เตือนทาปากด้วยเจลทินท์เทรนด์ใหม่เกาหลีเสี่ยงมะเร็ง

เตือนทาปากด้วยเจลทินท์เทรนด์ใหม่เกาหลีเสี่ยงมะเร็ง

 อย.เตือนวัยรุ่นแต่งหน้าเทรนด์เกาหลี ใช้เจลทินท์ทาในปากและแก้มให้ดูสวยสุขภาพดี อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งหรืออาจทำให้เกิดอาการแพ้ ปากบวมได้ เหตุเพราะเนื้อเจลไหลเข้าปากได้ง่ายกว่า ด้านแพทย์โรคผิวหนัง ระบุหากลิปสติกเครื่องสำอางมีส่วนผสมของสารตะกั่ว อาจเกิดอันตรายได้ แม้แต่ลิปสติกที่ใช้สีได้มาตรฐาน ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้หากทาซ้ำวันละหลายครั้ง เผยมีผู้ป่วยแพ้ลิปสติกเข้ารับการรักษากว่า 100 รายต่อปี

เมื่อ วันที่ 25 มกราคม นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วัยรุ่นไทยส่วนมากสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามอย่างมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงจะรู้จักใช้เครื่องสำอางตั้งแต่อายุยังน้อย และมักจะเน้นการแต่งหน้าอิงตามกระแสแฟชั่น เพื่อให้ดูสวยใส มีสุขภาพดี ดูเป็นธรรมชาติ

นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า เครื่องสำอางที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นไทยขณะนี้ก็คือเจลสี ที่วัยรุ่นเรียกว่าทินท์ (tint) เพื่อให้ปากมีสีอมชมพูระเรื่อ หรือออกโทนส้มอ่อน ดูแล้วจะให้ความรู้สึกว่าเป็นคนมีสุขภาพดี มีเลือดฝาดดี มีความสวยเป็นธรรมชาติ และทาลิปกลอสทับเพิ่มความมันวาวหรือเพิ่มความเซ็กซี่ เพราะฉะนั้น จึงมีผู้ผลิตเครื่องสำอางดังกล่าวออกมาจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ วางขายตั้งแต่ห้างร้านราคาแพงลงไปถึงตามตลาดนัดราคาถูก

“อย่างไรก็ตาม การใช้ทินท์แตกต่างจากลิปสติกทั่วไป ซึ่งมักจะทาที่ริมฝีปาก แต่การใช้ทินท์จะใช้ทินท์ป้ายเข้าไปในริมฝีปากด้านในทั้งบนและล่าง ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะมีโอกาสที่จะกลืนกินสีที่เป็นส่วนผสมในเจลทินท์เข้าไปในร่างกาย ง่ายกว่า โดยเฉพาะริมฝีปากด้านในเป็นเยื่อบุที่บอบบาง หากเป็นสีที่ไม่ใช่สีที่ใช้ผสมอาหาร เป็นสีต้องห้ามอันตราย หรือสีไม่ได้มาตรฐาน สารที่อยู่ในสีก็จะซึมเข้าไปตามเยื่อบุปาก และถูกกลืนกินเข้าไปในร่างกายได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งจากผลทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่าสามารถก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ ดังนั้นการเลือกใช้จึงต้องพิถีพิถันในเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษ” นพ.พิพัฒน์ กล่าว

นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กองเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบเครื่องสำอางประเภทลิปสติก ในรอบ 3 ปีมานี้ โดยเน้นตัวอย่างในแหล่งชุมชนที่มีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกและในจังหวัดที่ ติดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 693 ตัวอย่าง พบสีห้ามใช้ 164 ตัวอย่าง โดยลิปสติกที่ฉลากไม่ครบถ้วนหรือเป็นภาษาต่างประเทศ พบสีห้ามใช้ถึงร้อยละ 39 ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ดังนั้น วัยรุ่นที่คิดจะใช้เครื่องสำอาง จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีความปลอดภัย ซึ่งจะต้องดูจากบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปิดผนึกแน่นหนา ที่สำคัญต้องมีฉลากระบุส่วนผสมสำคัญ แหล่งผลิต ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ข้อแนะนำการใช้อย่างชัดเจน เครื่องสำอางที่แบ่งบรรจุ ไม่มีฉลากไม่ควรซื้อมาใช้อย่างเด็ดขาด

