประมาณเก้าโมงครึ่ง ทำเวลาสุดๆ แต่เหมือนวันนี้อะไรๆจะไม่ค่อยสะดวก

และเป็นใจให้เราสองแม่ลูกสักเท่าไหร่ ก็รถนี่ติดยาวตลอดทางที่ไป

ด้วยเราวางแผนไว้ว่าจะเอารถไปจอดไว้ที่เขาดิน เพราะไม่ค่อยชำนาญทางกันสักเท่าไหร่

แต่พอไปถึงก็โป๊ะแตก เจอะเข้าให้กับงานรับปริญญาของเหล่าบัณฑิตจบใหม่

สุดท้ายต้องเอารถไปจอดไว้ที่สนามม้าแล้วหานั่งตุ๊กๆไปซิ่งกัน

เราพาแม่ไปเริ่มทริปด้วยการกินกันก่อนที่ร้าน โรตี มะตะบะ ท่าพระอาทิตย์

ร้านโปรด ร้านดังของใครหลายๆคน รวมทั้งเราด้วย อิอิ

ไปถึงก็ไม่ค่อยหิวกันมากเท่าไหร่ เบาๆ สั่งมาทั้งหมดนี่เลย 555

แต่ที่ขาดไม่ได้คือเมนูโปรดเราเอง "โรตี แกงเขียวหวานเนื้อ"

เหอๆ พิมพ์ไปน้ำลายจะไหลไป อยากกินอีก เอาอีก กินอีก >.<

อันนี้เพิ่งเคยลองกิน มาตั้งหลายครั้งไม่เคยได้สั่ง "โรตีพันไส้กรอก"

เอ่ออ.. อยากบอกว่ามันคือดีงามมาก อร่อยมาก ห่อกลับบ้านไปอีก

นอกนั้นก็เป็นเมนูขึ้นชื่อทั้งนั้น สั่งมาด้วยความหิวทั้งแม่ทั้งลูก

เพราะกว่าจะมาถึง รถก็ติดมากกกก หาที่จอดก็ยากสุดๆ

เหมือนมากินเพื่อมาระบายความอัดอั้นจากการที่รถติดยังไงๆก็ไม่รู้ หึหึ

ข้าวหมกไก่

ข้าวหมกเนื้อ

มะตะบะไก่

ของคาวเสร็จก็ตบท้ายด้วยของหวานเป็นอันเสร็จพิธี !

คืองานนี้อิ่มไม่อิ่มไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แม่ซื้อกลับบ้านเพิ่มไปอีก ดีคะคุณแม่ ^^

มื้อนี้เบาๆห่อกลับบ้านด้วย เจ็ดร้อยกว่าบาท ( กินหรือสูบก็ไม่รู้เยอะเกิ้น ) 555

กินอิ่มแล้ว ก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา นั่งตุ๊กๆ กันไปต่อที่ "พระที่นั่งอนันตสมาคม"

สงวนราคาจากตอนเรียกหน้าร้านโรตีมะตะบะอยู่ที่ 100 บาท o_0! (โอ้วโนว) ต่อด้วยสายตาอ้อนวอน เคาะราคาอยู่ที่ 80 บาท และรีบกระโดดขึ้นพร้อมออกตัวด้วยความเร็วสูง

ราวกับเป็นเล็ทตี้ในฟาสแอนเดอะฟีเรียสภาคใหม่ ที่ดอมใส่เสื้อที่ฟ้าพาซิ่งรอบกรุงเทพ

ยังดีที่พี่ดอมพาเล็ทตี้และแม่มาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ

แม่เล็ทตี้ไม่โกรธแต่ดูท่าว่าจะคุยถูกคอกับพี่ดอม ตุ๊กๆเป็นอย่างดี แม่เป็นผู้หญิงที่มนุษย์สัมพันธ์ดี

ถึงแล้ววว ว ว รีบเดินเข้าไปกับแม่เพราะข้างนอกร้อนอบอ้าวมาก

และดูท่าเหมือนว่า ฝนจะตกแหล่ไม่ตกแหล่ เดินเข้ามา เหมือนอยู่เมืองจีนยังไงยังงั้น !!!

ไม่ใช่เพราะสถานที่หรือสถาปัตยกรรมหรอกนะที่ทำให้รู้สึก

แต่เพราะคนรอบข้าง ที่เดินผ่านไปผ่านมาสองข้างทางนั้นมีแต่ชาวจีนล้วนๆ

ยังไงก็ welcome to Thailand นะคะ อิอิ :D ( ยิ้มหวานสองที )

หลังจากมาถึง พอเดินเข้าไปด้านใน เราก็พาแม่ไปที่จุดซื้อบัตร

บริเวณตึกสวยๆตรงข้ามทางเข้า ที่นี่ ราคาค่าเข้าจะอยู่ที่คนละ 150 บาท

แต่เรากับแม่ได้เข้าฟรี เพราะที่นี่ มีป้าย AIS อยู่ตรงเค้าเตอร์ที่จำหน่ายบัตร

แค่เรากดรหัสตามป้าย เหมือนตอนเราซื้อของตามร้านต่างๆที่มีสัญลักษณ์ของ AIS ได้เลย

ถือได้ว่า อุปสรรคจากรถติดและการหาที่จอดรถยากในวันนี้ นำมาซึ่งความโชคดี

ในการไม่เสียค่าบัตรเข้าชมที่นี่ไปละกัน

ถ้าใครมาที่นี่ก็ให้สังเกตป้ายสีเขียวๆ ของ AIS ได้เลยนะคะ

กดรหัสตามป้ายโลดเลยจ้า ^^

สิทธิ์ฟรีนี้ใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ

แต่ถ้าบางคนไม่สะดวกมาช่วงเดือนนี้

AIS ยังใจดีให้สิทธิ์ส่วนลดบัตรเข้าชม 50% จนถึงสิ้นปีหน้าเลย

อันนี้แอบถามเจ้าหน้าที่มาค่ะ

เสร็จแล้วก็จะได้บัตรเข้าชม พระที่นั่งอนันตสมาคมมาตามรูป

พร้อมกุญแจ 1 อัน ไว้สำหรับเก็บข้าวของสัมภาระของเรากันคะ

เพราะที่นี่เขามีกฏระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด โดยห้ามนำกระเป๋าและสิ่งของอื่นๆ

เข้าไปในพระที่นั่งเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพ หรือแม้กระทั้งโทรศัพท์มือถือด้วย

( อย่าได้แอบเหน็บเข้าไปกันนะคะ เพราะเขามีเครื่องตรวจจับบริเวณทางเข้าด้วยอีกที )

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราก็ต้องมาที่จุดซื้อผ้าถุงสำหรับใส่เข้าด้านในกันค่ะ

เนื่องจากวันนี้เรากับแม่ใส่กางเกงขายาวกันมาทั้งคู่ ( โดยคิดว่าเรียบร้อยสุดละ)

แต่กฏระเบียบของที่นี่คือ ผู้หญิงต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามนุ่งขาสั้น และเสื้อไม่มีแขน

สตรีต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้าซิ่นเท่านั้น!! คือต่อให้เราแต่งกายมาดี ขายาวรัดกุม

แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องนุ่งมาซิ่นเข้าไปด้านในอยู่ดีค่ะ แต่ราคาผ้าซิ่นที่นี่ราคาน่ารักมาก

สงวนราคาอยู่ที่ผืนละ 50 บาท เท่านั้นเอง ^_^

ที่สำคัญ เอากลับบ้านไปได้เลย ไม่ต้องคืน คือดีตรงนี้ เป็นการรณรงค์ให้คน

ได้ใส่ผ้าซิ่นไทยไปในตัว ชอบมาก ก ก ก ก ใส่แล้วดูดีไปอีก (ยิ้มอ่อน )