ด้าน นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า หากลิปสติกมีส่วนผสมของสารต้องห้าม เช่น สารนิเกิล โลหะหรือสารตะกั่ว ซึ่งเป็นสีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ก็จะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง เกิดพิษรุนแรง และพิษดูดซึมเข้าระบบทางเดินอาหาร ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือทำให้ริมฝีปากปวดแสบปวดร้อน คัน เห่อแดง บวม หรือลอกเป็นขุย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นลิปสติกที่ได้มาตรฐานทั่วไป แต่การใช้ลิปสติกทาบนริมฝีปาก ซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนวันละหลายครั้ง และสัมผัสริมฝีปากเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายกว่าผิวหนังบริเวณอื่น โดยสาเหตุของการแพ้นั้น มาจากน้ำหอมที่เป็นส่วนผสมในลิปสติก หรืออาจมีสารบางชนิดกระตุ้นให้เกิดการแพ้

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สีในลิปสติกบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับแสงแดด ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ ส่วนลิปสติกที่มีไขมันและน้ำมันน้อย อาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตก ทำให้แพ้ง่าย เป็นต้น โดยระยะในการแพ้จะอยู่ในช่วง 7-10 วัน ที่ผ่านมาพบว่าสีลิปสติกที่ทำให้ผู้ใช้แพ้มากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ให้สีสดคือ สีส้ม ชมพูและสีแดง แต่การแพ้นั้นไม่ได้เกิดทุกคน แต่ละปีจะมีคนแพ้ลิปสติก ปากเจ่อ พบแพทย์ที่สถาบันโรคผิวหนัง เฉลี่ยปีละประมาณ 100 ราย

“ปกติวัยรุ่นมักจะมีริมฝีปากเป็นสีที่เป็นธรรมชาติสวยอยู่แล้ว เพราะเป็นวัยที่มีสุขภาพดี การดูแลความสะอาดริมฝีปากและทาลิปมันหรือลิปกลอสเพื่อให้ความชุ่มชื้นจึงเพียงพอแล้ว และหากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะยิ่งช่วยให้ระบบการสูบฉีดเลือดในร่างกายดี ทำให้ปากและแก้มเป็นสีชมพูตามธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารและวิตามินครบถ้วน ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ปากชุ่มชื้น หากต้องการจะใช้เครื่องสำอาง ขอให้เลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ มีการรับรองมาตรฐานถูกต้อง และควรสังเกตอาการแพ้ด้วย เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้” นพ.จิโรจ กล่าว

น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ขอเตือนให้เด็กและเยาวชนรู้จักเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสมกับวัย ซึ่งความจริงแล้วในวัยเด็กเป็นวัยใส ที่ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งหน้า ทาปาก ก็มีความสวยใสในตัวอยู่แล้ว และยังมองว่าเด็กบางคนที่อยากแต่งหน้าเลียนแบบแฟชั่นต่างประเทศ ก็ไม่ได้ดูดีเอาเสียเลย อาจทำให้หน้าแก่ก่อนวัยด้วย ที่สำคัญราคาเครื่องสำอางส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งประเภทที่มีราคาถูกคุณภาพก็ไม่ดี หากเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจทำให้มีอันตรายเสี่ยงต่อชีวิตได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบการวางจำหน่วยของเจลสี หรือ ทินท์ พบว่า เครื่องสำอางประเภทเจลสี หรือ ทินท์ เป็นเครื่องสำอางยอดนิยมของกลุ่มวัยรุ่นไทย มีวางจำหน่ายทั่วไป ตั้งแต่ในตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงการขายเว็บไซต์ขายเครื่องสำอาง สนนราคาตั้งแต่ 80-1,000 บาท มีให้เลือกหลากหลายสี ทั้งสีแดง ชมพู ส้ม สตรอเบอร์รี่ ส่วนใหญ่มีการอวดอ้างว่าเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และอเมริกา เมื่อทาแล้ว ริมฝีปากจะดูอวบอิ่มวาวฉ่ำ เซ็กซี่ จนน่าหลงใหล ส่วนเมื่อทาแก้มจะเสริมความสวยใส สีแดงอมชมพูระเรื่อ เหมือนสาวเกาหลี

Discussion (4)

..... เราคือคนที่ช้ำใจ ในค.เห็นที่ 2 ค่ะ

.....


สื่อ เดี๋ยวนี้ ไร้จรรยาบรรณกันขั้นรุนแรง
น้ำว่าที่ห้ามใช้น่าจะเป็นของก๊อบอ่า
แล้วที่บ้าน2อันจะทำไงดีอ่ะ แงแง


แล้วถ้าไม่ใช่ทิน เราจะใช้อะไรแทนดีน้่า