( อันนี้หมวกก็ห้ามใส่เข้าไปด้านในนะคะ รูปนี้เราถ่ายตอนที่ออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว )

ผ้าซิ่นสวย จะเอาไว้ใส่ไปวัดกับแม่ อิอิ

เดิมที่นี่เป็นท้องพระโรงของ พระราชวังดุสิต ชื่อของพระที่นั่ง นำมาจากพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

และเป็นสถานที่ประกอบ พระราชพิธีรัฐพิธี สำคัญๆมากมาย

โดยตรงพระที่นั่งจะถูกตกแต่งด้วยหินอ่อน จุดเด่น คือ มีหลังคา โดมคลาสสิกของโรมอยู่ตรงกลาง และมีโดมเล็กๆโดยรอบอีก 6 โดม ทั้งหมดทำขึ้นจากทองแดง

ภายในพระที่นั่ง บนเพดานโดมมีภาพเขียนเฟรสโก เขียนบนปูนเปียก ซึ่งภาพจะติดทนกว่าภาพที่เขียนบนปูนแห้ง เกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-6 จำนวน 6 ภาพ โดยฝีมือเขียนภาพของ นายซี. รีโกลีและศาสตราจารย์แกลิเลโอ กินี

ที่มา : thai.tourismthailand

อยากบอกว่าด้านในสวยมาก ก ก เป็นงานฝีมือของคนไทยที่ละเอียด และสวยสุดๆ

เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปด้านใน ทั้งสถาปัตยกรรมด้านใน เครื่องเรือน ผ้าปักต่างๆ

คือที่สุดของงานฝีมือจริงๆ อยากบอกว่าถ้าใครมีโอกาส ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมที่นี่กันนะ

มันดีมากจริงๆนะทุกคน นน นน

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากพระที่นั่ง ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด

และคุณแม่อยากจะกิน มนนมสดเหลือเกิน ลูกจึงจัดให้

โบกตุ๊กๆไปมนต์นมสดกันอีก 100 บาทขาดตัว จะต่อราคาก็ต่อไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง =_=

ถึงปุ๊ปกินปั๊บ งานกินจริงๆนะคะคุณแม่ :D

ร้านนี้เบาๆ กินได้ทั้งวันเรื่อยๆ เบาหวานกิน อิอิ

นมแก้วละ 35 บาท ขนมปังแผ่นละ 20 ราคาน่ารัก น่ากิน

ซื้อฝากป๊าฝากน้องไปอีก รักกันชวนกันเป็นเบาหวานนะคะ

จบทริปเบาๆแค่นี้พอ เพราะเวลาจำกัดเหลือเกิน

เรียกตุ๊กๆ กลับที่จอดรถอีก 60 บาท ถึงไม่ซิ่งเท่าคันแรก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครแซงตลอดทางนะคะ

^__________^

มาถึงตอนนี้ต้องกล่าวลากันละ จริงๆกระทู้นี้อาจไม่มีอะไรมากมายหรือพิเศษไปกว่ากระทู้อื่นๆเลย

มันก็อาจจะเป็นแค่ การแชร์ไดอารี่ของคนๆนึง ที่อยากให้ทุกๆวันเป็นวันพิเศษของแม่ก็เท่านั้น

วันนี้สิ่งที่เราให้แม่ได้ อาจไม่ใช่ของที่มีค่า แต่เราเชื่อว่า รอยยิ้มของแม่วันนี้

การที่ได้เห็นแม่มีความสุข ได้กิน ได้เที่ยวอย่างที่แม่แม่ต้องการ มันคือรอยยิ้ม

และความสุขที่มีค่ามากสำหรับลูกคนนึง

อย่าลืมทำทุกวันให้เป็นวันของแม่กันนะคะ ^^

Discussion (0)